“คมปาซุ” เคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามและลดระดับความรุนแรงลง ขณะที่ภาคอีสาน ยังได้รับอิทธิพลฝนตกหนัก 14-15 ต.ค.ก่อนจะเริ่มลดลง 17-18 ต.ค.
เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2564 นายสมควร ต้นจาน ผอ.ส่วนพยากรณ์อากาศกลาง กองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เผยว่า วันนี้ (14 ต.ค.64) พายุโซนร้อน“คมปาซุ” มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่อ่าวตังเกี๋ย มีความเร็วลม 85 กม.ต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วประมาณ 25 กม.ต่อชั่วโมง คาดว่าในช่วงบ่ายวันนี้ (14ต.ค.) จะเคลื่อนขึ้นฝั่งที่ประเทศเวียดนามตอนบน ซึ่งจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันและหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงตามลำดับ ประกอบกับมีร่องมรสุมพาดผ่านและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงมีกำลังแรง ส่งผลทำให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบ โดยวันนี้ -15 ต.ค. หลายพื้นที่มีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปริมาณฝนตกกระจายตัวร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ปริมาณฝนร้อยละ 60-70 ของพื้นที่
ทั้งนี้ ขอย้ำเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดหนองคาย บึงกาฬสกลนคร บุรีรัมย์ และสุรินทร์ ควรเฝ้าระวังฝนตกในระดับปานกลางถึงหนัก และ ในวันที่ 17-18 ต.ค.นี้ ปริมาณฝนในหลายพื้นที่จะเริ่มลดลง.