ตำรวจจีน ร่วมลาดตระเวนในเมืองท่องเที่ยวใหญ่ๆ ทั้งอิตาลี โครเอเชีย ก่อนยุติลงเมื่อปี 2565 ขณะที่ไทยเตรียมตามรอย หวังใช้กำราบกลุ่มทุนจีนสีเทา สร้างความมั่นใจ นักท่องเที่ยวจีน ดันยอด 4 ล้านคน ภายในสิ้นปี 66 โฆษกรัฐบาลจวก ไม่เกี่ยวกับคววามเป็นเอกราช อย่าสร้างวาทะกรรม
กลายเป็นประเด็นร้อนแรงและวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในโซเชียลและแวดวงต่างๆ รวมถึงความมั่นคง หลังมีการเปิดประเด็นว่า จะไฟเขียวให้ ตำรวจจีน เข้ามาร่วมลาดกระเวน เพื่อดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจีน ที่เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย
ใช้กลยุทธ์ ตำรวจจีน คุมคนจีนกลุ่มสีเทา
ล่าสุด นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีมาตรการรักษาความปลอดภัยให้ นักท่องเที่ยวจีน เกิดความเชื่อมั่น ว่าจากการประชุมหารือเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 12 พ.ย. 2566 ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพียงหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ก่อนนายกฯ และคณะ จะเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคที่สหรัฐฯ ในการหารือ ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้หารือเรื่องความปลอดภัยของ นักท่องเที่ยวจีน โดยเฉพาะปัญหาความปลอดภัยจากคนจีนกลุ่มสีเทาที่เข้ามาสร้างปัญหาในไทย
“ทาง สตช. รายงานว่า พฤติกรรมของอาชญากรรมที่เกิดขึ้น ในมุมของคนจีนที่มาท่องเที่ยวเมืองไทย พบว่า พวกกลุ่มคนจีนสีเทา มีความเกรงกลัว ตำรวจจีน ด้วยกันเอง และนักท่องเที่ยวจีนจะรู้สึกปลอดภัยเป็นพิเศษ จากพวกเกเรทั้งหลายที่เป็นคนจีนด้วยกัน แต่มารังแกคนจีนที่มาท่องเที่ยวไทย หากมีตำรวจจีนมาช่วยดูแล เขาจะรู้สึกเชื่อมั่นเป็นพิเศษ”
แจงความร่วมมือ ตำรวจจีน สร้างความมั่นใจ นักท่องเที่ยวจีน
– กำราบกลุ่มจีนสีเทา ให้ ตำรวจจีน เป็นผู้ช่วยในการปฎิบัติงาน
– ปกติการทำงานร่วมกันของตำรวจสากล มีการทำงานร่วมกันอยู่แล้ว ครั้งนี้แสดงออกให้เห็นชัดเจนขึ้น
– ช่วยให้การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจไทย ได้รับข้อมูลและเบาะแสที่แม่นยำรวดเร็วขึ้น
– ตำรวจจีน พร้อมจะให้ความร่วมมือกับตำรวจไทยเต็ม 100% สนับสนุนข้อมูล ชี้เบาะแสล่วงหน้า
– ป้องกันไม่ให้พวกคนจีนที่คิดไม่ดี มาก่อเหตุ และทำให้เสียบรรยากาศการท่องเที่ยวในประเทศไทย
– นักท่องเที่ยวจีน มีความเชื่อมั่น ถ้ามี ตำรวจจีน มาร่วมทำงานกับตำรวจไทย
ตำรวจจีน ไม่ได้ร่วมลาดตระเวน แต่มาทำงานร่วมกัน
“ข่าวที่จะให้ ตำรวจจีน มาตระเวนดูแลความปลอดภัยไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ความจริงเพียงแค่มาร่วมมือทำงาน และให้ข้อมูลเบาะแส เพื่อให้ตำรวจไทยทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นคนละเรื่องกับที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า ประเทศไทยเป็นเอกราช ทำไมต้องใช้ ตำรวจจีน มาลาดตระเวน เรื่องที่มีลักษณะสร้างสรรค์เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ ทำไมต้องบิดเบือนและลากให้ไปโยงกับเรื่องของศักดิ์ศรีของประเทศ ขออย่าได้เล่นเกมวาทะกรรมทางการเมืองกันจนเกินกว่าเหตุเลย”
ททท.หารือสถานทูตจีน จัด ตำรวจจีน ร่วมภารกิจ
น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ระบุว่า จะพูดคุยกับสถานทูตจีนในวันที่ 15 พ.ย.นี้ เกี่ยวกับโครงการลาดตระเวน ที่จะเอา ตำรวจจีน มาลาดตระเวนในประเทศไทย ตามเมืองท่องเที่ยว ทั้งเมืองหลักและเมืองรอง เหมือนกับที่เคยประสบความสำเร็จที่ประเทศอิตาลี แต่ยังไม่ลงรายละเอียดเกี่ยวกับจำนวนและเมือง
เมื่อโครงการนี้ออกมา จะทำให้เห็นความพร้อมในการยกระดับ รับนักท่องเที่ยวในเรื่องความปลอดภัย และมั่นใจว่าโครงการนี้ จะช่วยทำให้ตัวเลขการท่องเที่ยวจีนช่วง 2 เดือนสุดท้าย ให้เป็นไปตามเป้าเดิมที่กำหนดไว้ที่ 4 – 4.4 ล้านคน ซึ่งนับเป็นกระบอกเสียงส่งต่อให้กับนักท่องเที่ยวจีน เพื่อให้เกิดความสบายใจ
ตำรวจจีน ออกปฏิบัติการร่วมกับหลายเมืองทั่วโลก
ตำรวจจีน ออกปฏิบัติการสายตรวจ ร่วมกับตำรวจอิตาลี ในกรุงโรม ภายใต้โครงการสายตรวจ ร่วมเป็นเวลา 3 สัปดาห์ เพื่อให้ตำรวจจีนและอิตาลีได้ทำงานร่วมกัน และกระชับความร่วมมือระหว่างตำรวจทั้งสองประเทศ รวมทั้งอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่เดินทางเยือนอิตาลีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
รัฐมนตรีมหาดไทยอิตาลี เผยว่า เป็นครั้งแรกที่ ตำรวจจีน ได้เข้าร่วมลาดตระเวนในชาติยุโรป และหากโครงการนี้ประสบความสำเร็จ ก็จะขยายโครงการไปยังเมืองอื่นๆ ทั่วอิตาลี เพื่อสร้างอุ่นใจแก่นักท่องเที่ยวจีน ที่เดินทางมาท่องเที่ยวในอิตาลี ปีละราว 3 ล้านคน รวมถึงจะมีการส่งตำรวจอิตาลีไปยังกรุงปักกิ่ง และนครเซี่ยงไฮ้ เพื่อลาดตระเวนรักษาความสงบเรียบร้อยร่วมกับตำรวจจีนด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ การปฏิบัติการสายตรวจร่วมระหว่างตำรวจอิตาลีและตำรวจจีน ยังมีขึ้นที่เมืองมิลาน ตูริน และปาดัว รวมถึงปฏิบัติการตำรวจจีน ยังร่วมกับโครเอเชีย เริ่มการลาดตระเวนในเมืองดูบรอฟนิค เมืองท่องเที่ยวทางภาคใต้ของโครเอเชียและเซอร์เบีย
ตำรวจจีนร่วมในอิตาลี ถูกยกเลิกแล้วเมื่อปี 2565
แต่ทว่าล่าสุด ช่วงปลายปี 2565 หลังโครงการ “ลาดตระเวนร่วม” กับตำรวจจีน ที่ทำร่วมปี 2559-2562 ยุติลงจากโควิด เซฟการ์ด ดีเฟนเดอร์ องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนที่ไม่แสวงผลกำไรในสเปน ได้รายงานว่า มีการพบหลักฐานเรื่อง “สถานีตำรวจจีนลับ” อยู่ถึง 110 แห่งใน 53 ประเทศทั่วโลก โดยอิตาลีมากที่สุดถึง 11 แห่ง สเปน 9 แห่ง
มาถึงตรงนี้ TOPPIC Time ก็อาจชวนตั้งคำถามว่า ตำรวจจีน จะมาร่วมลาดตระเวน ดูแล นักท่องเที่ยวจีน ที่เข้ามาในไทย เพื่อดันเศรษฐกิจไทยและการท่องเที่ยวของไทยให้เติบโต ตรงนี้อาจมุมมองอีกด้าน ว่าเรื่องนี้จะกระทบความมั่นคงหรือไม่? คุณๆ คิดว่าอย่างไร??