ทุกคนคงคุ้นหูกับโฆษณา ครีมกันแดด ที่บอกว่า SPF 50 แถมยังมี PA++++ หรือมีอยู่บนครีมกันแดดทุกยี่ห้อ แต่น้อยคนนักที่จะรู้ลึกถึงความหมายของทั้งสองตัวนี้ อาจจะรู้แค่ว่าค่ามากๆ กับ บวกเยอะๆ คือดี แต่มันจะดีจริงหรือไหมและเราเหมาะกับครีมกันแดดแบบไหน วันนี้ TOPPIC Time จะพามาทำความรู้จักกับ ค่า SPF และ PA และเคล็ดลับ หรือ How To ดีๆในการเลือกใช้ ครีมกันแดด มาฝากจ้า
รู้จัก SPF และ PA ในครีมกันแดด
SPF ในครีมกันแดด คือ?
ค่า SPF ใน ครีมกันแดด (Sun Protection factor) คือค่าที่บอกถึงประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากจากรังสี UVB ซึ่งเป็นค่าระยะเวลาที่ผิวของเราจะไม่ไหม้ (Sunburn) เมื่อถูกแสงแดดเป็นเวลานาน โดยส่วนใหญ่ผิวชาวเอเชียที่มีผิวขาวจะสามารถโดนแสงแดดได้นานถึง 20 นาที ก่อนที่ผิวเริ่มอักเสบและเกิดการไหม้ เราสามารถใช้ค่า SPF คำนวณหาระยะเวลาที่ผิวทนต่อแสงแดดได้ดังนี้
คำนวน SPF ในครีมกันแดด เพียงพอหรือไม่?
หากโดนแสงแดดได้นานสุด 20 นาที การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF 30 จะช่วยให้ผิวของเราทนต่อแสงแดดได้นานขึ้นคิดเป็น 20 นาที * ค่า SPF 30 = 600 นาที หรือ 10 ชั่วโมง แต่โดยแท้จริงแล้วคนไทยเราสามารถใช้ SPF 15-30 ก็เพียงพอ เพราะไม่ใช่มีเพียงค่า SPF ที่สำคัญต่อผิวเท่านั้นนะคะ การใช้ในปริมาณที่เพียงพอ และกันน้ำได้ดี ก็ทำให้ครีมกันแดดทำงานได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นด้วย
PA ในครีมกันแดด คือ?
ค่า PA ใน ครีมกันแดด (Protection grade of UVA) ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นค่าที่บอกถึงประสิทธิภาพในการปกป้องรังสี UVA ซึ่งเป็นค่าที่ทางสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องสำอางประเทศญี่ปุ่น (JCIA) ได้กำหนดให้เป็นค่าความสามารถในการป้องกันผิวจากแสงแดดไม่ให้หมองคล้ำจากรังสี UVA โดยใช้เครื่องหมาย + ในการแสดงระดับของประสิทธิภาพซึ่งในปัจจุบันค่า PA++++ ที่พบในครีมกันแดดทั่วไปถือว่าเป็นค่าที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันรังสี UVA แล้วจ้า
How To เลือก ครีมกันแดด
เมื่อเทรนด์ความงามได้รับความนิยมมากขึ้น สาวๆ หลายคนลุกมาดูแลตัวเองมากขึ้น รวมถึงหนุ่มๆ เอง ก็หันมาใส่ใจผิวหน้าไม่แพ้กัน เพราะสังเกตได้จากผลิตภัณฑ์ สกินแคร์ เซรั่ม รวมถึงผลิตภัณฑ์กันแดดที่ถูกพัฒนาสูตรมากมายในท้องตลอดบ้านเรา ที่โฆษณาค่า SPF และ PA สูงๆ เพื่อแข่งขันกันครองใจลูกค้าให้ได้มากที่สุด แต่ถึงอย่างไรการเลือก ครีมกันแดด ที่เหมาะกับสภาพผิว ไม่ระคายเคืองก็เป็นส่วนสำคัญไม่น้อยที่ทุกคนไม่ควรมองข้ามค่ะ
- เลือก ครีมกันแดด ที่กันน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปกป้องที่ยาวนานขึ้น ไม่ใช่อะไรเลยจ้า ก็เพราะเมืองไทยคือเมืองร้อน ยังไม่ทันก้าวเท้าไปไหนเหงื่อก็ออกแล้ว อย่าว่าแต่กันแดดเลย เมคอัพที่แน่นๆก็ไหลเยิ้มรวมกันแล้วจ้า
- เลือก ครีมกันแดด ที่มีเนื้อครีมบางเบา ซึมเร็วและไม่เหนียวเหนอะหนะ คิดว่าข้อนี้คงไม่ยากแน่นอน เพราะมีหลายแบรนด์เน้นเป็นใช้สโลแกนนี้เป็นจุดขายหลักอยู่แล้ว จะมาหน้าเหนียว ขาวลอย เยิ้มมันคงไม่มีอีกแล้วจ้า
- เลือก ครีมกันแดด ที่สามารถทาทับเมคอัพได้ เพราะการทาครีมกันแดดที่ถูกวิธีคือต้องทาซ้ำระหว่างวัน
How To ทา ครีมกันแดด ยังไงให้ถูกต้อง
- ทา ครีมกันแดด ก่อนออกแดด 15-30 นาที ให้กันแดดได้ซึมซาบสู่ผิวเราก่อนออกไปสู้แดด และต้องทาทุกวัน ถึงแม้ว่าเราจะ WFH นั่งอยู่แต่หน้าคอมพิวเตอร์ ก็ต้องทาครีมกันแดดนะคะ เพราะแสงไฟ แสงสีฟ้าจากจอคอมพิวเตอร์ ก็สามารถทำร้ายผิวได้เช่นกัน
- ทา ครีมกันแดด ในปริมาณที่เพียงพอ เท่าไหร่ถึงเพียงพอ ก็เท่าเหรียญสิบหรือ 2 ข้อนิ้วจ้า จริงๆก็เข้าใจอยู่นะ ว่าราคาเจ้าครีมกันแดดก็แอบแพงนิดนึงจะใช้เยอะก็กลัวเปลือง แต่รับรองว่าใช้ไปเถอะจ๊ะ ยังไงถูกกว่าค่าหาหมอฉีดผิวแน่นอน
- ทา ครีมกันแดด ซ้ำทุกๆ 2 ชั่วโมง เดี๋ยวนี้มีผลิตภัณฑ์กันแดดหลายยี่ห้อ ที่สามารถทาทับเมคอัพได้แล้วจ้า ที่สำคัญซึมเร็วไม่เหนอะหนะ แถมเมคอัพไม่ลบด้วย เดี๋ยวโปร 1 แถม1 เพียบเลยจ้า จัดมาสักครึ่งโหลใช้ยาวๆ ตลอดปีไปเลยจ้า ของมันต้องมีรีบจัดมาลงสต๊อคที่บ้านด่วนๆเลยจ้า
- ลองหาสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ ครีมกันแดด ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ สำหรับสายชอบความความรวดเร็วทันใจ เอาว่าโบกทุกเซรั่ม สกินแคร์ 10 ชั้น แต่ลืมทา ครีมกันแดด ก็ไม่ช่วยให้หน้าขาวใสขึ้นเลยนะจ๊ะ
หน้าจะสวยใสก็ต้องเริ่มจากการป้องกัน SPF และ PA ในครีมกันแดด สำคัญมากๆ จ้า TOPPIC Time ขอยืนยันอีกเสียง.