“แมงมุม กิติพัฒน์” รับชดใช้หนี้แม่ 6 แสน พร้อมแจงปมดราม่า พยายามเคลียร์หนี้อยู่…
เป็นประเด็นร้อนที่หลายคนสนใจ หลัง”ผอ.วินัย สังขวรรณะ” อายุ 65 ปี อดีต ผอ.โรงเรียนบ้านผาปูน ต.อมก๋อย อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ถูก “ครูวิชชุดา” หรือ “ศิกานต์” หรือ “สินีภัชร์ พุทธชาติ” อดีตครูโรงเรียนยางเปียง และเป็น “แม่ดาราดัง” ไม่ชำระเงินกลุ่มย่อยกองทุนพัฒนาชีวิตครูอำเภออมก๋อย ไปจำนวน 2 แสนบาท และเงินซื้อบ้าน ในราคา 1.4 ล้านบาท ที่ ต.สลกบาตร อ.ชาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร ทำให้ครูผู้ค้ำประกันได้รับผลกระทบทั้งเสียชีวิตและเลือดฝอยในสมองแตกกลายเป็นคนพิการใช้ชีวิตอยู่ด้วยความยากแค้น
ซึ่ง “ครูวิชชุดา” และบุตรชายที่เป็นดาราเคยออกรายการทีวีพร้อมด้วย “ผอ.วินัย” ซึ่งแม่ลูกรับปากจะชดใช้หนี้ที่กู้เงินจากธนาคารมาให้ทั้งหมด แต่แล้วไม่สามารถติดต่อได้
ด้าน “ผอ.วินัย” จึงจำทนแบกรับภาระหนี้สินที่ไม่ได้ก่อขึ้น เงินบำนาญถูกหักไปเหลือเพียงเดือนละ 2,000 บาท ไม่พอค่าใช้จ่าย พร้อมระบายความในใจด้วยแววตาแดงกล่ำ
ล่าสุด ทางด้านนักแสดงหนุ่ม “แมงมุม กิติพัฒน์ รัตนเศรณี” ได้ติดต่อต้องการชดใช้เงินจำนวน 6 แสนบาท ที่มีหลักฐานให้กับธนาคาร ส่วนอีก 2 แสนบาทที่กู้จากกลุ่มย่อยกองทุนพัฒนาชีวิตครูอำเภออมก๋อยนั้น เรื่องนี้ผ่านมานานแล้วหลักฐานกู้ยืมเงินได้สูญหายไป จากกรณีที่เกษียณอายุราชการ ได้ขนย้ายเอกสารจากโรงเรียนบ้านผาปูนมาอยู่ที่ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ จึงขอเงินคืนจำนวน 6 แสนบาทที่มีหลักฐานเท่านั้น พร้อมกับเขียนชี้แจงเรื่องทั้งหมดผ่านทางอินสตาแกรมส่วนตัวว่า
“เรื่องราวเป็นคดีที่เกิดกับคุณแม่ของผม เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ผมเพิ่งทราบเรื่องคดีนี้เมื่อ 3 ปีที่แล้วจึงเป็นที่มา ที่ได้ไปเคลียร์กับคู่กรณีของคุณแม่ผมที่รายการโหนกระแส ก็จบความที่ว่า ผมในฐานะลูกจะชดใช้และผ่อนจ่ายให้ (ในตอนที่ตกลงนั้นพูดตรงๆ เลยคือไม่มีเงินครับ ณ ช่วงเวลานั้น เพราะเป็นช่วงที่ผมล้มพอดี หนี้จากธุรกิจเก่าเยอะประกอบกับค่าตัวนักแสดงตอนนั้นก็ไม่ได้เยอะครับจึงใช้เดือนชนเดือน ถึงติดลบมาโดยตลอด ผจก.ผมจะรู้ถึงความเป็นอยู่ผมในช่วงนั้นดี)…
… ต่อมาผมก็ตั้งหน้าตั้งตาสร้างตัวเพื่อที่จะให้ตัวเองมีกำลังพอที่จะพัฒนาฐานะทางการเงินของตัวเรา เพื่อที่จะใช้หนี้ให้ตัวเองและของครอบครัว ย้ำนะครับ!!! ว่าหนี้ไม่ได้มีแค่ก้อนนี้ครับ ผมในฐานะหัวหน้าครอบครัว ก็พยายามที่จะเลี้ยงดูคุณแม่มาตลอดไม่ว่าตอนมีหรือตอนไม่มี …
ซึ่งระยะเวลาที่ผมสร้างตัวก็ราวๆ 2 -3 ปี ซึ่งยอมรับเลยครับว่าสาหัสมากทั้งเรื่องภาวะเศรษฐกิจและช่วงโควิด ทำให้ธุรกิจทั้งหมดพัง ถ่ายละครก็ถ่ายไม่ได้ รู้สึกช่วงนั้นผมจะเป็นเทรนเนอร์ด้วยครับ ก็แน่นอนครับ ยิมปิด คุณพระ!!! หาเงินจากที่ไหนล่ะเนี่ย แต่ในที่สุดผมก็ผ่านมันมาได้ ผมเพิ่งมาตั้งตัวได้ประมาณ เกือบ 1 ปี จึงได้เริ่มจัดสรรเงินดังนี้ …
1. เก็บเงินเพื่อรองรับความเสี่ยงต่างๆ 2. ลงทุน 3. ทำบุญ 4. ดูแลครอบครัว 5. ใช้ชีวิต 6. ใช้หนี้ ผมได้ตั้งใจใช้หนี้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นของตัวเองและครอบครัวมาตลอด ซึ่งโชคร้ายตรงที่คุณยายผมก็ป่วยพอดี ยายผมเป็นโรคอัลไซเมอร์+โรคกระดูก+โรคพาร์กินสัน ใครที่มีผู้ป่วยอยู่ในบ้านจะรู้ได้เลยว่าค่าใช้จ่ายสูงมาก ซึ่งทำให้ผมต้องจัดสรรค่าใช้จ่ายในทุกๆด้านให้ลงตัว ให้ทุกคนรอบตัวผมไม่รู้สึกว่าขาดหรือรู้สึกว่าผมไม่มีหรือดูแลไม่ได้
ผมเองไม่เคยหนีหายหรือติดต่อไม่ได้แต่อย่างใด ทาง ผจก.ได้ยืนยันแล้วว่า ไม่มีการติดต่อมาเพื่อทวงถามหนี้ตลอด 3 ปีนี้ หลังจากจบรายการโหนกระแส แต่ตัวผมเองไม่เคยนิ่งนอนใจในเรื่องหนี้ก้อนนี้ เพียงแต่ผมจัดลำดับการใช้หนี้ไว้แล้ว (ซึ่งข้อนี้ผมยอมรับผิดที่ผมจัดการได้ช้าไปครับ) เงินที่ผมได้มาในส่วนของการจัดสรรใช้หนี้ ผมได้จัดสรรไว้เป็นลำดับจะไม่ได้หามาเพื่อใช้หนี้ให้หมดใน 1-2 เดือน เพราะยังมีภาระหน้าที่อื่นๆ ที่จะต้องรับผิดชอบด้วย …
… ตลอดเวลาที่ผมเติบโตมา ผมแยกกันอยู่กับคุณแม่ตั้งแต่อนุบาล 2 โดยมียายกับตาและน้าเลี้ยงมา แต่เมื่อผมโตขึ้นและได้รับรู้ถึงความเดือดร้อนของคุณแม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินหรือเรื่องอะไร ผมรับจบให้หมดเพราะผมคือลูก ดังนั้นวันนี้ผมได้แสดงความรับผิดชอบในฐานะลูก โดยการชำระหนี้ทั้งหมดให้กับคุณแม่ เป็นจำนวนเงิน 600,000 บาท และได้แนบหลักฐานไว้แล้วครับ สุดท้ายนี้ต้องขอโทษครอบครัว ขอโทษแฟน ขอโทษที่ปล่อยให้เรื่องราวบานปลายไม่ได้ชำระหนี้จนทำให้เกิดความเสื่อมเสียในวันนี้ แต่ยังยืนยันในวันนี้ครับว่าผมทำเต็มที่และรีบสุดในชีวิตแล้วครับ ขอโทษทุกท่านที่เกี่ยวข้องด้วยนะครับ”