โฆษก บช.น. เผย ขณะนี้รอผลตรวจความเร็วรถจาก พฐ. ยืนยัน ส.ต.ต.นรวิชญ์ และพ่อ ตั้งใจบวชเอง ไม่มีใครบังคับ ขณะที่โผล่ภาพตำรวจรายนี้ เคยซิ่งบิ๊กไบค์ถูกตำรวจด้วยกันจับ…
วันที่ 26 ม.ค.2565 พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. ในฐานะ โฆษก บช.น. เปิดเผยความคืบหน้า กรณี ส.ต.ต.นรวิชญ์ บัวดก ผบ.หมู่ กองร้อยที่ 2 กองกำกับการ 1 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (กก.1 บก.อคฝ.) ขี่บิ๊กไบค์ชน พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือหมอกระต่าย จักษุแพทย์ ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่า ในกรณีที่โลกโซเชียลโพสต์ภาพเรื่องรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์คันดังกล่าว ถูกจับดำเนินคดีก่อนหน้าที่ ส.ต.ต.นรวิชญ์จะนำมาขับขี่ในวันถัดมานั้น
ขณะนี้เพิ่งได้รับรายงาน และอยู่ระหว่างการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ว่าภาพที่ปรากฎนั้น เป็นสถานที่ใด ในพื้นที่สถานีตำรวจใด และมีการดำเนินการตามข้อกฎหมายหรือไม่ โดยภาพที่เผยแพร่ในโลกโซเชียลนั้น ต้องตรวจสอบอย่างละเอียด มีความเป็นไปได้ว่ารถคันดังกล่าวถูกดำเนินการทางกฎหมายจริง หรืออาจไม่จริง ก็มีความเป็นไปได้ทั้งหมด ต้องขอเวลาให้ตำรวจตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อความกระจ่างในประเด็นนี้
พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวอีกว่า แม้กระแสสังคมจะบอกว่า รถบิ๊กไบค์ของ ส.ต.ต.นรวิชญ์ เป็นรถของกลางในคดีอื่น และถูกนำมาขับขี่นั้น ต้องขอยืนยันว่า รถที่ ส.ต.ต.นรวิชญ์ ใช้ขี่นั้นเป็นรถที่ถูกซื้อมาอย่างถูกต้อง และการโอนทะเบียนที่ยังไม่ได้ไปดำเนินการ ซึ่งการซื้อขายดังกล่าวก็เป็นเรื่องปกติในสังคมอยู่แล้ว
พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวว่า ส่วนในวันเกิดเหตุนั้น ป้ายทะเบียนของรถคันดังกล่าว ได้ถูกถอดออกและใส่ไว้ใต้เบาะรถ ซึ่งส่วนที่พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาไปแล้วก่อนหน้านี้ พร้อมตรวจใบขับขี่ก็ยืนยันว่า ส.ต.ต.นรวิชญ์ มีใบขับขี่รถจักรยานยนต์จริง
ส่วนกรณีที่มีตำรวจ ยศนายพล เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการบวช ของ ส.ต.ต.นรวิชญ์ นั้น ขอแจ้งให้ทราบว่า ไม่เป็นความจริง และไม่มีตำรวจยศนายพล เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
โดยในวันที่ ส.ต.ต.นรวิชญ์ บวชนั้น มีเพียง พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ปทุมวัน ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของบิดา ส.ต.ต.นรวิชญ์เท่านั้น ที่ไปร่วมงาน และมีผู้ร่วมงานเพียง 5-6 คน ในฐานะหัวหน้าของบิดา ส.ต.ต.นรวิชญ์ เท่านั้น
พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวว่า เมื่อเกิดเหตุขึ้น ส.ต.ต.นรวิชญ์ และ บิดา ได้แจ้งความจำนงค์ที่จะบวชให้กับผู้เสียชีวิตด้วยความจริงใจ จึงได้แจ้งผู้บังคับบัญชาของตัวเองให้ทราบ เพื่อลากิจ และเข้าอุปสมบท โดยไม่ได้มีใครบังคับให้กระทำการดังกล่าวแต่อย่างใด ทั้งนี้ก็มาจากความตั้งใจจริงที่จะอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิต และรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้อย่างมาก
พล.ต.ต จิรสันต์ เผยว่า ในส่วนของคดีความ ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลตรวจความเร็วของรถบิ๊กไบค์ โดยให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ศาลให้การยอมรับ มาวิเคราะห์ค่าความเร็ว ซึ่งถ้าผลตรวจออกมาว่าขับเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด คือ ขับขี่รถจักรยานยนต์ในเขตเมือง ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็จะมีความผิดและทางพนักงานสอบสวนก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมอีก 2 ข้อหา คือ ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และขับรถไม่คำนึงถึงความปลอดภัย หรือความเดือดร้อนของผู้อื่นฯ รวมเป็นทั้งหมด 9 ข้อหา
พล.ต.ต.จิรสันต์ เผยอีกว่า ในการตรวจความเร็ว ตำรวจได้ใช้ผู้เชี่ยวชาญที่ศาลให้การยอมรับ และเป็นเรื่องปกติในการดำเนินการอยู่แล้ว ยืนยันว่าตำรวจดำเนินการตามกรอบของกฎหมาย และตามหลักการการตรวจพิสูจน์ พร้อมชี้แจงให้กับประชาชนรับทราบ แม้มีประชาชนบางส่วนที่ไม่เห็นด้วย และวิพากษ์วิจารย์ จากเหตุผลส่วนตัว ทางตำรวจก็เข้าใจ และน้อมรับ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้เวลา 15.00 น. พล.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน จะลงพื้นที่บริเวณทางม้าลาย หน้าโรงพยาบาลสถาบันโรคไตรภูมิราชนครินทร์ เพื่อรวบรวมข้อมูลและหาแนวทางป้องกันอุบัติเหตุ สร้างมาตรฐานความปลอดภัยบนท้องถนนเป็นโมเดลสำหรับแก้ปัญหาในจุดอื่นๆอีกด้วย
รายงานข่าวระบุว่า สำหรับกฎหมายการขับขี่รถจักรยานยนต์ นั้น ในกฎหมายเก่า รถจักรยานยนต์ทุกประเภท ใช้ความเร็วในเขตเมือง ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนกฎหมายใหม่ ที่ระบุขับขี่ในเขตเมืองไม่เกิน 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งได้ประกาศลงราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2564 โดยจะมีผลบังคับใช้หลังลงประกาศในอีก 240 วัน
กรณีมีการเผยแพร่ภาพ ช่วงก่อนเกิดเหตุ รถจักรยานยนต์ของสิบตำรวจตรีนรวิชญ์ มีแผ่นป้ายทะเบียนติดอยู่ และถูกเรียกตรวจ โดยมีการแสดงบัตรประจำตัวตำรวจ แต่ในวันเกิดอุบัติเหตุ ไม่ปรากฎแผ่นป้ายทะเบียนของรถจักรยานยนต์ของกลางนั้น
พลตำรวจตรีจิรสันต์ กล่าวว่า ขอตรวจสอบรายละเอียดก่อนว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อใด แต่ยืนยันว่า พบแผ่นป้ายรถ ถูกเก็บไว้ใต้เบาะรถจักรยานยนต์หลังเกิดเหตุในพื้นที่สน.พญาไท และมีการแจ้งข้อหา ไม่ติดแผ่นป้ายไปแล้ว รวมทั้งมีการตรวจสอบแล้วว่า สิบตำรวจตรีนรวิชญ์ มีใบขับขี่รถจักรยานยนต์ และมีใบสัญญาซื้อขายรถมาอยากถูกต้อง
อันนี้มีรายงานว่ากรณีภาพดังกล่าวที่มีการเผยแพร่ในโลกโซเชียลเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่สนชนะสงคราม ภาพดังกล่าวถูกถ่ายภายในพื้นที่บริเวณของ สน.
โดยเหตุเกิดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบเห็นรถจักรยานยนต์ของสิบตำรวจตรีมีลักษณะต้องสงสัยเรื่องของแผ่นป้ายทะเบียนจึงมีการเรียกตัวมาพบที่สถานีตำรวจ เพื่อสอบถามเรื่องแผ่นป้ายทะเบียนดังกล่าว ซึ่งสิบตำรวจตรีได้แสดงบัตรว่าตนเองเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจรับนำเอกสารมายืนยันว่า ตนเองเป็นข้าราชการตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจสน. ชนะสงครามจึงได้ว่ากล่าวตักเตือน ก่อนที่จะย้ำให้ไปต่อทะเบียนให้ถูกต้องและปล่อยตัวไป ส่วนภาพดังกล่าวจะถูกบันทึกรถเกิดเหตุวันใดขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลรายงานในเรื่องดังกล่าว