กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ สำนักงานศาลยุติธรรม ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการไกล่เกลี่ย “ข้อพิพาททางการแพทย์” ก่อนฟ้องคดี เปิดให้เจรจาหาด้วยสันติวิธี ยุติความขัดแย้ง เผยคดีฟ้องร้องทางการแพทย์ไม่น้อยกว่า 30 คดีต่อปี เสียค่าใช้จ่ายคดีละ 2 แสนบาท
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ นายธานี สิงหนาท เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการไกล่เกลี่ย “ข้อพิพาททางการแพทย์” ก่อนฟ้องคดี โดยมีผู้เกี่ยวข้อง ร่วมเป็นสักขีพยาน
นพ.โอภาส กล่าวว่า เรามีนโยบายการจัดบริการทางการแพทย์และสาธารณสุข ให้มีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน ขณะที่ศาลยุติธรรมมีการนำวิธีการระงับข้อพิพาททางเลือก มาใช้ควบคู่ไปกับการพิจารณาคดี โดยมุ่งเน้นให้มีการส่งเสริมกระบวนการระงับข้อพิพาททางเลือกในทุกขั้นตอน เพื่อให้ความขัดแย้งยุติลงด้วยความสมานฉันท์ในสังคมไทย ซึ่งที่ผ่านมา พบว่ามีการฟ้องร้องคดีทางการแพทย์ เฉลี่ยปีละ 30 คดี มีค่าใช้จ่ายประมาณ 200,000 บาทต่อคดี ทั้งสองหน่วยงานจึงบูรณาการความร่วมมือกัน ในการส่งเสริมและสนับสนุนให้ใช้กระบวนการไกล่เกลี่ย สำหรับ “ข้อพิพาททางการแพทย์” โดยความยินยอมของคู่กรณีทั้งสองฝ่าย เพื่อเปิดโอกาสให้มีการเจรจาหาทางออกร่วมกันด้วยสันติวิธี
ด้าน นายธานี กล่าวว่า การลงนามความร่วมมือในวันนี้ เป็นไปตามภารกิจหลักของศาลยุติธรรมและนโยบายของประธานศาลฎีกา ข้อ 1 “ที่พึ่ง” มุ่งเน้นให้มีการส่งเสริมกระบวนการระงับข้อพิพาททางเลือกในทุกขั้นตอน เพื่อให้ความขัดแย้งยุติลงด้วยความสมานฉันท์ ไม่ก่อภาระค่าใช้จ่ายแก่คู่ความ เพื่อให้ “ศาลยุติธรรม” พร้อมเป็นที่พึ่งของประชาชนในโอกาสแรก ที่ได้รับความเดือดร้อนหรือมีข้อพิพาท โดยคู่กรณีสามารถดำเนินการด้วยตนเอง มีขั้นตอนการดำเนินการที่ไม่ยุ่งยาก และใช้เวลาไม่มาก
ทั้งนี้ตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ มุ่งส่งเสริมและสนับสนุนการเชื่อมโยงเครือข่ายการไกล่เกลี่ยก่อนฟ้องคดี สนับสนุนให้มีการส่งต่อ “ข้อพิพาททางการแพทย์” จากศูนย์ไกล่เกลี่ยของหน่วยงาน ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงสาธารณสุข ไปยังศูนย์ไกล่เกลี่ยประจำศาล รวมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการระงับข้อพิพาทของศาล และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการสาธารณสุข ตลอดจนความรู้เกี่ยวกับกระบวนการไกล่เกลี่ยก่อนฟ้อง ให้แก่บุคลากรของทั้งสองหน่วยงาน เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจ และเห็นถึงประโยชน์ของการไกล่เกลี่ยก่อนฟ้อง อันจะเป็นประโยชน์แก่การให้บริการประชาชนมากยิ่งขึ้น.