“ธุรกิจสัตว์เลี้ยง” ม้ามืดแห่งปี ฟันรายได้เนาะๆ 2.5 แสนล้านบาท อานิสงค์เลี้ยงสัตว์หนุนแรง ตกบรรดา ‘นุด’ รักสัตว์ยอมเปย์เพื่อสิ่งนี้ ธุรกิจดาวเด่นแห่งปี พ่วงธุรกิจเกี่ยวเนื่องโตไม่แพ้กัน โดยเฉพาะของเล่น – ของกินสัตว์เลี้ยง แนะนำนักธุรกิจมือใหม่ เงินเย็นไม่ควรพลาด!!
ผ่าอาณาจักร “ธุรกิจสัตว์เลี้ยง” ซุ่มเงียบแต่กลับเติบโตแซงหน้าหลายธุรกิจ อีกธุรกิจดาวเด่นแห่งปีที่ไม่ควรมองข้าม สำหรับนักธุรกิจมือใหม่ที่อยากจะหันมาลงทุน นอกจากจะทำให้หัวใจพองฟู และยังเป็นสีชมพูอีก เพราะความน่ารัก น่าหลงของเจ้าน้องๆ สัตว์เลี้ยงนี่หละ ธุรกิจสัตว์เลี้ยง จึงถือว่าเป็นธุรกิจดาวรุ่งในปีนี้เลย TOPPIC Time จึงต้องนำมาเล่าขาน แบบไม่มีกั๊ก ชี้ถึงก้นบึ้งของบรรดา ‘นุด’ ที่ตกเป็น ‘ทาสสัตว์เลี้ยง’ ส่งผลกุศลแรงทำให้ธุรกิจฟื้นฟูแบบก้าวกระโดด และตอบโจทย์คนรุ่นใหม่แบบไม่น่าเชื่อ ‘จะเงียบจะเหงา แต่เศร้าไม่เป็น’ (จากสัตว์เลี้ยง) ซึ่งคนรุ่นใหม่เค้าคิดกันแบบนี้…
“ธุรกิจสัตว์เลี้ยง” อู้ฟู่เกินคาด ชูใจผลกำไรของแถม
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยผลวิเคราะห์ธุรกิจดาวรุ่งพบ “ธุรกิจสัตว์เลี้ยง” โตอย่างต่อเนื่องช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562-2566) ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2567 มีการจัดตั้งใหม่และทุนจดทะเบียน ในประเทศไทยจดทะเบียนนิติบุคคล 5,009 ราย แบ่งเป็นธุรกิจ 3 กลุ่ม มูลค่าทุนจดทะเบียน 98,798 ล้านบาท
- ฟาร์มสัตว์ 1,233 ราย มูลค่าทุน 11,966 ล้านบาท ส่วนใหญ่จดทะเบียนในรูปบริษัท “ธุรกิจสัตว์เลี้ยง” ส่วนมากเป็นไซส์ขนาดเล็กกว่า 4,498 ราย
- อาหาร/ของเล่น 2,138 ราย มูลค่าทุน 80,444 ล้านบาท
- บริการ/ดูแล 1,638 ราย มูลค่าทุน 6,388 ล้านบาท
กลุ่มอาหาร-ของเล่น “ธุรกิจสัตว์เลี้ยง” โตดีที่สุด
– ในปี 2566 ธุรกิจสัตว์เลี้ยงมีรายได้รวมอยู่ที่ 258,703 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 คิดเป็น 5.79% เป็นกำไรสุทธิ 14,990 ล้านบาท
– กลุ่มอาหาร/ของเล่น ในธุรกิจสัตว์เลี้ยงเป็นกลุ่มที่สร้างรายได้สูงสุดอยู่ที่ 196,304 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 คิดเป็น 8.64% เป็นกำไรสุทธิ 14,263 ล้านบาท
– กลุ่มบริการ/ดูแล ธุรกิจสัตว์เลี้ยง สร้างรายได้ 23,562 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 คิดเป็น 0.96% เป็นกำไรสุทธิ 912 ล้านบาท
– กลุ่มฟาร์มสัตว์ สร้างรายได้ 38,837 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากปี 2565 คิดเป็น 4.11% มีกำไรสุทธิลดลง 184.74 ล้านบาท แต่ในเชิงลึกปี 2566 มีทุนจดทะเบียนเป็น 1,000 ล้านบาทสูงกว่า ปี 2565 อีกเท่าตัว
เทรนด์มาแรงแฝงใน “ธุรกิจสัตว์เลี้ยง”
– ข้อมูลที่น่าสนใจในธุรกิจสัตว์เลี้ยงกลุ่มบริการ/ดูแล มีเทรนด์การเติบโตที่เพิ่มขึ้น เช่น ธุรกิจสัตว์เลี้ยงบริการด้านสุขภาพ เช่น โรงพยาบาลสัตว์ บริการรับฝากสัตว์เลี้ยง อาบน้ำ/ตัดขน ครึ่งปีแรก 2567 จัดตั้งใหม่ 191 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 7 ราย คิดเป็น 3.80% มีทุนจดทะเบียน 311 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 51 ล้านบาท คิดเป็น 19.62%
– ผลพวงจากเทรนด์ Petriarchy- Petfluencer- Pet Humanization ที่เป็นการเลี้ยงสัตว์แบบตามใจเป็นพิเศษ สัตว์เลี้ยงดาราที่มีเหล่า Follower พร้อมติดตาม และการเลี้ยงสัตว์เสมือนคนในครอบครัวทำให้เกิดการลงทุนในสุขภาพและความเป็นอยู่ของสัตว์เลี้ยงเหมือนคนจริง ๆ และการซื้อของเล่น ของใช้ อาหารแบบพรีเมียมเพื่อตามใจน้อง ๆ ที่เรารัก
– เทรนด์การเลี้ยงสัตว์พิเศษ หรือ Exotic Pet มากขึ้น อาทิ สัตว์เลื้อยคลาน งู กิ้งก่ายักษ์ เต่า บุชเบบี้ (ลิงตัวเล็ก) ชินชิล่า และนกแก้ว (บางประเภทต้องมีใบอนุญาตตามอนุสัญญาไซเตสเพราะเป็นสัตว์ต่างถิ่น ต้องนำเข้ามา) ส่วนใหญ่ Exotic Pet จะเป็นสัตว์ที่ใช้พื้นที่ในการเลี้ยงไม่มาก เหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่อยู่ในเมืองไม่มีพื้นที่มาก แต่ต้องการมีเพื่อนไว้คลายเหงา
สิงคโปร์ ลงทุน “ธุรกิจสัตว์เลี้ยง” สูงสุดในไทย
นักธุรกิจต่างชาติเข้ามาลงทุนธุรกิจสัตว์เลี้ยง ในไทย มีมูลค่า 5,333 ล้านบาท แบ่งเป็น ฟาร์มสัตว์ 228 ล้านบาท, อาหาร/ของเล่น 4,807 ล้านบาท และบริการ/ดูแล 298 ล้านบาท
3 อันดับแรกคือ
1. สิงคโปร์ มูลค่าการลงทุน 1,647 ล้านบาท
2. ออสเตรเลีย 871 ล้านบาท
3. ญี่ปุ่น 728 ล้านบาท
“ธุรกิจสัตว์เลี้ยง” ยังมีอนาคตสดใส
ตลาดยังมีการแข่งขันกันมาก โดยให้สัตว์เลี้ยงกลายมาเป็นคอนเทนต์สร้างสีสันในโลกโซเชียล (Petfluencer) สร้างรายได้ให้เจ้าของที่นำเรื่องราวความน่ารัก หรือการพาสัตว์เลี้ยงของตนเองไปท่องเที่ยวที่ต่างๆ มาเผยแพร่ จนมีผู้ติดตามและสร้างอิทธิพลทางความคิดจนเกิดการอยากเลี้ยงสัตว์ตามมา นอกจากนี้ สถานที่ท่องเที่ยว ทั้งห้างสรรพสินค้า โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว ปรับตัวให้เป็น Pet Friendly ลูกค้าสามารถพาสัตว์เลี้ยงมาเที่ยวด้วยกันได้ เกิดสังคมคนเลี้ยงสัตว์มารวมตัวกัน
ไม่คิดมาก หากมีเงินเย็นพอ… ธุรกิจนี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า การันตีเฟื่องฟูชัวร์!!