TOPPIC Time จะพาไปชมการแข่งขัน นกเขาชวา เสียงนานาชาติ ซึ่งตั้งอยู่ที่ หมู่ 3 ต.ตลิ่งชัน อ.จะนะ จ.สงขลา มหกรรมยิ่งใหญ่แข่งขันนกเขาชวาเสียงชิงแชมป์นานาชาติ ระดับอาเซียน “นกเขาสันติสุข สันติภาพ” มีบรรดากลุ่มผู้เลี้ยงนกเขา เจ้าของฟาร์มนกเขา เซียนนกในภูมิภาคอาเซียน ทั้งไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย มีนกเขาลงแข่งขันมากถึง 1,200 ตัว ทำเอาสนามแทบแตก
เปิดกติกานกชวาเสียงดีชนะการแข่งขัน
กติกาการแข่งขันออกเป็น 6 ประเภท คือ BB1, BB2 หรือเบบี้ เป็นลูกนก, ประเภท DR หรือดาวรุ่ง และประเภทเสียงเล็ก เสียงกลาง เสียงใหญ่ ใช้กรรมการผู้เชี่ยวชาญในการแข่งนกเขาชวาเสียง ทั้งจากชมรมนกเขาชวาเสียง อ.จะนะ และกรรมการจากประเทศเพื่อนบ้าน ร่วมตัดสินเพื่อความยุติธรรม และเป็นสนามที่มีมาตรฐานการตัดสินที่ดีที่สุด
พัฒนาการแข่งขันแบบเหย้า-เยือน สร้างมาตรฐานระดับสากล
นายอับดุลรอหมาน เส็นแอ ประธานชมรมนกเขาชวาเสียง อ.จะนะ ระบุว่า หลังจากนี้จะพัฒนารูปแบบการแข่งขันนกเขาชวาเสียงในกลุ่มอาเซียน ให้เป็นแบบเหย้า-เยือน ทั้งแข่งในไทยและต่างประเทศ หวังใช้นกเขาชวาเสียงขับเคลื่อนเศรษฐกิจของ อ.จะนะ ไม่ว่าจะเป็นศูนย์กลางการซื้อขายนกเขาเสียง และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับนกเขาทั้งหมด เช่น กรงนก อาหารนก รวมถึงด้านการท่องเที่ยวด้วย
“หากชอบเสียงตัวใดสามารถติดต่อซื้อขายกับเจ้าของนกได้โดยตรง โดยเฉพาะนกเขาชวาที่ชนะเลิศแต่ละประเภท สามารถขยับราคาค่าตัวสูงขึ้น ตั้งแต่หลักหมื่นจนถึงหลักแสนบาท สถิติสูงสุดอยู่ที่ราคาตัวละ 2.5 ล้านบาท”
ประณีต-งดงาม-เก่าแก่ ต่อยอดธุรกิจ ‘กรงนกเขา’
ธุรกิจกรงนก อีกงานด้านศิลปะที่มีทั้งความสวยงาม ความชื่นชอบ และสร้างเม็ดเงินสำหรับผู้ที่โปรดปรานกีฬาประเภทนี้ ความโดดเด่นของกรงนกเขาชวา เป็นงานฝีมือ ลวดลายของไม้ และที่โดดเด่น คือ ความเก่าแก่ สร้างมูลค่าได้สูงยิ่ง
นายอานัส วันนิ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกรงนกเขาบ้านหัวดินเหนือ ต.ป่าชิง อ.จะนะ เผยว่า ราคาแพงแตะหลักแสน มาจากองค์ประกอบหลายอย่าง ทั้งความเก่าที่ใช้งานมากว่า 20 ปี เคยใช้เลี้ยงนกเขาราคาหลักล้านมาแล้ว และเซียนนกอยากได้กรงนี้ไปเลี้ยงนกเขา มีความเชื่อว่าจะสร้างเม็ดเงินให้อย่างมหาศาล เพราะนกเขาชวาเสียงดีหลายตัวที่มีชื่อเสียงและค่าตัวสูงหลักล้านเลี้ยงดูจากกรงนี้
องค์ประกอบและวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ทำกรง เช่น หัวทำจากงาช้าง คอนพาดกรงก็ทำจากงาช้าง และเป็นงาช้างที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฏหมายแล้ว ตะขอเกี่ยวก็เป็นงานตี งานฝีมือสมัยโบราณ ส่วนการแกะดอกก็เป็นกรงดอกหน้าเสื่อ ทำให้สนนราคากรงใบนี้ อยู่ที่ใบละ 180,000 บาท แต่ นายอานัส ระบุว่า แต่ตนไม่ขาย จะเก็บไว้เป็นกรงต้นแบบให้คนรุ่นหลังได้ดู ซึ่งเป็นกรงเก่าที่หายาก
ศิลปะ การแข่งขัน ความชื่นชอบ กระทั่งเป็นอาชีพ เป็นอีกมิติที่ลงตัวของชุมชนแห่งนี้ ดังนั้น ต้องอนุรักษ์ สืบสาน ต่อยอด ให้คงอยู่ตลอดไป!!