แม่แตงโม แถลงข่าวเผยเบื้องหลังคดี แตงโม ถูกทนายยักยอกเงินโบนัส ยืนยัน “ปอ–โรเบิร์ต” ไม่ได้ข่มขืนแตงโมยอมรับสะเพร่าเองอ่านเอกสารไม่ละเอียด จากนี้ให้ “ทนายเดชา” ช่วยดูแลคดีที่เหลือต่อ
เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2567 มีรายงานว่า นางพนิดา ศิริยุทธโยธิน หรือ แม่แตงโม ได้แถลงข่าว พร้อมทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ที่สำนักงานกฎหมายทนายเดชา เกี่ยวกับกรณีที่ถูกยักยอกทรัพย์ จากคดี แตงโม นิดา หรือ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ นาเอกชื่อดัง โดยได้กล่าวอ้างถึงที่ปรึกษาด้านกฎหมายในหลายประเด็น
โดย แม่แตงโม เปิดเผยว่า ที่ปรึกษาด้านกฎหมายคนดังกล่าว ได้แนะนำให้ตนยื่นฟ้องคนบนเรือ 3 คน คือ กระติก-อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์, จ๊อบ-นิทัศน์ กีรติสุทธิสาธร และ แซน-วิศาพัช มโนมัยรัตน์ ในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกาย เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แต่ได้ถอนฟ้องแล้ว ตั้งแต่มีเรื่องได้ถอนไปแล้ว 3 ครั้ง
ส่วนเรื่องที่มีการกล่าวอ้างว่า ปอ–ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ และ โรเบิร์ต-ไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ ข่มขืนแตงโมนั้น ตนยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องจริง เป็นเรื่องที่มีบุคคลดังกล่าว เขียนสำนวนขึ้นมาเองแล้วให้ตนเซ็น
“ยอมรับว่าตนสะเพร่า เพราะเอกสารมีเยอะมาก 16 หน้า ทำให้อ่านไม่ละเอียดจนมาทราบตอนหลังจึงถอนฟ้อง เพราะช่วงแรกไม่มีเรื่องข่มขืนเลย ในตอนแรกที่เชื่อเพราะเขาเป็นที่ปรึกษากฎหมาย และหลังจากนี้คดีของน้องแตงโมจะมอบหมายให้ทนายเดชา เป็นคนดูแลต่อไป”
โดย แม่แตงโม อ้างว่า แม่ได้ทำการปลดทีมทนายที่ทำคดีแตงโมออกแล้ว พร้อมให้เหตุผลว่า เพราะไม่เก่ง จึงไม่อยากร่วมงานด้วย เสียเวลา ปัจจุบันได้เปลี่ยนทนายความ โดยจะให้ ทนายเดชา มาทำคดีให้ ส่วนที่ก่อนหน้านี้ต้องแยกทางกับทนายเดชาไป เพราะมีความเห็นไม่ตรงกัน ซึ่งตอนนี้ตรงกันแล้ว
นอกจากนี้ แม่แตงโม ยังอ้างด้วยว่า ทีมทนายความที่มาทำคดีแตงโมให้ก่อนหน้านี้นั้น เป็นแค่ที่ปรึกษากฎหมายเท่านั้น เนื่องจากยังไม่ได้มีการเซ็นแต่งตั้ง อีกทั้งยังมีการยักยอกเงินจำนวน 400,000 บาทไป ซึ่งเงินสดก้อนแรกที่ ปอ และ โรเบิร์ต ลูกชายคุณแม่เยียวยามาให้ ซึ่งเขามีการนำเงินเข้าบัญชีตัวเองต่อหน้าคุณแม่ โดยไม่ขออนุญาตแม่
ส่วนอีกก้อนล่าสุด 200,000 บาท เป็นเงินที่ ปอ และ เบิร์ต ให้โบนัสคุณแม่ช่วงปีใหม่ จน 4 เดือนต่อมาแม่โทรหาปอ และปอถามว่า แม่ได้โบนัสหรือยัง ซึ่งตนก็ตกใจว่าโบนัสอะไร ซึ่งเชื่อว่าเป็นคนเดิมที่เอาเงินไป นอกจากนี้ยังมีค่าดำเนินการในคดีของแตงโมอื่นๆ ที่ผ่านมา รวมแล้ว 1 ล้านบาท ซึ่งจะได้ไปแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.