รวบ 7 ผู้ต้องหา ขายคิวฉีดวัคซีนสถานีกลางบางซื่อ รับเงิน 4 ล้าน

• Facebook
• Twitter
• Line

จับ 7 ผู้ต้องหา มือคีย์ข้อมูลขายคิวฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ เรียกทรัพย์นับหมื่นราย รับ 4 ล้าน “อนุทิน” เตือนอย่าตกเป็นเหยื่อ ย้ำรัฐบาลมีหน้าที่จัดหา-ฉีดวัคซีนให้ ปชช.ทุกคนฟรี!!…

เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2564 มีรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ระบุถึงกรณีที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ตรวจสอบพบการทุจริตลงทะเบียนจองคิวรับวัคซีนโควิด เมื่อปลายเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา และได้ดำเนินการรวบรวมข้อมูลจากประชาชนที่ผู้ซื้อคิวจากกระบวนการทุจริตดังกล่าว แจ้งความต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เมื่อวันที่ 28 ก.ค.2564 เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดนั้น

ล่าสุด สตช. ร่วมกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) สอบสวนหาหลักฐานเชิงลึก และจับกุมตัวการสำคัญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยนายอนุทิน ระบุว่า

“ขอย้ำว่า การให้บริการวัคซีนโควิด-19 เป็นภาระหน้าที่ของรัฐบาล ที่จะดูแลประชาชนทุกคนที่อยู่ในผืนแผ่นดินไทยฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เหตุการณ์นี้ถือเป็นบทเรียน เตือนความจำว่า ประชาชนต้องไม่ยอมรับการเรียกร้องผลประโยชน์ใดๆ” รมว.สาธารณสุข กล่าว

ด้าน พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผอ.สถาบันโรคผิวหนังและ ผอ.ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ เปิดเผยว่า ศูนย์เริ่มพบความผิดปกติในระบบข้อมูลจองคิวตั้งแต่ 18-31 ก.ค. 2564 จากเดิม จนท.ของกรมการแพทย์เป็นคนคีย์ข้อมูล (ลงทะเบียนผ่าน) ต่อมาเปิดให้จิตอาสาจากเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ (Operator) เข้ามาช่วยคีย์ข้อมูล เปิดสิทธิ์ให้เข้าถึงระบบได้ กลายเป็นช่องโหว่ที่ทางศูนย์มีการเฝ้าระวังการทุจริต และเคยตักเตือน ส่งกลับจิตอาสาไปแล้ว จนมาพบความผิดปกติ การนัดล่วงหน้าเป็นหลักพันคน สูงสุดในวันที่ 28 ก.ค. มากถึง 2,827 คน

ซึ่งทางศูนย์ฯ ได้รับแจ้งเบาะแสว่า มีการซื้อขายเพื่อรับคิวการฉีด ตรวจสอบพบทุจริตจากการใช้ Users 19 login ในกลุ่มจิตอาสาของ 1 ในเครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่มาช่วยคีย์ข้อมูล จึงแจ้งความดำเนินคดี จากข้อมูลพบประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อกระบวนการนี้ ช่วงเดือน ก.ค.2564 ประมาณ 7,000-10,000 คน

โดย พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ ผู้บังคับการตำรวจรถไฟ กล่าวว่า ผู้ต้องหาที่จับกุมได้วันนี้รวม 7 คน โดย 2 คน เป็นสามี-ภรรยา ที่ทำหน้าที่คีย์ข้อมูลที่ศูนย์ฯ ส่วนอีก 5 คน เป็นคนที่ไปชักชวนประชาชนให้มาเสียเงินซื้อคิว ขณะนี้อยู่ระหว่างสอบสวนเพื่อหาผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่ม จึงแจ้งข้อหาร่วมกันเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ และข้อหาฉ้อโกง

อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหาหญิงสารภาพว่า “ทำงานที่ศูนย์ฯ วันละ 500 บาท เดิมใส่ชื่อคนอื่นเพิ่มในระบบ เพราะต้องการช่วยเหลือคนรู้จักและเพื่อน อยากให้ได้ฉีดเร็ว จนมีการบอกต่อมีคนมาขอให้ช่วย และเสนอให้เงิน จึงรับรายละ 200 บาท ยอดเงินประมาณ 4 ล้านบาท ส่วนที่ระบุว่ารับรายละ 1,000 บาท เป็นการบอกต่อๆ กันและบวกเพิ่มกันเอง”