ตำรวจรวบ แก๊งนักล่าสมบัติโบราณ เหมือนในหนัง ไลฟ์สดขุดหาของล้ำค่า ตามสถานที่ต่างๆ ก่อนโพสต์ขาย จนท.ยึดโบราณวัตถุได้นับ 1,000 ชิ้น…
เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2566 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. บูรณาการประสานความร่วมมือกับ นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ป. ร่วมกันจับกุม แก๊งนักล่าสมบัติโบราณ ได้ 3 ผู้ต้องหา คือนายทศพร อายุ 26 ปี และนายทศพล อายุ 19 ปี ที่โพธาราม จ.ราชบุรี และจับนายศรีออน อายุ 46 ปี ได้ที่ อ.เมืองพะเยา
ในข้อกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน “เป็นผู้เก็บได้ซึ่งโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุ ที่ซ่อนหรือฝังหรือทอดทิ้งโดยพฤติการณ์ ซึ่งไม่มีผู้ใดสามารถอ้างว่า เป็นเจ้าของได้และเบียดบังเอาโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุนั้น เป็นของตน หรือของผู้อื่นโดยผิดกฎหมาย และจำหน่ายเอาไปเสีย ซึ่งโบราณวัตถุ หรือศิลปวัตถุ โดยผิดกฎหมาย”
พร้อมตรวจยึด เครื่องสแกนโลหะ 11 เครื่อง พร้อมอุปกรณ์การขุด สิ่งของคล้ายโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ จำนวน 970 ชิ้น สมุดบัญชีธนาคาร 4 เล่ม จากสถานที่ตรวจค้น 9 จุด ในจังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง พะเยา และสุโขทัย
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากตำรวจได้รับแจ้งเบาะแสจากกลุ่มผู้อนุรักษ์โบราณวัตถุ ว่ามีกลุ่มบุคคลลักลอบขุด ค้า โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ โดยมีการนำโบราณวัตถุต่างๆ มาเสนอขายผ่านช่องทางออนไลน์โดยผิดกฎหมาย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวนร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร
จากการตรวจสอบเฟซบุ๊กของ แก๊งนักล่าสมบัติโบราณ พบมีการประกาศขายสิ่งของคล้ายโบราณวัตถุจำนวนหลายรายการ ทางตำรวจจึงได้ทำการติดต่อซื้อ ก่อนนำส่งตรวจพิสูจน์ที่กรมศิลปากร พบว่า วัตถุดังกล่าวเป็นโบราณวัตถุ ตามพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 (แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535) จริง ซึ่งตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว ห้ามมิให้มีการขุด ค้นหา หรือซื้อขายโบราณวัตถุ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ติดตามตัวผู้กระทำความผิด มาดำเนินคดีโดยเร็ว
หลังสืบสวนพบว่า กลุ่มคนร้ายมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกัน โดยผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาที่ 2 ซึ่งเป็นพี่น้องกัน มีการโพสต์ภาพผ่านทางเฟซบุ๊กขณะไปร่วมกันขุดหาโบราณวัตถุตามสถานที่ต่างๆ หลังจากนั้นจะนำโบราณวัตถุต่างๆ มาประกาศขายผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยในภาพที่ผู้ต้องหาโพสต์ยังปรากฎบุคคลอื่นๆ ที่ร่วมกันขุดหาสิ่งของโบราณวัตถุกับผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐาน และขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้กระทำความผิดจำนวน 3 หมายจับ พร้อมขออนุมัติศาลออกหมายค้นสถานที่ ที่เชื่อว่าน่าจะมีการซุกซ่อนโบราณวัตถุหรือสิ่งของต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด
จากการตรวจสอบบัญชีธนาคารของผู้กระทำความผิด พบมีรายได้ต่อเดือนประมาณ 200,000 บาท และมียอดเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 10 ล้านบาท ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม จากสอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ส่วนผู้ต้องหาที่ 3 ให้การปฏิเสธ.