แม้ล่าสุด กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ระบุ บริษัทแจ้งมีน้ำมันรั่วลงทะเล เพียง 1.6 แสนลิตร จากเดิมคาด 4 แสนลิตร ยังไม่พบผลกระทบ สั่งจับตาต่อเนื่อง เกรงคราบน้ำมันพัดเข้าฝั่งหาด
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหล 400,000 ลิตร จากท่อใต้ทะเลของทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเลบริเวณมาบตาพุด จังหวัดระยอง หลังเกิดเหตุทีมตอบโต้ภาวะฉุกเฉินของ บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) ได้ทำการควบคุมสถานการณ์ตามขั้นตอนเบื้องต้นสามารถควบคุมและหยุดการรั่วไหลได้ ตั้งแต่เวลา 00.10 น.ของวันนี้ (26 ม.ค.) ขณะที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้กำชับให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) และ กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ร่วมกับ กองทัพเรือ จังหวัดระยอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อควบคุมน้ำมันจากการรั่วไหลและลดผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่ง
เหตุการณ์ดังกล่าว มีน้ำมันดิบไหลลงทะเลประมาณ 400,000 ลิตร จากการใช้แบบจำลอง OilMap ทำนายการเคลื่อนที่ของคราบน้ำมันในทะเล แสดงให้เห็นว่าบริษัทไม่มีการควบคุมและป้องกัน อาจทำให้กลุ่มน้ำมันดังกล่าวเคลื่อนตัวเข้าสู่ชายฝั่งทะเลบริเวณหาดแม่รำพึงถึงบริเวณอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า – หมู่เกาะเสม็ด ในวันที่ 28 มกราคม เวลาประมาณ 17.00 น. ประมาณ 180,000 ลิตรได้ ดังนั้น บริษัทฯ ควรดำเนินการวางแผนจัดการคราบน้ำมันดังกล่าว และป้องกันผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น โดย คพ. จะประสานรับข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับค่าในแบบจำลองให้ใกล้เคียงกับสภาพความเป็นจริงต่อไป
ล่าสุด นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เผยว่า บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียมฯ ได้แจ้งข้อมูลได้รั่วไหลของน้ำมันดิบลงทะเลอยู่ที่ 128 ตัน หรือประมาณ 160,000 ลิตร โดยใช้สารเคมี Dispersant ในกำจัดปริมาณคราบน้ำมันให้ย่อยสลายไปแล้วร้อยละ 80 ยังคงเหลือคราบน้ำมันอีกประมาณ 21 ตัน ภาพรวมสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว และจะไม่มีการพัดคราบน้ำมันเข้าหาฝั่ง เบื้องต้นยังไม่พบผลกระทบต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
ทช. จะส่งนักวิชาการตรวจประเมินผลกระทบทั้งในระยะสั้น และระยะยาวต่อไป หากมีผลกระทบตกค้างสร้างความเสียหายต่อทรัพยากรจะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป