เปิดขุมทรัพย์ 'ทำเลทอง' ที่ดิน ปี 2567
เผยราคาที่ดินทำเลทอง ปี 2567 แชมป์ยังเป็นย่านธุรกิจกลางกรุงเทพฯ สยามสแควร์ ชิดลม เพลินจิต ราคาเกือบ 4 ล้านบาท ต่อตารางวา ส่วนทำเลทองราคาที่ดินถูก จะเป็นย่านชานเมือง – ปริมณฑล สนนราคาเริ่มต้น 4 พันกว่าบ้าน…
‘บ้านคือวิมานของเรา’ เป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่สำคัญยิ่งในชีวิต TOPPIC Time มีข่าวมาแจ้งล่าสุด สำหรับราคาประเมินที่ดินในปี 2567 แม้หลายบริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์ จะบอกว่าราคาดีดขึ้นเล็กน้อยก็ตาม แต่สำหรับทำเลทอง กลางกรุงเทพฯ ย่านธุรกิจบริเวณสยาม ชิดลม เพลินจิต และสุขุมวิท ก็ยังเป็น ทำเลทองไม่เปลี่ยนแปลง
10 ทำเลทอง ราคาที่ดินยังพุ่ง
สำหรับราคาที่ดินสูงสุดในพื้นที่ เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่ถือว่าเป็นทำเลทอง ปี 2567
- สยาม-ชิดลม-เพลินจิต 3,750,000 บาท/ตารางวา
- วิทยุ 3,100,000 บาท/ตารางวา
- สุขุมวิท-ไทม์สแควร์ 2,940,000 บาท/ตารางวา
- สุขุมวิท 21 อโศก 2,730,000 บาท/ตารางวา
- สีลม 2,700,000 บาท/ตารางวา
- สาทร 2,400,000 บาท/ตารางวา
- สุขุมวิท เอกมัย 1,950,000 บาท/ตารางวา
- เยาวราช 1,900,000 บาท/ตารางวา
- พญาไท 1,850,000 บาท/ตารางวา
- พหลโยธินช่วงต้น 1,800,000 บาท/ตารางวา
10 ทำเลทอง ราคาที่ดินถูกที่สุด
สำหรับราคาที่ดินที่ถูกที่สุด และเป็นทำเลทอง แถบชานเมือง ปี 2567
- เลียบคลอง 13 กม.5 เขตลำลูกกา อยู่ที่ 4,200 บาท/ตารางวา
- ตรงข้ามศูนย์ศิลปาชีพบางไทร 8,000 บาท/ตารางวา
- กาญจนาภิเษก กม.34 อยู่ที่ 9,000 บาท/ตารางวา
- 4. กาญจนาภิเษก กม.8 บางปะอิน 9,400 บาท/ตารางวา
- เลียบคลองรพีพัฒน์ 9,800 บาท/ตารางวา
- สุขุมวิท กม.46 บางบ่อ 9,800 บาท/ตารางวา
- รังสิต-วังน้อย 10,500 บาท/ตารางวา
- ลำต้อยติ่ง เขตหนองจอก 11,000 บาท/ตารางวา
- ประชาสำราญ เขตหนองจอก 12,000 บาท/ตารางวา
- กาญจนาภิเษก กม.23 หลวงแพ่ง 13,500 บาท/ตารางวา
ที่มาข้อมูล : โสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA)
มุมมองนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กับทำเลทองปี 67
นายประศาสน์ ตั้งมติธรรม กรรมการ บมจ.ศุภาลัย
“กำลังซื้อที่อยู่อาศัยในปี 2567 น่าจะไม่น้อยกว่า 100,000 ยูนิต เทียบกับปี 2566 ใกล้เคียงกัน หรือประมาณ 260,000 ล้านบาท”
นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารและรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์
“แนวโน้มปี 2567 ตลาดที่อยู่อาศัยจะฟื้นตัวขึ้น เป็นผลมาจากการปรับตัวของผู้ประกอบการ คาดว่าจะมีที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ 108,886 ยูนิต เพิ่มขึ้น 13.7% โดยบ้านจัดสรรยังเป็นสัดส่วนหลัก”
