ยังไม่พบตัว “ซ้อปลา” หลังประสานตำรวจกองปราบขอมอบตัว และนัดหมายให้มารับตัวถึง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช สุดท้ายกลับไม่มาตามนัด…
ความคืบหน้ากรณีศาลอาญารัชดาออกหมายจับ “ซ้อปลา มาดามลูกเหนียง” หรือ น.ส.กมลวรรณ ปิ่นทองพันธ์ อายุ 25 ปี และนายจตุพล ปิ่นทองพันธ์ อายุ 38 ปี หรือ ติ่งลี่ สามี ข้อหาข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน” โดยเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (12 ต.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบได้จับกุมนายจตุพลได้แล้วที่บ้านพักใน จ.สงขลา
ล่าสุดวันที่ 13 ต.ค. 2564 น.ส.กมลวรรณ หรือ “ซ้อปลา” ได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวกับตำรวจกองปราบปราม โดยมีการนัดรวมตัวกันที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช โดยมีการแชร์โลเคชันมาให้เจ้าหน้าที่ให้รีบมารับตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม 6 ใช้เวลาเดินทางจาก อ.สิงหนคร จ.สงขลา และมาถึงจุดนัดตามโลเคชันดังกล่าว บริเวณทุ่งส่งกรีนก๊าซ หมู่ 1 ต.นาโพธิ์ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช กว่า 3 ชั่วโมง ระยะทาง 400 กิโลเมตร แต่เมื่อมาถึงเจ้าหน้าที่พยายามติดต่อไป แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้
เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามจึงส่งมอบตัวนายจตุพล ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ที่หน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงทุ่งสง สถานีทางหลวง 4 กองกำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจทางหลวง เพื่อพาตัวขึ้นไปที่กรุงเทพฯ เพียงคนเดียว โดยนายจตุพล พูดเพียงสั้นๆ ว่า “ว่าไม่รู้ ไม่ได้เจอกัน และมีสีหน้าเคร่งเครียด”
คดีนี้สืบเนื่องจาก น.ส.กมลวรรณ ได้เปิดเฟซบุ๊ก ชื่อว่า “ซ้อปลา มาดามลูกเหนียง บ้านแชร์ท้าวปลา มาดามลูกเหนียง ออเดอร์ บ้านช้อปลา เลขาบ้านแชร์ช้อปลา และลูกหนี้ บ้านอีซ้อปลา” ชักชวนให้บุคคลทั่วไปเข้าไปร่วมธุรกิจการขายสินค้าออนไลน์ ซื้อสินค้าออนไลน์จำพวกเครื่องสำอาง และมีการเชิญชวนให้ร่วมออมเงินปันผลกำไรสูง ร้อยละ 20 ต่อเดือน แต่เมื่อถึงกำหนดชำระเงินคืน กลับติดต่อซ้อปลาไม่ได้
ต่อมากลุ่มผู้เสียหายได้รวมกันเข้าพบกลุ่มทนายใจดี ทั่วประเทศ โดยรวบรวมได้ประมาณ 272 ราย ในจำนวนนี้มีจากต่างประเทศ 1 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 54 ล้านบาท โดยที่ จ.สงขลา มากที่สุด 191 ราย คิดความเสียหายกว่า 41 ล้านบาท
โดยผู้เสียหายที่กรุงเทพฯ นายไชยา คุ้มอ่ำ ทนายความกลุ่มทนายใจดี ได้พาผู้เสียหายเข้าแจ้งความที่ บก.ปอศ. และนำมาสู่การออกหมายจับดังกล่าว