ถอดคำต่อคำ ผบ.ตร.แถลงสดที่กองปราบ จับกุม ผู้กำกับโจ้ พร้อมถอดคำสัมภาษณ์ผู้กำกับโจ้ โฟนอินตอบคำถามนักข่าวรัวๆ ยืนยันไม่มีเจตนาทำให้เสียชีวิต และขอรับผิดแต่ผู้เดียว เกาะติดทุกขั้นตอนขอมอบตัวที่ สภ.แสนสุข จังหวัดชลบุรี…
เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2564 รายงานการเกาะติดเหตุสะเทือนวงการตำรวจ กรณี พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ หรือ ผู้กำกับโจ้ ร่วมกับผู้ใต้บังคับบัญชารวม 7 คน ร่วมกันก่อเหตุร่วมกันทำร้ายร่างกาย โดยทรมานผู้ต้องหาคดียาเสพติด ด้วยการใช้ถุงคลุมศีรษะจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต ที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ ซึ่งปรากฏเป็นข่าวและมีหลักฐานเป็นคลิปแล้วนั้น ตลอดวันนี้มีข่าวการจับกุมตัวได้แล้วตั้งแต่ช่วงบ่าย แต่ก็ยังไม่มีการยืนยันแต่อย่างใด
แถลงข่าวจับ ผู้กำกับโจ้ โฟนอินตอบคำถามถอดคำต่อคำ
ไทมไลน์จับ ผู้กำกับโจ้ ตลอดวัน
จนเวลาประมาณ 15.00 น. เริ่มมีรายงานเพิ่มเติมว่า…ผู้กำกับโจ้ ส่งพิกัดขอมอบตัว ระบุว่าอยู่ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่ตำรวจประสานประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อรับตัวเข้าเซฟเฮาส์ที่จังหวัดนครสวรรค์ แต่เวลาต่อมาไม่นาน พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. แถลงที่นครสวรรค์ว่า…นั่นคือข่าวลวง และไม่ยืนยันรวบตัวผู้กำกับโจ้แล้ว
จากนั้นมีหมายข่าว ระบุว่า…จะมีการแถลงข่าวการจับกุม ผู้กำกับโจ้ ในเวลา 21.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม กรุงเทพมหานคร ท่ามกลางการปักหลักรอทำข่าวของสื่อมวลชนจำนวนมาก
แถลงข่าวจับ ผู้กำกับโจ้ ที่กองปราบฯ
จนเมื่อเวลา 21.45 น. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. , พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รอง ผบช.ภ.6 และคณะทำงาน แถลงข่าวการจับกุม ผู้กำกับโจ้ โดยเราจะถอดคำพูดแบบคำต่อคำ ให้ได้ยินกันตั้งแต่ช่วงเริ่มแถลงข่าว เริ่มต้นที่…
พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวเปิดแถลงข่าวว่า…
“เรียนพี่น้องสื่อมวลชน เป็นที่ทราบกันดีในเหตุที่เกิดขึ้น ตั้งแต่วันที่ 5 สิงหาคม หลังจากเกิดเหตุที่มีผู้เสียชีวิตขณะที่อยู่ในการควบคุมของเจ้าพนักงานตำรวจ ต่อมาก็มีข่าวในโลกโซเซียล มีการอ้างว่าถูกทำร้ายเสียชีวิต ซึ่งท่านก็ทราบดี ว่าเรื่องมันเป็นยังไง ทางฝ่ายสอบสวน ที่นำโดย พล.ต.อ.สุชาติ ได้ออกหมายจับข้าราชการไปทั้งหมด 7 คน ซึ่งตอนนี้อยู่ในความควบคุมของพนักงานสอบสวนที่นครสวรรค์แล้ว 5 คน และ ผู้กำกับโจ้ ก็อยู่ที่นี่คือคนที่ 6 ส่วนคนที่ 7 กำลังขึ้นเครื่องบินมาจากจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งครบทั้งหมด”
“อยากเรียนว่า…การจับกุมก็ดี การรับมอบตัวก็ดี เราพยายามทำเพื่อให้สังคมเห็นว่า เราไม่เคยปกป้องคนกระทำผิด เราเอาทุกๆ คน เข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรม มันอาจจะไม่ได้ช่วยให้สิ่งที่สูญเสียไป มันดีขึ้น แต่อย่างน้อยก็ให้เห็นว่า เราไม่เคยปกป้อง แล้วสังคมตำรวจ องค์กรตำรวจ จะอยู่ได้ความเชื่อมั่นของพี่น้องประชาชน”
ผบ.ตร.ยืนยันองค์กรตำรวจตรวจสอบได้
“ที่ผ่านมาในนามขององค์กร ตำรวจทุกคน ขอโทษพี่น้องประชาชนที่เกิดเรื่องแบบนี้ แต่ผมยืนยันว่า องค์กรเราเป็นองค์กรที่ตรวจสอบได้ ท่านจะเห็นว่า ไม่เคยมีตำรวจที่กระทำผิดแล้วพ้นโทษ ไม่มี ไม่เคยมีใครที่ทำผิดแล้วหลบหนีไปได้ลอยนวลแบบนั้น ส่วนใหญ่แล้วเราดำเนินการเกือบทั้งหมด ก็ยืนยันว่า แม้จะเป็นยศชั้นไหนเหมือนกัน ตั้งแต่ ผบ.ตร.ลงไปถึงลูกแถว ถ้าทำอะไรไม่ดี ทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ ก็อยากให้มั่นใจ
แล้ววันนี้รายละเอียด ผมเชื่อว่า ก็อยากจะฟังจากปากผู้กระทำ ซึ่งเราไม่มีนโยบาย เอาผู้ต้องหามาแถลงข่าวอย่างที่ทราบ แต่จะใช้วิธีโฟนอินเข้ามา ถ้าผู้สื่อข่าวสนใจจะถาม ก็จัดระเบียบก่อนหลัง เชื่อว่าพี่น้องสื่อมวลชนเป็นมืออาชีพอยู่แล้ว คงจะจัดการกันได้ จะให้เจ้าหน้าที่ต่อโทรศัพท์ให้”
โฟนอินแถลงข่าว ผู้กำกับโจ้ ตอบคำถาม
เวลา 21.48 น. เสียง ผู้กำกับโจ้ ซึ่งอยู่ในสายดังขึ้น โดย ผบ.ตร. พูดว่า
ผบ.ตร. : โจ้ๆ ได้ยินมั้ย?
ผู้กำกับโจ้ : ได้ยินครับท่านครับ
(แม้สัญญานจะตะกุกตะกัก แต่ก็ยังพอได้ยินและสื่อสารได้)
ผบ.ตร. : ตอนนี้อยู่ในห้องแถลงข่าว เสียงของโจ้มีการถ่ายทอดออกไปทั่วประเทศ ออกสู่สาธารณชน พี่น้องสื่อมวลชนอยู่นี่จำนวนมากมาย อยากจะเตือนก่อนว่า สิ่งที่โจ้พูด มีคนฟัง มีการถ่ายทอดสดออกไป โจ้ต้องรู้ว่าสิ่งที่พูด มันเป็นพยานหลักฐานยันตัวเองได้ในชั้นศาล ไม่มีใครมาบังคับ ขู่เข็ญ หลอกลวงให้สัญญา หรือทำธุรการใดๆ ให้มาพูด เข้าใจใช่มั้ย? และตอนนี้มีคนที่ไว้วางใจอยู่ด้วยมั้ย?
ผู้กำกับโจ้ : ทราบครับ มีครับ มีทนายความส่วนตัว และตำรวจอยู่ด้วยครับ
ผบ.ตร. : มีทนายความส่วนตัวอยู่ด้วยนะ?
ผู้กำกับโจ้ : มีครับ แล้วก็มีตำรวจอยู่ด้วยครับ
ผบ.ตร. : พี่น้องสื่อมวลชนจะสอบถาม โจ้เต็มใจจะตอบคำถามมั้ย?
ผู้กำกับโจ้ : เต็มใจตอบคำถามครับ
(สัญญานไม่ดี ผบ.ตร. จึงถามว่า…เมื่อกี้ฝ่ายเทคโนโลยีมาเช็คทีแล้วใม่ใช่เหรอ?)
ผบ.ตร. : เชิญเลยครับ ถามว่าอะไร?
ผู้กำกับโจ้ ตอบคำถามนักข่าว
ผู้สื่อข่าว : ท่านจะยอมรับสารภาพการกระทำที่เกิดขึ้นมั้ย?
ผู้กำกับโจ้ : ผมขออนุญาตพูดว่า ข้อหาที่ตั้ง ผมขออนุญาตให้การในชั้นศาล แต่ว่าผมจะเล่าข้อเท็จจริงให้ฟัง ข้อเท็จจริงคือ ลูกน้องมาแจ้งว่า จับผู้ต้องหายาเสพติดมาได้ และเจอโทรศัพท์เพิ่งถ่ายรูปมาก่อนหน้านี้ 2 ชั่วโมง มียาไอซ์ 1 กิโล และก็ยาบ้าประมาณเกือบๆ หมื่น 2 หมื่นเม็ด ปกติผมไม่เคยลงไปดูเลย แต่เห็นว่าเป็นเคสใหญ่ ผมก็เลยลงไปดู พยายามสอบถามแล้วก็ไม่ยอมบอกความจริง ผมยอมรับครับว่า สิ่งที่ทำไปไม่ถูกต้อง แต่สิ่งที่ทำไป ต้องการเอาข้อมูล และทำลายยาเสพติดที่ทำลายพี่น้องประชาชนในนครสวรรค์ครับ ส่วนลูกน้องทุกคน ผมขอยอมรับผิด ผมสั่งลูกน้องให้ทำเองครับ ลูกน้องไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แล้วก็ห้ามผมแล้ว ผมขอรับแต่ผู้เดียว เพราะว่าผมเป็นนาย สั่งลูกน้อง ลูกน้องก็ต้องทำครับ เราทำเพื่อต้องทำงาน เรื่องเงินไม่มีครับ
ผู้สื่อข่าว : ที่ใช้ถุงดำคลุมหัว ต้องการให้มีการสารภาพ หรือว่าเรียกรับเงินด้วย?
ผู้กำกับโจ้ : ไม่มีครับ ผมเอาถุงคลุมเค้า จริงๆ เจตนาตอนแรก คือไม่อยากให้เค้าเห็นหน้า แต่เค้าเอามือมาพยายามฉีกถุง ผมเองเลยจะต้องมัดเค้า และหลังจากนั้นก็เอากุญแจไขว้หลัง ไม่งั้นเค้าก็จะฉีกถุงครับ
ผู้สื่อข่าว : เคยทำแบบนี้มาก่อนมั้ย?
ผู้กำกับโจ้ : ไม่เคยครับ ครั้งแรกครับ
ผู้สื่อข่าว : แล้วเรื่องที่มีการเรียกรับเงินด้วย มีเสียงที่พูดถึงเงิน 1 ล้าน ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร?
ผู้กำกับโจ้ : ไม่มีเสียงนี้แน่นอนครับ ผมสาบานกับพระที่ห้อยคอได้เลยครับ ไม่มี ผมไม่เคย ชีวิตผมรับราชการมา ไม่เคยมีทุจริตเรื่องเงิน
ผู้สื่อข่าว : แล้วทำไมผู้กำกับโจ้ไม่แจ้งต่อผู้บังคับบัญชา ในขณะที่ผู้ต้องหาสลบไป?
ผู้กำกับโจ้ : ผู้ต้องหาสลบไป ตอนนั้นเราก็ตกใจ ตอนนั้นทำอะไรไม่ถูก เพราะว่าตอนนั้นที่เห็นจริงๆ เค้าเหมือนสลบไป เพราะจับชีพจรเค้า จับหายใจเค้า เค้ายังหายใจอยู่ครับ แต่มันเหมือนอ่อน เราก็เลยไม่แน่ใจ ก็เลยให้ลูกน้องมาช่วยปั้ม CPR แล้วก็เลยให้รีบนำส่งโรงพยาบาลครับ
ผู้สื่อข่าว : แล้วได้แจ้งกับหมอ ว่าทำไมถึงให้ลงไปเสพยาเสพติดเกินขนาด หมอถึงให้ความเห็นเป็นแบบนั้น?
ผู้กำกับโจ้ : อ้อ เสพยาเสพติดเกินขนาด พอดีคุยกับคุยแฟนเค้า เค้ามีการเสพยาในแต่ละวัน ปริมาณเยอะจริงๆ ครับ แล้วเค้าก็ไม่ได้นอน นอนน้อย พักผ่อนน้อย ก็เลยคาดว่า สาเหตุน็อก เกิดจากการเสพยาครับ
ผู้สื่อข่าว : ขั้นตอนการซ้อมทรมานแบบนั้น เป็นวิธีการปฏิบัติของตำรวจที่ผ่านมา?
ผู้กำกับโจ้ : ตรงนี้ผมยอมรับว่าผมผิด แล้วก็ยอมรับสิ่งที่มันเกิดขึ้น ไม่ว่าศาลจะตัดสินอะไร จะจำคุกผมตลอดชีวิต ผมยอมรับผิดทุกประการ แต่ผมขอให้การว่า ผมไม่มีเจตนาฆ่าน้อง ผมเจตนาตั้งใจที่จะทำงานครับ ทำงานเพื่อประชาชน ไม่งั้นลูกหลานประชาชนติดยาเสพติดครับ
ผู้สื่อข่าว : สิ่งที่ผู้กำกับโจ้ทำ ตกเป็นข่าวดังไปทั่วโลก ผู้กำกับโจ้สร้างความเสียหายให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตำรวจที่ตั้งใจทำงาน ผู้กำกับโจ้อยากจะพูดอะไร ที่ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและตำรวจเสียหาย?
ผู้กำกับโจ้ : อันนี้อย่างแรก ผมต้องกราบขอโทษพี่น้องประชาชนทุกคน ผมอยากจะพูดว่า ผมตั้งใจทำงานจริงๆ ครับ แต่มันพลาดไป ผมก็ยอมรับในสื่งที่ผมผิดพลาด อันดับที่ 2 ผมต้องกราบขอโทษคุณพ่อคุณแม่น้องด้วยครับ เพราะว่าผมไม่ได้เจตนาจริงๆ และใจจริงๆ ก็ทราบว่า ไม่ได้ตายเพราะการที่เราไปคลุมหัว เพื่อจะต้องการเอาข้อมูลเอายาเสพติดครับ 3 ผมอยากขอโทษท่าน ผบ.ตร.และตำรวจทุกคน ผมผิดเองครับ องค์กรตำรวจยังมีดีๆ เยอะ ผมเป็นคนผิดเองครับ ต้องขอโทษทุกๆ คนด้วยครับ
ผู้สื่อข่าว : ส่วนกระแสข่าวมีการตบทรัพย์ซ้อนตบทรัพย์ ตรงนี้ข้อเท็จจริงเป็นยังไง?
ผู้กำกับโจ้ : อันนี้ที่มีทนายบอกว่ามีตบทรัพย์ อันนี้ผมยืนยันครับ ว่าไม่มีการตบทรัพย์ ไม่มีแน่นอนครับ
ผู้สื่อข่าว : หลังจากตอนที่ผู้ต้องหาเค้าเสียชีวิต ทำไมเราไม่ทำให้ข้อเท็จจริงนี้ให้มันถูกต้อง?
ผู้กำกับโจ้ : ข้อเท็จจริงนี้ คือเราไม่รู้ว่า เราก็ตกใจ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ก็ปรึกษากันว่าจะทำยังไงดี ก็เลยไม่รู้ว่าจะทำยังไง ก็เลยคิดว่า แจ้งพ่อเค้าก่อน เดี๋ยวค่อยมาคุยกันจะเอายังไงดี
ผู้สื่อข่าว : ปรึกษากันเป็นเดือนเลยเหรอ?
ผู้กำกับโจ้ : ไม่ได้เป็นเดือน ตั้งแต่วันนั้นเลยครับ
ผู้สื่อข่าว : มีการให้ผลประโยชน์กับพ่อ?
ผู้กำกับโจ้ : ไม่มีครับ ผมให้อย่างเดียว คือ ช่วยทำบุญงานศพไป 30,000 บาท เท่านี้ครับ
ผู้สื่อข่าว : สาดน้ำใส่ผู้ต้องหาที่เค้าสลบไปแล้ว?
ผู้กำกับโจ้ : ผมนึกสลบ ก็เลยต้องเอาน้ำ เพื่อจะให้เค้าตื่นครับ เอาผ้ามาเช็ดก่อน แต่เอาผ้าเช็ดแล้วเหมือนไม่ตื่น ก็เลยเอาน้ำมาเพื่อทำให้เค้าตื่น เราก็ไม่รู้ ตอนนั้นก็ตกใจ ทำอะไรไม่ถูก เพราะเราไม่เคยเจออาการแบบนี้ ก็เลยคิดว่าเค้าแค่น็อค เหมือนสลบไป หรือว่าตอนแรกยังคิดว่าเค้าแกล้งเลยด้วยซ้ำ อันนี้พูดจากใจเลยครับ
ผู้สื่อข่าว : ทรัพย์สินที่มี?
ผู้กำกับโจ้ : ได้ครับ ผมมีเอกสารรับรองทุกอย่าง เป็นทรัพย์สินที่ถูกต้อง ผมยืนยัน และก็มีเอกสาร พร้อมทนายที่จะเอาไปยื่นให้ถูกต้องหมดครับ
ผู้สื่อข่าว : เคยมีการซ้อมทรมานผู้ต้องหาในลักษณะแบบนี้รึเปล่า?
ผู้กำกับโจ้ : ไม่มีแน่นอนครับ ผมไม่เคยลงมา ตั้งแต่ผมทำงานนครสวรรค์ ผมตั้งใจทำงานมาตลอด ผมไม่เคยลงมา อันนี้เป็นเคสแรก เนื่องจากมันเป็นเคสใหญ่ แล้วก็ทราบว่าของมีเยอะ แล้วก็เจ้าของของเป็นลูกค้ารายใหญ่มากในภาคกลาง
ผู้สื่อข่าว : การตัดสินใจ?
ผู้กำกับโจ้ : ไม่ใช่ครับ เป็นการตัดสินใจของผมคนเดียว ลูกน้องไม่เกี่ยวทุกคนครับ ผมเป็นคนสั่งลูกน้อง ลูกน้องห้ามผมแล้ว แต่ว่าตอนนั้นผมอยากทำงานครับ ยอมรับว่าไม่ได้ตั้งใจ แต่ว่าทำไปแล้ว ผมยอมรับผิดทุกประการครับ
ผู้สื่อข่าว : ทำไมผู้กำกับโจ้ไม่ตั้งใจ แต่ทำไมใช้ถุงพลาสติก 6 ใบในการกระทำ?
ผู้กำกับโจ้ : ตอนแรกจริงๆ ถ้าพูดกันตรงๆ คือ ผมต้องการปิดหน้าผม เพราะผมไม่อยากให้เห็นหน้าผมตั้งแต่แรก
ผู้สื่อข่าว : ผู้กำกับโจ้ไปเอาวิธีการแบบนี้มาจากไหน?
ผู้กำกับโจ้ : คือไม่ได้เคยคิด ไม่ได้เอาวิธีการมาจากไหน คือเจตนาต้องการปิดหน้าตัวเอง และหลังจากเค้าดิ้น ผมก็เลยไม่อยากให้เค้าเห็นหน้าผม
ผู้สื่อข่าว : ทำไมถึงมีการถอดกล้องวงจรปิดออก?
ผู้กำกับโจ้ : ผมยอมรับผิด เพราะว่าตอนเกิดเหตุ แล้วมันช็อคครับ ผมก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ผมอายุน้อย แล้วก็ประสบการณ์น้อย ก็เลยยอมรับผิดว่า ก็ไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยบอกให้ดำเนินการ ผมเป็นคนสั่งเองครับ
ผู้สื่อข่าว : การถอดกล้องวงจรปิด อาจไม่วิธีการหลังเกิดเหตุแบบนี้ มันอาจจะดูฟังไม่ขึ้น?
ผู้กำกับโจ้ : กล้อง บางทีมันมีกล้องบางตัวเสีย ซึ่งผมสั่งให้เปลี่ยนตั้งนานแล้ว แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยน ก็เลยไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ผมก็เลยสั่งให้ถอดเลยครับ
ผู้สื่อข่าว : ผู้กำกับรู้มั้ยครับว่ากล้องวงจรปิดอยู่ในห้อง?
ผู้กำกับโจ้ : ไม่ทราบครับ กล้องวงจรปิดในห้องไม่ทราบว่ามีครับ
ผู้สื่อข่าว : กรณีการควบคุมตัวเค้ามา มีการบันทึกจับกุมมามั้ย?
ผู้กำกับโจ้ : ไม่ถึงกับมีการควบคุม เหมือนเชิญตัวมา เพื่อจะสอบถามข้อมูล เนื่องจากเราเห็นภาพในวิดีโอที่คุยกัน เป็นภาพถ่ายซึ่งถ่ายใหม่ๆ ประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าตอนนั้น และมีการขึ้นโลเคชั่นเป็นที่บ้านของเค้า และเวลาก็ไม่นาน
ผู้สื่อข่าว : ผู้กำกับรู้สึกยังไงกับการmujตำรวจชั้นผู้น้อยนำคลิปมาเปิดเผย?
ผู้กำกับโจ้ : ขออนุญาตให้การเท่านี้ครับ
รอง ผบ.ตร. ตัดบท เลิกโฟนอิน ระบุอาจเสียรูปคดี
พล.ต.อ.สุชาติ กล่าวตัดบท ขออนุญาตพอแค่นี้ ผมต้องกราบขออภัย หลายอย่างเกี่ยวข้องกับการดำเนินคดี แค่นี้มันก็เพียงพอแล้ว ไม่มีแถลงข่าวแล้ว เดี๋ยวไว้ทีหลัง ไม่งั้นก็มันจะเสียหายต่อรูปคดี ถ้าคุณถามแบบนี้กันหมด ก็เจ๊ง ไม่ต้องดำเนินคดี ส่งฟ้องดำเนินคดีตอนนี้เลย หรือไม่ส่งฟ้องเลยแล้วแต่ คุณจะเอายังไง ผมว่าแค่นี้มันเกินพอแล้ว ขอความกรุณาเพียงเท่านี้ ทุกอย่างรายละเอียดให้ไปอยู่ในสำนวน ผบ.ตร. ยืนยันแล้วว่า ทุกอย่างเป็นธรรม
“ขออนุญาตตอบแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในเรื่องการสอบสวน ผบ.ตร.ได้มอบหมายให้ดำเนินการ ซึ่งเพิ่งไปประชุมกับคณะทำงาน ร่วมกับผู้ช่วย ผบ.ตร.รอย คณะทีมงาน มีทั้งรองผู้บัญชาการภาค 6 กองปราบ และผู้บังคับการ ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ก็พยานหลักฐานมันมีข้อมูลตั้งแต่ตอนแรก ที่สื่อมวลชนได้รับทราบอยู่แล้ว ในส่วนนี้พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำไว้หมดแล้ว รวมถึงความเห็นที่ทาง สื่อมวลชนสงสัยในเรื่อง ประเด็นของการใช้ดุลยพินิจของแพทย์ที่ยืนยันว่า มีผลตรวจปัสสาวะ พบสารแอมเฟตามีน ตรงนี้ได้รับการยืนยันแล้วว่า เป็นการตรวจจากการร้องขอของพนักงานสอบสวน ในการผ่ากระเพาะปัสสาวะของผู้เสียชีวิตในวันที่ 7 ส.ค. และหลังจากผ่าตรวจแล้ว นำปัสสาวะในกระเพาะปัสสาวะของผู้เสียชีวิต ไปตรวจถึงพบสารต่างๆ ถึงได้ลงความเห็นเช่นนั้น ซึ่งผลที่จะออกมาเป็นทางการ ก็จะส่งมาให้กับพนักงานสอบสวน”
“ส่วนที่ส่งมาแล้วมีประเด็นในการพูดว่ามีเจ้าหน้าที่บอกกล่าว อะไรก็ตาม ทาง ผบ.ตร. บอกแนว นโยบายอยู่แล้วว่า ให้สอบสวนหาข้อเท็จจริง เพื่อจะตอบกับสื่อสังคมให้สิ้นข้อสงสัยให้ได้ ตรงนี้ขอให้เชื่อมั่นว่า ทาง สตช.ทำอย่างตรงไปตรงมาอยู่แล้ว ไม่ได้มีอะไรติดขัด ส่วนผู้กำกับโจ้ เบื้องต้นต้องนำตัวไปในนครสวรรค์ก่อน เพราะคดีนี้ยังอยู่ในอำนาจการสอบสวนที่นั่น แต่คณะทำงาน 410 ที่ตั้ง ก็สามารถดำเนินการได้”
เปิดไทมไลน์ ผู้กำกับโจ้ มอบตัวที่ สภ.แสนสุข ชลบุรี
พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รอง ผบช.ภ.6 เปิดเผยถึงขั้นตอนการมอบตัวของ ผู้กำกับโจ้ ว่า…
“ในส่วนของสารวัตรโจ้ เมื่อคืน (25 สิงหาคม) ตอน 5 ทุ่ม ก็มีโทรศัพท์ ซึ่งปกติผมจะรับโทรศัพท์ทุกเบอร์แม้ไม่มีชื่อ
เค้าก็บอก…พี่เอกครับผมโจ้ ผมไม่ไหวแล้ว ผมจะฆ่าตัวตาย
ผมบอกไปว่า…เมิงตายแล้ว สตช. จะเหลืออะไร ถ้าเป็นลูกผู้ชายจริง กลับมารับผิดชอบสิ่งที่ทำ กลับมาชี้แจงสังคม ถ้าคุณเป็นตำรวจ คุณต้องมีเกียรติ ผิดก็ต้องยอมรับผิด หนีไปไม่ได้ทำอะไรดีขึ้นมา มีแต่เลวร้าย
เค้าก็บอกว่า…พรุ่งนี้พี่มารับผม ที่ชลบุรี”
“ผมก็ได้นำเรียน ผบช.ภ.6 ซึ่ง ผบช.ภ.6 ก็ได้นำเรียน ผบ.ตร. ซึ่งก็ได้รับอนุมัติให้เดินทาง ซึ่งก็ออกมาจากพิษณุโลกตอนประมาณ 9 โมง เสร็จแล้วก็มีโทรศัพท์เข้ามา ตอนประมาณเที่ยงกว่า
ถามว่า…พี่มารับผมรึเปล่า ก็บอกว่า กำลังไป
เค้าก็ถามว่า…ถึงไหนแล้ว
ผมก็บอกว่า…อีกประมาณ 2-3 ชั่วโมง
เค้าก็บอกว่า…4 โมงเย็น พี่มายืนรอผมที่หน้า สภ.แสนสุข พี่ยืนคนเดียวนะ อย่ามีอาวุธนะ
ผมบอก…ได้ แล้วก็แต่งเครื่องแบบไปยืนรออยู่หน้า สภ.แสนสุข
ประมาณ 15 นาที ก็มีรถเก๋งสีขาว ก็มาจอด แล้วมีคนลงมาจากรถ แล้วก็ใส่แมสก์แบบนี้ ก็เดินมาหาผม แล้วก็บอก…พี่ครับผมโจ้
ผมหันมาอีกที รถเก๋งคันนี้ก็วิ่งออกไปแล้ว ก็เลยไม่ได้ดูเลขทะเบียน
เสร็จผมก็เข้าไปที่ สภ.แสนสุข ทำบันทึก แล้วก็ลงประจำวัน แล้วก็รายงานผู้บังคับบัญชา เพื่อให้รายงานให้ ผบ.ตร.ทราบ แล้วนำตัวโจ้มาส่งที่กองปราบฯ”
ยังต้องขยายผลต่อ ข้อสงสัยต้องเป็นที่ประจักษ์
พล.ต.อ.สุชาติ กล่าวต่อว่า “อันนั้นเดี๋ยวอยู่ในประเด็นที่ต้องขยายผลต่อ อะไรที่เป็นประเด็นอยู่ในข้อสงสัย ท่าน ผบ.ตร. ให้นโยบายอยู่แล้วว่า ให้ทีมงานดำเนินรวบรวมพยานหลักฐานสอบสวนให้ได้เป็นที่ประจักษ์ และตอบข้อสงสัยต่อสื่อมวลชน และพี่น้องประชาชนได้”
ผบ.ตร. กล่าวว่า “ก็คงเท่านี้ โดยมีท่านรองสุชาติ เป็นหัวหน้า มีคณะกองปราบ คณะสอบสวนพิจารณาเอง”
การแถลงข่าวคดีผู้กำกับโจ้เสร็จสิ้นในเวลา 22.06 น. โดยตำรวจทุกหมดที่ร่วมนั่งโต๊ะแถลงข่าว ได้ลุกขึ้น และพูดคุยกันต่ออีกเล็กน้อย ก่อนจะแยกย้ายกันไป
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า เดี๋ยวจะมีการนำตัว ผู้กำกับโจ้ ลงไปขึ้นรถเพื่อนำตัวไปยัง สภ.นครสวรรค์ต่อไป จากนั้น ผบ.ตร. ก็เดินลงมา พล.ต.อ.สุชาติ เดินตาม พร้อมคณะชุดทำงานทยอยเดินออกจากกองปราบฯ ต่อมาเจ้าหน้าที่เดินมาระบุว่า ผู้กำกับโจ้ จะเดินมาเพื่อขึ้น และขอไม่ให้สัมภาษณ์ผู้กำกับโจ้
ผู้กำกับโจ้ ปรากฏตัว สวมเสื้อเขียว ใส่หมวกสีฟ้า ย้ำกับนักข่าว ขอโทษครับ
จนเมื่อเวลา 22.20 น. ผู้กำกับโจ้ ปรากฏตัว เดินออกมาเพื่อขึ้นรถไป สภ.เมืองนครสวรรค์ โดยผู้กำกับโจ้ สวมใส่เสื้อยืดสีเขียว สวมหมวกสีฟ้า
โดยผู้กำกับโจ้ พูดย้ำขณะเดินไปขึ้นรถว่า
“ขอโทษครับ ขอโทษกับเรื่องราวที่มันเกิดขึ้นทั้งหมด ขอรับผิดชอบคนเดียว”
ก่อนจะขึ้นรถตู้ออกไปโดยมีชุดหนุมาน กองปราบฯ ควบคุมตัวไป โดยมี รอง ผบ.ตร. ร่วมเดินทางไปยังจังหวัดนครสวรรค์ด้วย
อย่างไรก็ตาม นี่คือ ไทมไลน์การจับกุม ผู้กำกับโจ้ และถอดคำโฟนอิน คำต่อคำ ในการแถลงข่าวของ สตช. ที่กองปราบฯ อย่างไรก็ตาม ยังคงติดตามต่อไป ว่าคดีนี้…จะเป็นอย่างไร กับข้อสงสัยในอีกหลายประเด็น.