เยาวชน 17 ปี ให้ปากคำอย่างเป็นทางการ ‘สมรักษ์ คำสิงห์’ ทำอนาจารจริง แจงเหตุไม่ขัดขืน ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์และไม่กล้า เพราะเป็นนักมวย ตำรวจจ่อแจ้ง 3 ข้อหาหนัก เรียกเจ้าตัวสอบ แจ้งข้อกล่าวหา
เยาวชนเปิดปาก ‘สมรักษ์ คำสิงห์’ ทำจริง
หลังเป็นกระแสตั้งแต่ 10 ธ.ค. 2566 ที่ผ่านมา กรณี ‘สมรักษ์ คำสิงห์’ อดีตนักชกมวยเหรียญทองโอลิมปิก ที่เยาวชนวัย 17 เข้าร้องทุกข์ สภ.เมืองขอนแก่น ในข้อหากระทำอนาจารล่วงละเมิดทางเพศ ล่าสุดมีความคืบหน้าของคดี เมื่อเยาวชน อายุ 17 ปี ชาว จ.กาฬสินธุ์ พร้อมให้ปากคำกับ พนักงานสอบสวน กับทีมสหวิชาชีพ ที่มีอัยการ นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ และพนักงานอัยการ อย่างเป็นทางการ โดยเยาวชนเข้าให้ปากคำตั้งแต่เวลา 09.00 น. เสร็จสิ้นลงในเวลา 11.00 น.
มีรายงานว่า จากการสอบปากคำ เยาวชน 17 ปี ยังมีภาวะเครียด และร้องไห้บางช่วง ระบุว่า ถูก ‘สมรักษ์ คำสิงห์’ กระทำอนาจารบนห้องพักในแรมจริง สาเหตุที่ไม่ขัดขืน ตั้งแต่ช่วงที่ออกจากสถานบริการ เยาวชน บอกว่า ไม่คิดจะเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้น และไม่ขัดขืน เพราะเห็นว่าเป็นนักมวย จึงไม่กล้า
เตรียมแจ้ง 3 ข้อหา ‘สมรักษ์ คำสิงห์’
ในทางคคดี พนักงานสอบสวน เตรียมแจ้งข้อกล่าวหากับ ‘สมรักษ์ คำสิงห์’ 3 กล่าวข้อหา
1. พรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจาร
2. พาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจาร โดยใช้อุบายหลอกลวงขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้าย ใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการอื่นใด
3. กระทำอนาจาร
ทั้งนี้ สำหรับผลการตรวจร่างกายของเยาวชน 17 ปี ที่ส่งตัวไปตรวจร่างกายที่ รพ.ขอนแก่น ตั้งแต่วันที่ 10 ธ.ค. 2566 ผลการตรวจอย่างเป็นทางการจะส่งมาในวันที่ 14 ธ.ค. 2566 จากนั้นพนักงานสอบสวน จะประสานให้ ‘สมรักษ์ คำสิงห์’ เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา
‘สมรักษ์ คำสิงห์’ พร้อมพิสูจน์ความบริสุทธิ์
ขณะที่ ‘สมรักษ์ คำสิงห์’ หลังตกเป็นข่าว เผยว่า ได้รับกำลังใจจากครอบครัวและผู้ใหญ่มากมาย ยืนยันพร้อมพิสูจน์ความบริสุทธิ์ และหากจบเรื่องนี้จะย้ายไปอยู่ที่ฝรั่งเศส ไม่อยู่ที่เมืองไทย
“ตอนนี้ยังอยู่ในจังหวัดขอนแก่น จะอยู่ไปจนกว่าจะจบเรื่องคดีดังกล่าว หลังจบเรื่อง จะไปอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส เพราะเบื่อสังคมแบบนี้ ขอยืนยันว่า ไม่ได้ฉุดกระชาก หรือข่มขืนเยาวชน 17 ปี โดยพร้อมให้ความร่วมมือไปให้ปากคำทุกเวลา”
อสส.ชี้ คดีสมรักษ์ ความผิดสำเร็จ
นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อัยการอาวุโสสำนักงานอัยการสูงสุด ชี้ว่า คดีของ ‘สมรักษ์ คำสิงห์’ ในส่วนของการกระทำความผิดเกี่ยวกับการพรากผู้เยาว์อายุเกินกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี ไม่ว่าผู้เยาว์นั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ผู้กระทำความผิด ก็ต้องถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 ต้องโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ถึง 10 ปี ปรับตั้งแต่ 40,000 ถึง 200,000 บาท หากพิสูจน์ได้ว่า ตัวเด็กผู้เสียหายไม่มีความยินยอม
แต่หากตัวเด็กยินยอมไปกับทางผู้กระทำความผิด ก็จะเข้าความผิดตามมาตรา 319 ต้องโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ถึง 10 ปี ปรับตั้งแต่ 4,000 ถึง 20,000 บาท เหตุเพราะตัวผู้เสียหายยินยอมไปกับผู้ทำความผิด
“จากข้อมูล ประกอบกับภาพถ่าย เชื่อได้ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง จึงถือว่าความผิดสำเร็จที่เรียบร้อย ปกติในคดีพรากผู้เยาว์ลักษณะนี้ ศาลจะลงโทษตามตัวบทกฎหมาย แต่ก็มีบางกรณี ที่ศาลอาจจะพิจารณาให้รอลงอาญา หากผลการเจรจาสองฝ่ายเป็นผล”
ย้อนประวัติ ‘สมรักษ์ คำสิงห์’ ก่อนโด่งดัง
‘สมรักษ์ คำสิงห์’ ชื่อเล่น บาส เจ้าของวลี “ไม่ได้โม้” เป็นชาวจังหวัดขอนแก่น พ่อเป็นนักมวยเก่า จึงได้ฝึกการชกมวยไทยมาตั้งแต่เด็ก ขึ้นชกครั้งแรก อายุได้ 7 ปี และตระเวนชกตามเวทีงานวัดต่างๆ ก่อนถูกทาบทามเข้าร่วมค่ายมวย ในชื่อ “สมรักษ์ ณรงค์ยิม” จนสร้างชื่อในแถบจังหวัดขอนแก่น
ครั้งเริ่มมีชื่อเสียง จึงตัดสินใจเข้ามาชกมวยในกรุงเทพฯ ชกทั้งมวยไทย และมวยสากลสมัครเล่น อายุ 12 ปี ได้รับการทาบทามจากสโมสรราชนาวี ให้ชกมวยสากลสมัครเล่น และบรรจุเข้ารับราชการในกองทัพเรือ จนประสบความสำเร็จ ได้ทั้งแชมป์ประเทศไทยและเหรียญทองกีฬาแห่งชาติ
กระทั่งถูกเรียกติดทีมชาติครั้งแรก ‘สมรักษ์ คำสิงห์’ ผ่านการคัดเลือกไปแข่งกีฬาโอลิมปิกรอบสุดท้าย และโด่งดังสุดขีด สามารถคว้าเหรียญทองจากโอลิมปิกมาได้ในปี 2539 และได้เลื่อนยศเป็นเรือตรี (ร.ต.) จากยศจ่าเอก
นอกจากนี้ ‘สมรักษ์ คำสิงห์’ ยังมาโลดแล่นในวงการบันเทิง เป็นนักแสดงนำ และตัวประกอบ ในหลากหลายภาพยนตร์ หนังใหญ่ และละคร จนมีชื่อเสียงในระดับที่รู้จักอย่างกว้างขวาง
ก่อนจะผันตัวเองไปสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อกลางปี 2566 ในนามพรรคพลังประชารัฐ แต่สอบตก และล่าสุดได้พ้นจากสมาชิกของพรรคแล้ว หลังเกิดเรื่องฮือฉาวก่อนตัดสินใจลาออก.