รวบแขกปากีสถานหิ้วยานรกขึ้นเครื่องบินเข้าไทยมูลค่า 95 ลบ.
วันที่ 30 พ.ย. 2564 นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร พร้อมด้วย นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านปราบปรามยาเสพติดสำนักงาน ป.ป.ส. และตัวแทนเจ้าหน้าที่ บช.ปส. จับกุม สองผู้ต้องหาชาวปากีสถาน พร้อมของกลาง เฮโรอีนน้ำหนัก 1.1 กิโลกรัม และเคตามีนน้ำหนัก 30.6 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ในบรรจุภัณฑ์ชาผงสำเร็จรูป ยัดในกระเป๋าสัมภาระรวมมูลค่า 95,100,000 บาท
โดยจับกุมตัวได้ขณะที่ทั้ง 2 ราย โดยสารเครื่องบินมาลงที่ปลายทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิประเทศไทย
นายพชร กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากทางกรมศุลกากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันและการสกัดกั้นยาเสพติดให้โทษ กระทั่งวานนี้เจ้าหน้าที่ช่องตรวจผู้โดยสารไม่มีสิ่งของต้องสำแดง (ช่องเขียว) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้เรียกตรวจนายเอ และ นายบี ซึ่งเป็นชาวสัญชาติปากีสถาน เดินทางมาจากท่าอากาศยานนานาชาติจินนาห์ เมืองการาจี ประเทศปากีสถาน ผ่านท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
โดยมีปลายทางมุ่งหน้ามาที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิประเทศไทย เมื่อทำการตรวจค้นกระเป๋าสัมภาระ ก็พบบรรจุภัณฑ์ชาผงสำเร็จรูป ซุกซ่อนยาเสพติดจำนวนดังกล่าวเข้ามา
จากการสอบสวนในเบื้องต้นทั้งคู่ยอมรับว่า ได้รับค่าจ้างคนละ 20,000 บาท ให้นำกระเป๋าสัมภาระดังกล่าวเข้ามาในประเทศไทย หากผ่านช่องตรวจผู้โดยสารได้สำเร็จ ก็จะมีผู้ติดต่อมาขอรับกระเป๋าสัมภาระไปอีกทอดหนึ่ง
ทั้งนี้จากการตรวจสอบย้อนหลังในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ไม่พบว่าผู้โดยสารทั้ง 2 ราย เคยเดินทางเข้าประเทศไทยมาก่อน ซึ่งหลังจากนี้จะประสานสำนักงาน ป.ป.ส. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช. ปส. ร่วมทำการขยายผล สืบหาตัวผู้ร่วมกระทำความผิดเพื่อนำมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 รายเกี่ยวข้องกับคดีนำเข้าและส่งออกยาเสพติดที่กำลังโด่งดังอยู่หรือไม่ อธิบดีกรมศุลกากร ตอบว่า คดีนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับคดีที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยืนยัน เราจะทำการขยายผลทุกคดีทุกเคสที่มีการจับกุมยาเสพติด ทั้งการทลายเครือข่ายและติดตามยึดทรัพย์
ล่าสุด พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับและมีข้อสั่งการให้กรมศุลกากร กวดขันจุดสุ่มเสี่ยงในกระบวนการขั้นตอนทางพิธีการนำเข้าส่งออกสินค้า ทั้งขาเข้าและขาออก เร็วๆ นี้ จะมีมาตรการเปลี่ยนขั้นตอนให้เข้มงวดรัดกุมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะพิธีการขาออก จากอดีตเคยสุ่มตรวจตู้คอนเทนเนอร์ประมาณ 15% ก็จะต้องมีมาตรการสุ่มตรวจให้มากยิ่งขึ้น
สำหรับกรณีขาเข้าในอดีต เคยสุ่มตรวจราว 20 – 30% ก็จะต้องมีข้อกำหนดให้มีการสุ่มตรวจถี่มากขึ้นกว่าเดิมเช่นกัน ตอนนี้อยู่ระหว่างการทำหลักเกณฑ์ใหม่ เพื่อกำหนดใช้ในการเฝ้าระวังและปราบปรามยาเสพติดรวมถึงสิ่งผิดกฎหมาย ที่จะเล็ดลอดเข้ามาในราชอาณาจักร และป้องกันการเล็ดลอดออกสู่นอกราชอาณาจักรต่อไป.