จับตา 6 จังหวัดโควิดยังแรง! วอน ปชช.ช่วยสอดส่อง โดยเฉพาะกลุ่มลักลอบ-ต่างด้าว ขณะที่ เปิดประเทศรับ นทท.ไร้ปัญหา
นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค เผยถึงสถานการณ์โรคโควิด ระบุว่า ภาพรวมทั้งประเทศมีแนวโน้มลดลง แต่ยังต้องเฝ้าระวังใกล้ชิด 6 จังหวัดที่ยังมีแนวโน้มสูง ได้แก่ นครศรีธรรมราช เชียงใหม่ ตาก ระยอง จันทบุรี และขอนแก่น มีสัดส่วนการติดเชื้อ 22% (4 พ.ย.) ขณะนี้ได้ระดมสรรพกำลังค้นหาคลัสเตอร์และปัจจัยเสี่ยง รวมถึงเพิ่มเติมวัคซีนลงไปในพื้นที่
สำหรับคลัสเตอร์ที่ยังพบรายงาน (4 พ.ย.) ได้แก่ เรือนจำ กทม. 44 ราย เชียงใหม่ 16 ราย, สถานบันเทิง กทม. 12 ราย, สถานศึกษา ฉะเชิงเทรา 2 ราย, โรงแรม กทม. 20 ราย, แคมป์ก่อสร้าง/ล้งผลไม้ จันทบุรี 4 ราย, บริษัท เชียงใหม่ 6 ราย กทม. 4 ราย, ค่ายทหาร ชลบุรี 3 ราย และตลาดเชียงใหม่ 61 ราย ยังมีผู้ลักลอบเข้าประเทศจากกัมพูชาติดเชื้อ 7 ราย ถือว่าน่ากังวลในช่วงการเปิดประเทศ จึงขอให้ประชาชนร่วมกันสอดส่องและขอให้เจ้าของกิจการใช้แรงงานต่างด้าวถูกกฎหมาย พาคนงานต่างด้าวไปฉีดวัคซีนให้ครบถ้วน
ส่วนการเปิดประเทศ (ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) ณ วันที่ 3 พฤศจิกายน มีผู้เดินทางจากต่างประเทศ 2,614 ราย แบ่งเป็น ระบบ Test&Go หรือกลุ่มประเทศที่ไม่ต้องกักตัว เมื่อผลตรวจ RT-PCR เป็นลบ เดินทางต่อได้ทันที 2,283 ราย ระบบแซนด์บ็อกซ์ 101 ราย และระบบกักตัวตามปกติ 230 ราย มีรายงานพบผู้ติดเชื้อ 4 ราย จากระบบ Test&Go 1 ราย และระบบกักตัว 3 ราย รวม 3 วันที่ผ่านมาพบผู้ติดเชื้อ 10 ราย
แสดงถึงประสิทธิภาพของระบบตรวจจับ แม้ก่อนเดินทางมาจะตรวจ RT-PCR ไม่พบ แต่เป็นการพบในอัตราต่ำมาก ถือว่ามีความปลอดภัยในการรับผู้เดินทางเข้ามาในประเทศ ประเทศที่เดินทางเข้ามามาก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา 196 ราย ญี่ปุ่น 339 ราย เยอรมนี 142 ราย อังกฤษ 105 ราย และเกาหลีใต้ 64 ราย จังหวัดปลายทางที่นักท่องเที่ยวไปมากที่สุด คือ กทม. สมุทรปราการ ชลบุรี นนทบุรี และสุราษฎร์ธานี.