กลืนไม่เข้าคายไม่ออก! “เรียวตะ เดอะเฟซ” จ๋อย เจอตุ๋นสูญเงินแสน ค่าต่อวีซ่าทำงานในไทย แถมแจ้งความไม่ได้…
มุ่งมั่นตั้งหน้าตั้งตาทำงานในประเทศไทยให้ความฝันเป็นจริง แต่แล้วกลับมีมารในคราบนักบุญเข้ามาปั่นป่วนช่วงชิงความสุขไป สำหรับ “เรียวตะ โอมิ” (Ryota Ohmi) นายแบบหนุ่มอารมณ์ดี สัญชาติญี่ปุ่น เคยเป็นผู้เข้าแข่งขันในรายการ The Face Men Thailand Season 2 ที่ผ่านมา จนสร้างชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ล่าสุด เจ้าตัวถึงกับออกอาการเซ็งอย่างหนัก เมื่อเจออดีตคนสนิทลวงเงินค่าทำวีซ่าเวิร์ก เพอร์มิท สูญเงินกว่าแสนบาท
งานนี้ “เรียวตะ” ไม่ขอทนนิ่งเฉยจึงออกมาเตือนภัยแก่ชาวโลกว่าอย่าหลงเชื่อบุคคลดังกล่าว เพรามีพฤติกรรมเยี่ยงมิจฉาชีพหากินในคราบนักบุญอยากช่วยเหลือผู้อื่น โดยเจ้าตัวได้เล่าว่า
“มีหนึ่งคนเขาดูแลผมเกี่ยวกับงาน และเขาบอกว่าเขาสามารถดูแลวีซ่า เวิร์ก เพอร์มิท (Work Permit-ใบอนุญาตประกอบอาชีพสำหรับชาวต่างชาติ) ให้ผมได้ ใช้เงินไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทก็ทำให้ได้ แต่ผมรู้ว่าการทำวีซ่าเวิร์ก เพอร์มิทยากมาก ต้องเป็นมืออาชีพ ผมก็เลยถามหลายรอบว่าได้จริงหรือเปล่า เขาบอกว่าได้ๆๆๆ ก็เลยเชื่อเขา ก็เลยฝากเขาทำหมด”
“เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเดือนเมษาฯ ปีที่แล้ว พอเข้าเดือน 6 เขาขอเงินหลายรอบ รวมทั้งหมดสองหมื่นบาท แล้วทุกๆ ครั้งก็บอกว่าเป็นค่าทำเอกสาร ค่าแท็กซี่ และก็ค่าโน่นนี่นั่น แต่ผมข้องใจว่าไม่ถึงสองหมื่นบาทแน่ๆ ผมก็เฉยและผมก็สงสัย ขอดูใบเสร็จค่าใช้จ่าย ก็ไม่มีให้ดู ซึ่งตั้งแต่เดือนเมษาฯ เขาทำเรื่องยกเลิกวีซ่าของผม เขาบอกว่าถ้าไม่ยกเลิกจะทำเวิร์ก เพอร์มิทใหม่ไม่ได้ เขาก็เลยยกเลิก คือเขายกเลิกแล้วแต่เขาไม่รีบทำใหม่ บอกว่าเวิร์ก เพอร์มิทยังไม่หมดอายุก็เลยไม่ต้องรีบ ผมซึ่งไม่มีความรู้และฝากเขาทั้งหมดเพราะไว้ใจ ก็เลยทำตามเขา จนตัดสินใจไปทำวีซ่าใหม่เพราะผมเร่งเขาตอนที่เวิร์ก เพอร์มิทจะหมดอายุ”
“เป็นผมต้องจ่ายเงินทั้งหมดรวมสองหมื่นกว่าบาทคือค่าปรับที่อยู่เกิน ซึ่งคนนั้นทำให้ผมไม่สำเร็จ เขาก็ยังพูดกับผมว่า เดี๋ยวอีกนิดหนึ่งเอกสารก็จะครบนะ ผมก็รอนานเอกสารก็ยังไม่จบหลายรอบ ซึ่งผมไปที่ อิมมิเกรชั่น (immigration Bureau-สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง) เอง และก็ขอวีซ่าชั่วคราว 45 วัน เพื่อให้เขารวบรวมเอกสาร แต่เอกสารก็ไม่ครบ ผมขอวีซ่าต่อประมาณ 3 รอบ แล้วก็รอบที่ 4 อิมมิเกรชั่นบอกว่าให้ครั้งนี้ครั้งสุดท้าย จะไม่ให้อีกแล้ว คุณเรียวตะสามารถทำเอกสารให้ครบได้ใช่ไหม ผมถามเขาคนนั้นเขาบอกว่าได้เหลืออีกนิดหนึ่ง ก็เลยรอจนถามเขาอีกรอบว่าเอกสารโอเคไหม แต่สุดท้ายเขาไม่ได้ทำอะไรเลย”
“ผมก็เลยตัดสินใจว่าตัดเขาดีกว่า ผมทำเองแล้วแต่เหลือเวลาน้อยไป เลยไปจ้างอีกคนหนึ่ง ค่าจ้างก็แพงมาก แต่ยังไงก็ต้องจ่ายเพราะว่าผมอยากอยู่เมืองไทย แล้วสุดท้ายผมก็ได้วีซ่าแล้ว แล้วผมบอกคนนั้นว่าขอเงินคืนนิดหน่อยได้ไหม เพราะผมจ่ายเงินให้ไปหลายบาท และค่าปรับหลายรอบ ผมขอเงินคืนสองหมื่นบาท และค่าโอเวอร์สเตย์ คิดเป็นเงินสี่หมื่นบาท อื่นๆ ไม่ต้อง แต่เขาไม่ยอมคืน คืนแค่ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ คือทั้งหมดที่ผมจ่ายเงินไปทั้งค่าขอวีซ่าที่จ่ายให้คนนั้น และค่าจ้างทำวีซ่าใหม่รวมทั้งหมดหนึ่งแสนกว่าบาท”
“เขาหลอกผม และไม่รู้สึกผิดอะไรเลย เขาไม่ได้หลอกผมคนเดียว มีหลอกเพื่อนหลายคนด้วย หลอกว่าจะทำวีซ่าให้แต่ก็ไม่ทำอะไรเลย เขาอ้างว่าเพราะว่าไม่มีเงิน เขาหลอกเอฟซีผมหลายรอบด้วย มีการนัดกินข้าวอะไรอย่างนี้และขอเงินหลายรอบ”
“คือผมเคยแจ้งความไปแล้ว แต่ว่าตำรวจบอกว่าอายุความหมดแล้ว ต้องภายในสามเดือน ทีนี้ต้องปรึกษาทนายก่อน เพราะตอนแรกผมไม่ได้คิดจริงๆ ว่าเขาจะหลอกผม ตอนนี้ทนายมองว่าสามารถเป็นคดีผู้บริโภคได้ ส่วนอายุความคือเรียวตะโอนเงินไปให้เขาล่าสุดมันคือเดือน 6 ปีที่แล้ว มันหมดอายุความเกินสามเดือนแล้ว คือการฉ้อโกงต้องอยู่ในระยะเวลาสามเดือน คือการแจ้งความเป็นการแจ้งเรื่องที่เขามาหลอกให้โอนเงินที่ไปทำเรื่องวีซ่าเวิร์ก เพอร์มิท ผมอยากจะฟ้องเขา แล้วอยากเตือนคนอื่นว่าต้องระวังคนนี้ เพราะว่าเขาหลอกหลายคนอยู่ครับ”