“หนิง ปณิตา” หรือ “ปณิตา ธรรมวัฒนะ” เปิดใจครั้งแรกกับ “ธัญญ่า – เบนซ์” พิธีกรคุยแซ่บ show ถึงปัญหาชีวิตคู่ ระหว่าง “จิน จรินทร์” หรือ “จรินทร์ ธรรมวัฒนะ” กับประเด็นมือที่ 3 งานนี้คนแห่ให้กำลังใจล้นหลาม เพื่อให้แต่ละคนล้วนมีทางออกที่ตกลงกันได้ TOPPIC Time จะพาทุกคนไปฟังแบบละเอียด
หลายๆ คนคงรู้สึกว่ามานั่งสัมภาษณ์ในรายการ เราต้องเข้าข้างพี่หนิงแน่ๆ ซึ่งจริงๆ แล้วมันคือการชี้แจงข้อเท็จจริง เพื่อให้ทุกคนเข้าใจตรงกัน แล้วได้ยินจากปากพี่หนิง?
หนิง : ก่อนอื่นต้องบอกว่า การที่มาสัมภาษณ์วันนี้ หนิงได้มีการพูดคุยและปรึกษากับ ณิริน แล้ว ซึ่ง ณิริน ก็เป็นเด็กที่พร้อมจะเข้าใจ แล้วตัวเราเองจะเลี้ยงลูกโดยจิตแพทย์ มีการพูดคุยกันเป็นขั้นเป็นตอนเรียบร้อย แล้วก็ตกผลึกกันแล้วว่า การสอนลูกจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้น และแก้ปัญหาจากเรื่องจริง น่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับณิรินด้วย
ก่อนหน้านี้มันมีกระแสตั้งแต่ต้นปีแล้ว มันเป็นเรื่องของคนนี้หรือเปล่า แต่ตอนนั้นพี่หนิงออกมาตอบแล้ว แต่เหมือนยังไม่เคลียร์ แต่ล่าสุดสิ่งที่พี่หนิงโพสต์ยาวๆ ตอนนั้น ตัดสินใจยังไงถึงได้โพสต์ ?
หนิง : ต้องบอกว่าสภาพจิตใจเรา เห็นเราเป็นแบบนี้ ขออนุญาตใช้คำว่าเราพยายามสตรองมากกว่า แต่จริงๆ แล้วไม่ได้เป็นคนสตรองเลย ก็โพสต์ออกไปแบบนั้น
ตัดสินใจนานไหม ?
หนิง : ก็นานนะ คือถ้าเมื่อก่อนทำอะไรปุ๊บ คิดปุ๊บ ทำปั๊บทันที แต่เดี๋ยวนี้คิดปุ๊บ เขียนเสร็จ ก็จะนั่งถอยเวลามา ผ่านไป 2-3 ชั่วโมงรู้สึกยังไง ผ่านไปหนึ่งวันครึ่ง รู้สึกยังไง คือความรู้สึกถ้าเราตัดสินใจเลย ณ โมเมนต์นั้น มันจะเป็นอีกแบบ หลังๆ หนิงจะเป็นคนที่ทำอะไรช้ามาก ดึงจนบางทีบางคนไม่เข้าใจ ว่าดึงอะไร แต่เมื่อตัดสินใจทำแล้ว ขอให้มันเกิดข้อผิดพลาดได้น้อยที่สุด
เหตุผลอะไรที่ทำให้หนิงตัดสินใจโอเค ฉันพร้อม จะออกมาพูดแล้ว ?
หนิง : มันเริ่มกระทบแล้วลามไปคนรอบๆ ข้าง เราคิดว่าเรื่องนี้ เราน่าจะเคลียร์หลังบ้านได้ แต่มันได้เคลียร์หลังบ้านมาประมาณนึงแล้ว แต่มันไม่สำเร็จ พอมันไม่สำเร็จปุ๊บ มันก็ไม่ควรจะมีข่าว หรือมีเรื่องเกิดขึ้นอีก แต่ข่าวมันเกิดขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เรานิ่งนอนใจแบบนี้ การตัดสินใจเรื่องครอบครัวมันเป็นเรื่องใหญ่ แล้วตัวหนิงเองก็มีข้อผิดพลาดในชีวิตหนิง หนิงเป็นคนตัดสินใจเร็ว หนิงเป็นคนชัดเจน หนิงเป็นคนแรง ใจร้อน คือผิดว่าไปตามผิด ถูกว่าไปตามถูก แต่เหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมด ตลอดชีวิตการใช้ชีวิตแต่งงานของหนิงหลายๆ เรื่อง ต้นเหตุหนิงไม่ผิด แต่จบด้วยหนิงเป็นคนผิดทุกครั้ง เพราะหนิงขาดสติ ใช้อารมณ์ ไม่ฟังเหตุและผล แล้วมันเป็นปมในใจหนิงเสมอตลอด หนิงพยายามที่จะแก้ไขตรงนี้ เพราะวันนี้หนิงกำลังต้องสอนเด็กคนหนึ่ง นั่นคือลูกหนิง ให้เป็นคนที่ใช้ชีวิตในสังคมที่มันเกิดอะไรให้ได้ ก็ไม่รู้ทุกวันนี้หนิงแข็งแรงต่อหน้าทุกคน แต่เวลาที่หนิงถอยไปอยู่คนเดียว คนใกล้ตัวจะเห็นว่าหนิงเป็นยังไง ฉะนั้นถ้ามันสุดแรงเอื้อม หนิงขอจบปัญหาเองดีกว่า
ตลอดที่แต่งงาน 10 ปีพี่หนิงใช้ชีวิต หรือปรับกับมันเยอะแค่ไหนถึงมาจุดนี้ ?
หนิง : เยอะมากทุกวิถีทาง จากหนิงเป็นผู้หญิงทำงานแล้วกลับบ้าน ถ้าหนิงจะกินข้าว แฮงค์เอ้าท์ก็จะอยู่ในกลุ่มเพื่อน ถึงเวลาก็จะกลับบ้านนอน เพราะกลัวแก่ กลัวไม่สวย ปาร์ตี้ ไปเที่ยวบ้าง ก็ไปด้วยกัน แต่พอระยะยาว นานๆ เข้า หนิงรู้สึกว่า เช้าหนิงต้องทำงาน หนิงก็ทำงานไม่ได้ แล้วมันก็ไม่ใช่ตัวหนิง หนิงก็ต้องกลับมาอยู่ในจุดที่มันเป็นตัวหนิง
มีลูกด้วยแหละ มันเลยไม่สามารถใช้ชีวิตกลางคืนได้ ?
หนิง : มันเหนื่อย
มันถูกปรับและเข้าใจแล้วว่า เราใช้ชีวิตเหมือนเดิม เขาใช้เหมือนเดิม มันน่าจะดีนะ ?
หนิง : มันไม่ดี หนิงไม่รู้จริงๆ ว่าจุดเริ่มต้นมันเริ่มมาจากตรงไหน เพราะปัญหาเรื่องนี้มันมีมาเรื่อยๆ อยู่แล้ว ตั้งแต่เดย์วันที่เคยมีปัญหาข่าวใหญ่โตในอดีต หลังจบจากนั้นมันก็มีมาของมันเรื่อยๆ แต่คนเราพอเวลาอยู่ไปแล้ว มันปรับไปเรื่อยๆ ใช้ชีวิตหลายๆ อย่าง โดยเราก็ยอมรับ ส่วนใหญ่เราก็ผิด ไปจิก ตามไปหลายๆ อย่าง ก็ไม่รู้ว่ามันยังไง จนสุดท้าย…เราก็ยอมรับในความแบบ ถ้าจะมี ก็มีไปเลย ก็คือเราก็ทำใจได้
แล้วจริงๆ ทำใจได้ไหม ?
หนิง : ทำใจได้ค่ะ
คือถ้าเขาไปมีผู้หญิงอื่น โดยที่เรายังอยู่ในสถานะภรรยา อันนี้หนิงรับได้ ?
หนิง : ใช่ แต่ว่าอย่างที่หนิงพูด มันต้องมีเส้นที่ต้องไม่ล้ำเส้นกัน แล้วต้องไม่ทำให้เราต้องออกมาพูด ออกมาเคลียร์ ไม่ไปกระทบต่อความรู้สึกลูกเรา
มันก็มีภาพครอบครัว ที่ดูเหมือนว่าหนิงกับจินดูรักกันดี ?
หนิง : ใช่ หนิงคิดว่ามันน่าจะอยู่ตัวแล้ว โอเค ก็ไม่คิดไม่ฝัน ตอนนี้หนิงยังรู้สึกว่า มันจริงใช่ไหม แต่เมื่อมันเกิดปัญหาขึ้นแล้ว จริงๆ จะหลอกตัวเองว่ามันไม่จริง แล้วเดินหนีปัญหาเหมือนที่ผ่านมา ว่าปล่อยให้เรื่องมันเงียบ แล้วพอมันซาๆ แล้วค่อยออกมาพูดเบาๆ แล้วปล่อยเรื่องเงียบ ที่ผ่านมา มันทำอย่างนี้มาตลอด แต่ ณ วันนี้มันแรงขึ้นเรื่อยๆ
แล้วคนก็ไม่รู้ว่าความจริงคืออะไร ?
หนิง : เลยตัดสินใจว่าผ่าตัดทีเดียวให้มันจบ แล้วก็รักษาแผล รักษาใจหลังจากนี้ แล้วก็ให้เดินไปข้างหน้าได้อย่างมีพลัง หนิงตัดสินใจมาพูดวันนี้เพราะว่าหนิงเชื่อทุกๆ ปัญหา ณ วันนี้จบแบบนี้ หนิงเอง หนิงก็มีส่วนผิดแหละ แต่หนิงทำในส่วนที่หนิงผิดดีที่สุดแล้ว แล้วหนิงไม่อยากเกลียดจิน หนิงอยากให้วันนี้ หนิงมีโอกาสจับมือกับจินเพื่อลูก แต่ถ้ามันดึงไปมากกว่านี้ หนิงไม่มานั่งแอ๊บ คนเรามันช้ำเยอะๆ มันจะเปลี่ยนความช้ำเป็นความเกลียด รักเยอะ รักมาก ก็เกลียดมาก หนิงไม่อยากเกลียด หนิงอยากจับมือกับเขาต่อ แต่ในสถานะที่เขาเป็นพ่อของลูกหนิง ไม่ใช่ในสถานะที่เขาเป็นสามีหนิง หนิงว่าหนิงไตร่ตรองมาจนสุดแล้ว แล้วน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด และเป็นวิธีที่จินเองจะได้มีอิสระ และทำทุกอย่างได้อย่างมีความสุข แล้วไม่ทำให้ใครต้องเสีย
คิดดีแล้ว ?
หนิง : จริงๆ หนิงคิดเรื่องนี้มาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เพราะว่าที่ผ่านมา เราสองคนเวลาทะเลาะกัน เขาจะมั่นใจว่าเรารักเขา ต่อให้เขาทำผิดยังไง เราก็จะให้อภัย หนิงก็มั่นใจว่า เขารักหนิงมาก ต่อให้หนิงวี๊ดว้ายยังไง เขาก็รักหนิง ก็จะมีการท้าหย่ากันเบาๆ มาตลอดเวลา แล้วระยะหลังมันพูดบ่อย จนมันไม่ได้พูดกับหนิง แต่ไปพูดกับเพื่อนและคนรอบข้างหนิง แล้วพอคนรอบข้างหนิงมาถามหนิงว่า จะหย่ากันเหรอ หนิงก็ขำ ไม่มีอะไรหรอก บ้าบอใครจะไปหย่ากับมัน เราก็จะพูดอย่างนี้
แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ?
หนิง : จนกระทั่งหนิงพาลูกไปทำงาน ตอนนั้นหนิงไปเกาหลี แล้วหนิงก็อยู่เที่ยวกับครอบครัวหนิงต่อ แล้วมันก็เป็นข่าวนี้ช่วงวันวาเลนไทน์ หลังจากกลับมาที่เมืองไทย แล้วพี่ๆ ที่เป็นพี่ที่เคารพทั้งของหนิงและของจินเองหลายๆ ท่านก็ทนไม่ไหว เรียกให้มาเคลียร์ มาคุย แต่การคุยวันนั้น ก็ยังพูดว่าต้องการจะหย่า
เราหรือเขาพูด ?
หนิง : จินพูด
แสดงว่าการที่จินขอหย่าครั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรก พอมีผู้หญิงทีก็ขอหย่าที ?
หนิง : ใช่ๆ พอมีผู้หญิงที ก็ขอหย่าที
ที่ผ่านมาหนิงสามารถฝ่าฟันมันมาได้ แต่ ณ วันนี้อะไรที่ทำให้รู้สึกว่า ฉันจะหย่าให้ หนิงไม่รู้สึกว่าจะสู้ต่อ เดี๋ยววันนึงเขาเบื่อผู้หญิง แล้วกลับมาใช้ชีวิตครอบครัวกันเหมือนเดิม หนิงไม่คิดแบบนี้เหรอ?
หนิง : หนิงเหนื่อย แต่มันไม่กระทบกับครอบครัวไงพี่ ทุกครอบครัวไม่มีใคร ไม่มีปัญหา ทุกความสัมพันธ์ ไม่มีใครไม่มีปัญหา แต่ทุกความสัมพันธ์จะดีขึ้น มันต้องได้รับความร่วมมือทั้งสองฝ่ายที่จะแก้ไข
เราได้นั่งคุยกันเองสองคนไหม ที่ไม่ใช่มีคนอื่นเรียกเราไปคุย ?
หนิง : คุยค่ะ มันก็จะจบลงแบบเดิมๆ จนพี่เป๊กเรียกไปนั่งคุย ก็จะได้รับการจบที่ว่า เราสองคนจะทำให้ดีที่สุด แต่เหตุการณ์หลังจากที่กลับจากเกาหลี ก็ยังยืนยันในแบบนี้ ด้วยคำพูดที่ว่า ต่อให้ไม่มีผู้หญิงคนนี้ ก็จะเลิก พูดคำนี้หนิงบอกว่าได้ แล้วเราจะรับผิดชอบลูกร่วมกันอย่างไร เขาก็ให้ข้อเสนอมา 1.2.3.4. ก็ได้มีการทำบันทึกข้อตกลง 1 ฉบับ เพื่อจะเอาเอกสารฉบับนี้ยื่นไปให้ทนาย ทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย หลายคนคงคิดว่าเอกสารฉบับนั้น มันคงยิ่งใหญ่มหาศาล แล้วหนิงต้องได้รับอะไรที่แบบเยอะแยะมากมาย หนิงขออนุญาตใช้พื้นที่ตรงนี้เคลียร์ตัวหนิงเอง เพราะอันนี้คือจุดวี๊ดของหนิง เวลาหนิงได้ยินสิ่งเหล่านี้ คนจะเข้าใจว่า ดาราแต่งงานกับคนรวย เพราะเราอยากสุขสบาย อยากใช้เงินเขา เวลาเราเกิดปัญหาอะไรเหล่านี้ คนก็เขียนว่าก็เลือกเอง คบเอง อยู่สวยๆ ใช้เงินไป มันไม่เลิกหรอก เพราะว่าเงินอะเท่าไหร่ โคตรเจ็บปวดเลย
ผู้หญิงคนนี้ทำงานหาเงินมาตั้งแต่อายุ 15 ส่งน้องเรียน 3 คน จบการศึกษาที่ดีมากทุกคน ดูแลแม่และแต่งงาน หนิงไม่เคยไปเดือดร้อน หรือพึ่งพาอะไรคุณจินเลย หนิงดูแลตัวหนิงเองทั้งหมด ทุกคนเห็นว่าหนิงทำงานยังไงบ้าง หรือแม้กระทั่งในส่วนของลูก หนิงรับผิดชอบลูกครึ่งหนึ่ง แต่เอกสารฉบับนี้ ที่มันไม่จบ เพราะว่าจินไม่มาทำอะไรในสิ่งที่จินตกลงว่าจะทำ และสิ่งที่หนิงห่วงที่สุดเลย คือถ้าวันใดวันหนึ่ง มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของหนิง คนเป็นแม่จะรู้ดีว่า ความมั่นคงของลูกเรามันจะเป็นยังไงในอนาคต หนิงห่วงอย่างเดียวแค่ ณิริน เท่านั้น แล้วสิ่งที่หนิงขอให้กระทำให้ ณิริน มันก็เป็นเรื่องเล็กมากๆ ซึ่งถ้าหนิงจะทำสิ่งเหล่านั้นเองในวันนี้ หนิงก็ทำได้ แต่หนิงคิดว่า ให้ลูกได้รู้สึกภูมิใจว่า พ่อยังได้ทำหน้าที่การเป็นพ่อให้กับลูก
หนูยังเชื่อว่าจินรักลูกมาก ?
หนิง : หนิงก็ยังมีความเชื่อตรงนี้อยู่ แต่สิ่งที่หนิงต้องการ หนิงไม่ต้องการอะไรที่เป็นปากเปล่า ปากเปล่าใครจะพูดอะไรก็ได้ แล้วปากเปล่าเนี่ย พอเวลาที่เราแยกสถานภาพความเป็นสามีภรรยา เราคือคนนอก เราไม่มีสิทธิไปสั่งอะไรเขา ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุด มันควรจะทำเป็นลายลักษณ์อักษร เป็นเอกสาร เพราะเราต้องกันตัวเราในอนาคตว่า วันนี้เราเป็นสามี ภรรยา เราทะเลาะกัน เราพูดกันไม่รู้เรื่อง แต่ถ้าวันนึงเราแยกกัน เป็นเพื่อนกัน เราก็ต้องไม่ทะเลาะกันด้วย เราต้องคิดอะไรหลายๆ อย่าง อย่างละเอียดและไกลๆ ไม่งั้นกลายเป็นว่า ถ้าต้องทะเลาะกันในฐานะการเป็นเพื่อนกัน วันนี้ก็อยู่ด้วยกัน ไม่ต้องเลิกกันดีกว่าไหม ซึ่งเอกสารฉบับนี้หนิงได้เซ็นไปเรียบร้อยแล้ว
เป็นแค่ข้อตกลง ?
หนิง : เป็นแค่ข้อตกลง ยังไม่ได้มีการจดเซ็นใบหย่าใดๆ แล้วจากวันนั้นจนถึงวันนี้ หนิงก็ยังรอการที่จะมาเคลียร์ ว่าจะทำอย่างไร แล้วหนิงก็ไม่ได้รับการเคลียร์ตรงนั้นเลย ซึ่งหนิงก็ไม่รู้ว่า หนิงควรจะทำตัวยังไง แล้วพอมันมีข่าว มีปัญหาอะไรเข้ามา หนิงก็ไม่รู้ว่า หนิงจะตอบยังไง เพราะหนิงพยายามแก้ไขปัญหาหลังบ้านให้ดีที่สุด ซึ่งหวังว่า เดี๋ยวมันก็กลับมา จนเนี่ยมีข่าวล่าสุด หลังบ้านมันมีอะไรที่วุ่นวายกว่านั้นเยอะ จนหนิงตัดสินใจว่า ถ้าหนิงไม่ลุกขึ้นมาเดินนำ เรื่องนี้ก็จะไม่มีวันจบ
จริงๆ เรื่องนี้หนิงเป็นคนรู้เอง ?
หนิง : หนิงไม่ใช่เป็นคนรู้เรื่องนี้ คนที่เป็นคนรู้เรื่องนี้คือลูกหนิง แล้วมาเล่าให้หนิงฟัง
แล้วตอนที่พี่ได้ยินจากปากณิรินพี่รู้สึกยังไง ?
หนิง : ตอนนั้นมองเป็นเรื่องขำ มองเป็นเรื่องตลก คิดว่า ณิริน พูดเล่น ห่วงพ่อ ไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องจริง
แล้วพี่ไปบอกลูกว่าไง ?
หนิง : ไม่บอกลูกเลย ไม่ต้องกลับไปบอกอะไร เพราะว่ากับเด็กเนี่ย บางทีพอเราเคลียร์เรื่องนั้นจบแล้วเราต้องไม่ไปซ้ำเรื่องเดิมกับเด็ก หน้าที่ของแม่คือแค่ประคองความจริงที่เขารู้ ให้เขาเข้าใจความจริงในมุมที่เด็กควรจะเข้าใจ แล้วเราเป็นคนที่เวลาเรามีอะไร เราคุยกับลูกทุกเรื่อง เราก็พอเดาทางลูกถูกว่า ความเข้าใจอันนี้ มันเข้าใจไปแบบติดลบ หรือเข้าใจแบบเชิงบวก หรือเข้าใจกลางๆ
การที่หนิงตัดสินใจว่า อยากหย่าแล้ว แสดงว่าหนิงคุยกับลูกเรียบร้อย ?
หนิง : หนิงผ่านการคุยกับลูกเรียบร้อยแล้ว
ณิรินว่ายังไงบ้าง ?
หนิง : ณิริน ยังไม่เข้าใจการหย่า คนสำคัญที่สุดเลย ที่เขากลัวว่าจะไม่ได้เจอ คือคุณอาระรินกับคุณปู่ แล้วรองลงมา ก็จะเป็นคุณพ่อเขา เราเลยบอกว่า ไม่มีปัญหาเลย เพราะแม่ก็ยังเป็นลูกสาวปู่ แล้วยังเป็นพี่สาวอา และยังเป็นเพื่อนพ่อหนูอยู่ หนิงคิดทบทวนแล้ว ทบทวนอีก จนหนิงมั่นใจแล้วหนิงออกมาพูด เพราะนี่คือสิ่งที่ผ่านกระบวนการความคิดของหนิงมานานมากแล้ว
ใจจริงหนิงอยากหย่าไหม ?
หนิง : อยากนะ เจ็บไหมเจ็บ แต่หนิงไม่อยากเกลียดจิน หนิงยังอยากให้ จิน เป็นพ่อที่น่ารักมากๆ ของลูก หนิงว่ามันคือทางออกที่ดี
สำหรับลูกได้คุยกับณิรินหรือยัง ?
หนิง : คุยแล้วค่ะ อย่างที่บอกหนิงกับลูกมีอะไรคุยกันทุกเรื่อง เขาก็โอเค
โอกาสกลับมาคืนดีกับสามีจะมีหรือไม่ ?
หนิง : หนิงว่าเรื่องของอนาคต หนิงไม่สามารถตอบได้ หนิงตอบได้แค่เรื่องวันนี้ ณ ปัจจุบัน ที่หนิงตอบได้ เพราะหนิงคิดทบทวนกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้ว อะไรก็แล้วแต่ในอดีต เอามาขึ้นตราชั่งบวกลบคูณหารหลายๆ อย่าง หนิงว่า…นี่คือสิ่งที่ดีที่สุด หนิงอยากมีชีวิตใหม่ ที่มีเพื่อนชื่อ “จิน”
เป็นกำลังใจให้ “หนิง ปณิตา” กับ “จิน จรินทร์” ด้วย
TOPPIC Time เชื่อว่า “ความรัก” งดงามเสมอ
แต่ทั้งนี้ “เวลา” ก็ทำหน้าที่ของมันอยู่ตลอด
“ความสัมพันธ์” ในความรัก ก็เช่นกัน
สิ่งที่หนิงคิด เป็นเรื่องที่ดีมากๆ ขอชื่นชม
ทุกอย่างคิดบนความรู้สึกของลูกและจิน
ขณะที่ ตัวหนิงเอง ก็พร้อมจะยอมรับและเข้าใจ
ถ้าไม่ใช่ “สามี” ก็เป็นเพื่อนกันให้ได้
โดยมีจุดหมายร่วมกันคือ “ลูก”