โควิดระบาดแบบนี้ทำให้หลายคนแทบไม่ได้เดินทางออกไปไหนเลย แต่เจ้ารถยนต์คันโปรดนี่สิ กลับมีแต่ฝุ่นเกาะ ครั้นจะไปล้างคาร์แคร์ มันก็ดูจะเสี่ยงเกินไป แต่จะให้ไม่สนใจเจ้าฝุ่นที่เกาะอยู่เลย มันก็ยากที่จะทำใจได้ หันไปอีกที…ฝุ่นเขลอะเลยจ้า วันนี้ TOPPIC Time ชวนคุณมาเปิดคาร์แคร์ที่บ้านกัน กับ How to ล้างรถ ว่าควรล้างรถอย่างไรให้ถูกต้องและถูกวิธี เพื่อให้รถยนต์ของคุณ เงางามเหมือนล้างที่คาร์แคร์ แล้วคาร์แคร์ที่มีคุณภาพเค้าล้างกันแบบไหน รถเราถึงได้เงาแว๊บขนาดนั้น ไปค่ะ…ไปดูวิธีล้างรถตามฉบับคาร์แคร์ดีเทลลิ่งกัน รับรองรถคันโปรดของคุณ จะสวยเหมือนใหม่และไร้รอยขนแมวอีกด้วย (อ่านเพิ่มเติม : ปัญหา “รอยขนแมว” บนรถยนต์ ที่มีพร้อมวิธีแก้)
How to ล้างรถยังไงให้ถูกวิธี เงาแว๊บและไร้รอยขนแมว
4 อุปกรณ์ล้างรถที่ไม่ทำให้เกิด “รอยขนแมว”
1. โฟมล้างรถ
“โฟมล้างรถ” ตัวช่วยเพิ่มความเงา จะคุณจะเลือกใช้แบบไหนก็ได้ จะถูกจะแพงไม่ใช่ปัญหา เอาตามกำลังทรัพย์ แต่สำคัญคือ…ต้องเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับรถเท่านั้น จะมาแชมพูสระผม น้ำยาล้างจาน หรือผงซักฟอก ถามว่าใช้ได้ไหม TOPPIC Time ขอตอบตรงนี้เลยว่า…ได้ แต่มันไม่เหมาะ เราควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับวัสดุ หรือพื้นผิวของสีรถที่เราจะทำความสะอาด จะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีกว่าจ้า เพราะหากเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทอื่น อาจกัดสีรถของคุณให้ซีดจาง ไม่เงาแว๊บนะคะ
2. ถังน้ำ
ถังน้ำสำหรับตีโฟม เลือกขนาดพอเหมาะ ใช้งานสะดวก หรือแอบยืมของคุณแม่บ้านมาสักใบก็ได้ค่ะ ใช้เสร็จแล้วก็อย่าลืมล้างเก็บให้เข้าที่นะจ๊ะ เดี๋ยวงานเข้า แล้วจะหาว่าไม่เตือน
3. ถุงมือล้างรถ
“ถุงมือล้างรถ” หรือที่เขาเรียกกันว่า “ถุงมือตัวหนอน” ทำจากผ้าไมโครไฟเบอร์ ซึ่งเหมาะสำหรับรถหรือพื้นผิวมันเงา เดี๋ยวนี้หาซื้อง่าย แค่คลิกก็ส่งถึงบ้านแล้วจ้า
4. ผ้าไมโครไฟเบอร์
“ผ้าไมโครไฟเบอร์” ชิ้นนี้ขอเน้นย้ำหน่อยนะคะ ว่าควรมีสัก 2 ผืน ผืนแรกสำหรับเช็ดสีรถเท่านั้น ส่วนอีกหนึ่งผืนสำหรับทำความสะอาดล้อรถ สามารถใช้ผืนเก่าที่เคยใช้ล้างรถมาแล้วก็ได้ค่ะ เพื่อป้องกันทรายจากล้อติดบนผ้า ถ้าหากเรานำไปใช้งานบนสีรถอีก นี่แหล่ะสาเหตุอีกหนึ่งประการที่ทำให้เกิด “รอยขนแมว” นอกเหนือจากการปัดด้วยไม้ขนไก่หรือไม้ปัดฝุ่น
How To ล้างรถให้ถูกวิธี เงาแว๊บแบบไม่ง้อคาร์แคร์
1. มาเริ่มที่ขั้นตอนแรก โดยการฉีดน้ำให้ทั่วรถ เน้นในส่วนของด้านล่างของตัวรถ เพราะบริเวณนั้นจะมีเศษทราย ที่ถูกดีดมาจากถนนจำนวนมาก แล้วเกาะอยู่เยอะกว่าบริเวณอื่น หากมีสายฉีดแรงดันจะช่วยทำให้ทรายหลุดออกได้เยอะขึ้น
2. จากนั้นนำโฟมล้างรถผสมกับน้ำ แล้วตีให้เกิดฟองในถังที่เราเตรียมไว้ ใช้ถุงมือชุปโฟมล้างไปบนสีรถได้เลย
3. ทริคเล็กๆ ท่องจำให้ขึ้นใจเลยนะคะว่า…ล้างจากบนลงล่าง โดยเริ่มจากฝาประโปรงหน้า กระจก หลังคา ยาวไปถึงฝากระโปรงท้าย แล้วค่อยไล่ลงมาส่วนล่างที่เหลือ ทำแบบนี้จะช่วยลดการเกิด “รอยขนแมว” ได้ดียิ่งขึ้นค่ะ
4. เมื่อล้างเสร็จครบสิ้นกระบวนการ ก็ฉีดน้ำล้างโฟมให้หมดจด เหมือนเราอาบน้ำล้างสบู่เลยจ้า…แบบนั้นเลย
5. ต่อมาคือการเช็ดน้ำ โดยใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์นำไปชุบน้ำ บิดหมาดๆ แล้วค่อยๆ เช็ดไปทีละส่วน จนน้ำแห้งสนิท หรือใครมีผ้าชามัวร์มาช่วยลากน้ำออกในขั้นตอนนี้ ขอบอกว่า…ช่วยได้เยอะเลยจ้า
6. น้ำในถังอย่าเพิ่งทิ้งนะจ๊ะ มาต่อกันที่ล้อแม๊กซ์เลย ฉีดน้ำในซุ้มล้อ แล้วใช้ผ้าผืนที่เตรียมไว้สำหรับเช็ดล้อ ทำงานเช็ดล้อแม๊กซ์อย่างบรรจง จุดนั้นอาจจุกจิกนิดนึง แต่ก็ขึ้นอยู่ลักษณะแม๊กซ์ของคุณด้วย จากนั้นก็ล้างน้ำออกตามปกติ ใช้ผ้าผืนเดิมซักด้วยสบู่ ล้างน้ำบิดหมาดๆ นำมาเช็ดแม๊กซ์ให้แห้งเลยจ้า หากใครมีออฟชั่นเสริม สเปรย์แว๊กซ์ น้ำเช็ดกระจก หรือน้ำยาทายาง ก็นำมาจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบได้เลย เพียงเท่านี้…แค่ทำตามขั้นตอนการล้างรถอย่างถูกวิธี ไม่ว่าจะลงอะไรก็ตาม รถของคุณก็จะเงาแว๊บ ไร้ที่ติเลยทีเดียว
แถมกันอีกทริคหนึ่งที่ TOPPIC Time อยากจะแอบบอกก็คือ เราแนะนำให้คุณเลือกล้างรถในช่วงเวลาเช้าๆ และล้างในพื้นที่สว่างๆ นะคะ เพราะเราจะได้เช็ครายละเอียด หรือ “รอยขนแมว” ได้ดียิ่งขึ้น ที่สำคัญอย่าลืมล้างอุปกรณ์ต่างๆ ผ้าไมโครไฟเบอร์ ถุงมือล้างรถ แนะนำให้ซักสบู่ และควรตากในร่มเท่านั้น เพื่อไม่ทำให้ผ้าแข็งกระด้างจ้า เอาเป็นว่า…เรื่องๆ เล็กๆ เกี่ยวกับการล้างรถ เราไม่ควรมองข้ามเด็ดขาดนะคะ เพราะมันอาจส่งผลต่อรถคันโปรดของคุณได้
ครั้งหน้า TOPPIC Time จะมาบอกวิธีล้างขี้นนกแบบไม่ทิ้งรอยมาฝาก อย่าลืมติดตามนะคะกันได้ที่ ลิงค์นี้ นะคะ.