หลังจากที่ “วันมะเร็งโลก” หรือ World Cancer Day ซึ่งตรงกับ 4 กุมภาพันธ์ของทุกปีได้ผ่านพ้นมา โรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถ อยากให้ทุกคนเข้าใจถึงการรักษา โรคมะเร็ง และดูแลป้องกันตนเองให้มีสุขภาพแข็งแรง ห่างไกลโรค มะเร็ง ไปด้วยกัน ซึ่งในแต่ละปีมีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การพัฒนาการรักษาโรคมะเร็ง เพื่อคืนคุณภาพชีวิตที่ดีให้ผู้ป่วย จึงไม่เคยหยุดยั้ง ซึ่งหากรู้เร็ว รักษาเร็ว ย่อมช่วยเพิ่มโอกาสการหายและการรอดชีวิต ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระยะของโรค ชนิดเซลล์มะเร็ง อายุ และสุขภาพของผู้ป่วย
ศาสตราจารย์พิเศษ นายแพทย์ธีรวุฒิ คูหะเปรมะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถ กล่าวว่า โรคมะเร็ง เป็นโรคที่สามารถพบได้ในทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึงผู้สูงอายุ เป็นโรคที่เกิดจากการมีเซลล์ผิดปกติในร่างกาย และเซลล์เหล่านี้ มีการเจริญเติบโตรวดเร็วเกินปกติ ร่างกายควบคุมไม่ได้ จึงเจริญลุกลาม และแพร่กระจายทั่วร่างกาย ส่งผลให้เซลล์ปกติของเนื้อเยื่อ อวัยวะต่างๆ ล้มเหลว ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ เป็นสาเหตุให้เสียชีวิตในที่สุด ได้แก่ ปอด ตับ สมอง ไต กระดูก และไขกระดูก
ในปีที่ผ่านมามะเร็งที่พบมากที่สุดในโลกคือ มะเร็งปอด และมะเร็งที่พบมากที่สุดในคนไทยคือ มะเร็งตับและท่อน้ำดี และมะเร็งเต้านม พบมากที่สุดในผู้หญิง ซึ่งการรักษาโรคมะเร็งที่มีประสิทธิภาพ คือ การรักษาที่เข้าถึงผู้ป่วยมะเร็งทุกคนได้อย่างสมบูรณ์ ด้วยเป้าหมายที่ต้องการให้ผู้ป่วยกลับมาดำเนินชีวิตได้อย่างยืนยาว ปิดทุกช่องว่างสุขภาพ เติมเต็มการรักษาผู้ป่วยมะเร็ง ซึ่งปัจจุบันการรักษามะเร็งมีหลายวิธี ได้แก่
8 วิธีรักษาผู้ป่วยโรค มะเร็ง เพื่อยับยั้งเซลล์มะเร็งผิดปกติ
1. การผ่าตัด (Surgery)
เป็นวิธีรักษามะเร็งเฉพาะที่ ซึ่งมีการพัฒนาการผ่าตัดให้ไม่สูญเสียอวัยวะ หรือสูญเสียน้อยที่สุด ที่สำคัญปัจจุบันมีเทคโนโลยีผ่าตัดผ่านกล้องแผลเล็ก ที่ให้ผลการรักษาเทียบเท่าการผ่าตัดแบบแผลเปิด แต่แผลเล็ก เจ็บน้อย เสียเลือดระหว่างผ่าตัดลดลง ฟื้นตัวไว ลดการเกิดผลแทรกซ้อน และการติดเชื้อจากการผ่าตัด ผู้ป่วยมะเร็ง จึงคลายความกังวลจากการผ่าตัดรักษาได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์เป็นสำคัญ
2. รังสีรักษาหรือการฉายแสง (Radiotherapy)
เป็นการใช้รังสีกำลังสูง เข้าไปทำลาย เซลล์มะเร็งในตำแหน่งที่กำหนด โดยแพทย์รังสี รักษาจะวางแผนการให้ปริมาณรังสีที่มีผลข้างเคียงกับผู้ป่วยน้อยที่สุด การใช้รังสีรักษาสามารถรักษามะเร็งบางชนิดให้หายขาด บรรเทาอาการจากมะเร็ง อาทิ ลดความเจ็บปวด หยุดการไหลของเลือด เป็นต้น อีกทั้งยังรักษาภาวะเร่งด่วนที่เกิดจากโรคมะเร็งได้ ซึ่งปัจจุบัน รังสีรักษา ได้พัฒนาไปมาก เพื่อให้รักษาได้ถูกต้องตรงตำแหน่ง และลดผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วย
3. เคมีบำบัด (Chemotherapy)
เป็นการรักษาโดยการให้ยา (สารเคมี) เพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง โดยยาเคมีบำบัดจะเข้าไปขัดขวางการแบ่งเซลล์มะเร็ง ที่แบ่งตัวเร็วกว่าเซลล์ปกติ จึงอาจมีผลข้างเคียงค่อนข้างมาก การรักษาด้วยยาเคมีบำบัด ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันนอกจากยาเคมีบำบัดจะช่วยให้หายขาด ยังสามารถให้ก่อนผ่าตัด เพื่อลดขนาดก้อนมะเร็ง และใช้รักษาเสริมหลังผ่าตัด เพื่อลดโอกาสมะเร็งกลับมาเป็นซ้ำ
4. ฮอร์โมนบำบัด (Hormonal Therapy)
เป็นการใช้ฮอร์โมน เพื่อยับยั้งหรือยุติการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ซึ่งใช้ได้ในการรักษามะเร็งบางชนิด อย่าง มะเร็งเต้านม ที่อาจต้องกระตุ้นด้วยฮอร์โมนเพศหญิง และมะเร็งต่อมลูกหมาก ที่กระตุ้นด้วยฮอร์โมนเพศชาย เป็นต้น
5. การรักษาด้วยยามุ่งเป้า (Targeted Therapy)
จะเข้าไปออกฤทธิ์เฉพาะเจาะจงกับเซลล์มะเร็ง เพื่อยับยั้งการแบ่งตัวและแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง มีประสิทธิภาพในการรักษาสูง ผลข้างเคียงน้อยกว่ายาเคมีบำบัด แต่ใช้ได้ดีกับเนื้อเยื่อมะเร็ง ที่มีเป้าจำเพาะต่อยาเท่านั้น จึงขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็งเป็นสำคัญ
6. การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy)
ใช้หลักการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง เพื่อต่อต้านเซลล์มะเร็งได้ดียิ่งขึ้น วิธีนี้ใช้รักษามะเร็งได้หลายชนิด ขึ้นอยู่กับชนิด ลักษณะ และความรุนแรงของโรค ส่วนใหญ่ได้ผลดีในการรักษาและผลข้างเคียงต่ำ แต่ต้องขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็ง
7. การปลูกถ่ายไขกระดูก (Bone Marrow/Stem Cell Transplantation)
มีทั้งแบบการใช้เซลล์ต้นกำเนิดของตัวเอง หรือของบุคคลที่มีความเข้ากันได้ของระบบภูมิคุ้มกัน ส่วนใหญ่ใช้ในการรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งระบบเลือดอื่นๆ หรือมะเร็งเซลล์สืบพันธุ์บางชนิด
8. การรักษาแบบผสมผสาน (Combined Modality Therapy)
เป็นการรักษาโรคมะเร็ง โดยใช้หลายวิธีร่วมกัน เพื่อเพิ่มโอกาสหายและรอดชีวิต แต่จะใช้วิธีใดขึ้นอยู่กับระยะ ความรุนแรงของโรค และสุขภาพของผู้ป่วย โดยแพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็ง จะประเมินการรักษาอย่างละเอียด เพื่อให้ผลการรักษาเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
นอกจากนี้ การดูแลสุขภาพที่ดี ทานอาหารที่มีประโยชน์ ถูกสุขอนามัย ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ไม่ตากแดดจ้า ไม่ทานปลาน้ำจืดดิบ และตรวจสุขภาพร่างกายอย่างเป็นประจำ จะช่วยให้สามารถป้องกันมะเร็ง และมีสุขภาพที่แข็งแรงได้ เนื่องในวัน World Cancer Day อยากให้ทุกคนป้องกันมะเร็งด้วยการดูแลสุขภาพให้ห่างไกลมะเร็ง และหมั่นตรวจเช็กร่างกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะมะเร็งหากรู้เร็ว รักษาเร็ว เพิ่มโอกาสหายได้.