‘นกเขาไม่ขัน’ ทำรักสั่นคลอน และถึงขั้นเลิกรา เป็นข้อ 1 ที่กฎหมายเปิดช่องไว้ ให้สามีภรรยาสามารถฟ้องหย่ากันได้ วันนี้ TOPPIC Time ขอนำประเด็นนี้มาเขียนถึง เพราะถือเป็นเรื่องใกล้ตัว ใกล้ใจ เป็นสิ่งสำคัญยิ่งในชีวิตคู่ และจุดเริ่มต้นของครอบครัว หลังพบสถิติการหย่าร้างปัจจุบันพุ่งไม่หยุด
กางกฎหมาย ”หย่อนสมรรถภาพ” ยื่นฟ้องหย่าได้
กฎหมายกำหนดไว้ว่า สามีและภรรยา ที่จดทะเบียนสมรสกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหย่อนสมรรถภาพทางเพศ จนไม่สามารถร่วมประเวณีกันได้อีก อีกฝ่ายสามารถยื่นฟ้องหย่าได้ แต่ในกรณีที่ผู้ยื่นฟ้องหย่า เป็นผู้กระทำให้อีกฝ่ายหนึ่งหย่อนสมรรถภาพทางเพศ กรณีนี้หมดสิทธิ์ฟ้องหย่าทันที
- มาตรา 1516 (10) สามีหรือภริยามีสภาพแห่งกาย ทำให้สามีหรือภริยานั้น ไม่อาจร่วมประเวณีได้ตลอดกาล อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
- มาตรา 1517 (2) ถ้าสามีหรือภริยาแล้วแต่กรณี ได้ยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจในการกระทำที่เป็นเหตุหย่านั้น ฝ่ายที่ยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจนั้น จะยกเป็นเหตุฟ้องหย่าไม่ได้ *เหตุฟ้องหย่าตามมาตรา 1516 (10) ถ้าเกิดเพราะการกระทำของอีกฝ่ายหนึ่ง อีกฝ่ายหนึ่งนั้นจะยกเป็นเหตุฟ้องหย่าไม่ได
เปิด 10 สาเหตุฟ้องหย่า ตามมาตรา 1516
(1) สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้หรือมีชู้ หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(2) สามีหรือภริยาประพฤติชั่ว ไม่ว่าความประพฤติชั่วนั้นจะเป็นความผิดอาญาหรือไม่ ถ้าเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่ง
(ก) ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง
(ข) ได้รับความดูถูกเกลียดชังเพราะเหตุที่คงเป็นสามีหรือภริยาของฝ่ายที่ประพฤติชั่วอยู่ต่อไป หรือ
(ค) ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร ในเมื่อเอาสภาพฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(3) สามีหรือภริยาทำร้าย หรือทรมานร่างกายหรือจิตใจ หรือหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่งหรือบุพการีของอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ ถ้าเป็นการร้ายแรง อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(4) สามีหรือภริยาจงใจละทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่งไปเกินหนึ่งปี อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(4/1) สามีหรือภริยาต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกและได้ถูกจำคุก เกินหนึ่งปีในความผิดที่อีกฝ่ายหนึ่งมิได้มีส่วนก่อให้เกิดการกระทำความผิด หรือยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดนั้นด้วย และการเป็นสามี ภริยากันต่อไปจะเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(4/2) สามีและภริยาสมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกัน ฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขตลอดมาเกินสามปี หรือแยกกันอยู่ตามคำสั่งของ ศาลเป็นเวลาเกินสามปี ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(5) สามีหรือภริยาถูกศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญ หรือไปจากภูมิลำเนา หรือถิ่นที่อยู่เป็นเวลาเกินสามปี โดยไม่มีใครทราบแน่ว่าเป็นตายร้ายดีอย่าง ไร อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(6) สามีหรือภริยาไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่งตาม สมควร หรือทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีหรือภริยากันอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ ถ้าการกระทำนั้นถึงขนาดที่อีกฝ่ายหนึ่งเดือดร้อนเกินควรในเมื่อเอา สภาพ ฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ อีกฝ่าย หนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(7) สามีหรือภริยาวิกลจริตตลอดมาเกินสามปี และความวิกลจริตนั้นมี ลักษณะยากจะหายได้ กับทั้งความวิกลจริตถึงขนาดที่จะทนอยู่ร่วมกัน ฉันสามีภริยาต่อไปไม่ได้ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(8) สามีหรือภริยาผิดทัณฑ์บนที่ทำให้ไว้เป็นหนังสือในเรื่องความประพฤติอีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(9) สามีหรือภริยาเป็นโรคติดต่ออย่างร้ายแรงอันอาจเป็นภัยแก่อีกฝ่าย หนึ่งและโรคมีลักษณะเรื้อรัง ไม่มีทางที่จะหายได้ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(10) สามีหรือภริยามีสภาพแห่งกายทำให้สามีหรือภริยานั้น ไม่อาจร่วมประเวณีได้ตลอดกาล อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
ปัจจัยหลักของการ ‘ฟ้องหย่า’ ในสังคมไทย
- อันดับ 1 มาจากเรื่อง ‘ความรุนแรงในครอบครัว’ การทำร้ายร่างกายจนทนไม่ไหว
- อันดับ 2 ‘นอกใจ’ มีกิ๊ก มีเมียน้อย และยกย่องคนใหม่ สถิติใกล้เคียงกับ ข้อ 1
- อันดับ 3 ไม่รับผิดชอบ ไม่ดูแลครอบครัว
- อันดับ 4 ปัญหายาเสพติด มักบานปลายด้วยการทำร้ายร่างกายคู่รักด้วย
การหย่าร้างเพิ่มขึ้น… ถือเป็นเรื่องปกติของคนยุคนี้ เพราะผู้หญิงสมัยนี้ทำงานหาเงินด้วยตัวเอง ไม่ต้องขอเงินผู้ชายเหมือนคนยุคเดิม จึงไม่ขอทน ขณะที่ผู้ชายบางส่วนคิดว่า ลูกเมียเป็น ‘สมบัติ’ ของตนเอง ขณะที่สาเหตุฟ้องหย่าจริง ๆ เป็นเรื่องของ 2 คน ไม่มีใครนำมาโพนทะนาในที่สาธารณะ เมื่อไปกันไม่ได้ การปิดฉากเลิกรา ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องที่เลวร้ายเสมอไป … แล้วจะรออะไร ก็ Move On สิ!!