แรงอยู่นะ “นุ่น สินิทธา” เจอเมาท์หนักเกาเหลา “พลอย เฌอมาลย์”…
อดีตนางเอกแถวหน้ายุค 90 อย่าง “นุ่น สินิทธา บุญยศักดิ์” ขอเคลียร์ข่าวเมาท์ว่าความสัมพันธ์กับ “พลอย เฌอมาลย์” น้องสาวนั้น ไม่กินเส้นกันจริงๆ หรือ ?
ตอนช่วงไม่สบาย น้องสาวมาดูแลไหม ?
นุ่น : ตอนป่วยครั้งแรก พอออกมาปุ๊บก็พาไปกินก๋วยเตี๋ยวเรือเลย
คุณนุ่น คุณพลอย เป็นพี่น้องที่สนิทกันไหม ?
นุ่น : เรามีความเกรงใจ ความเคารพซึ่งกันและกัน เรื่องส่วนตัวบางเรื่องเราไม่ได้ยุ่ง หรือว่ามาวิพากษ์วิจารณ์
เราไม่ได้อยู่ด้วยกันตอนเด็ก ต่างคน ต่างแยกกันอยู่ ?
นุ่น : สภาวะครอบครัวเราคือหลานย่าคนนึง หลานยายคนนึง แต่ว่ามันอยู่ที่ความชอบของเด็กด้วย ผู้ปกครองก็ถามก่อนว่าชอบอยู่กับใคร เราชอบอยู่กับย่า ย่าอยู่สัตหีบ ค่ายทหาร บ้านอยู่ริมทะเลเลย เราชอบแบบนั้น ส่วนพลอยเขาอยู่กับยาย อยู่เสนานิเวศน์ พลอยก็เป็น กทม. เราก็เด็ก ตจว. ลูทีนก็ไม่เหมือนกัน เราชอบขุดหอยเสียบ ไปทำนู่น ทำนี่ ย่าไปทำสวน เราก็ตามไป เราชอบปลูกต้นไม้ เราชอบอะไรที่เป็นธรรมชาติ ส่วนน้องนี่ชอบแต่งหน้า แต่งตัว เด็กในเมือง
เวลาพี่กับน้องมีปัญหาชีวิตโทรปรึกษากันไหม หรือปรึกษาแต่ผู้ใหญ่ ?
นุ่น : ช่วงที่เราทำงาน เราจะไม่ได้เจอน้องเลย เพราะว่าเราทำงานตั้งแต่ 15 ถ่ายละคร 6 วัน 2 เรื่อง แล้วอีกวันที่เหลือคือไปเดินแบบ ถ่ายแบบ เวลาของเราจะต่างกันเลย นุ่นจะไม่มีช่วงที่ได้เจอน้อง เหมือนพอเรากลับบ้านจะไปนอน น้องก็ตื่นไปโรงเรียน พอช่วงที่เราไปเรียนมหาวิทยาลัยที่ออกไปเรียนคือไม่ทำงานเลย แล้วออกไปอยู่หอกับเพื่อน เพราะอยากใช้ชีวิตในช่วงที่เราขาดหายไป
เวลาที่มีคนบอกว่าพลอยดังกว่า ได้ยินแบบนี้ขึ้นไหม ?
นุ่น : ดีใจมาก ดังกว่าก็ทำงานหนักกว่า คิดว่าดังแล้วเงินจะลอยมาเฉยๆ เหรอ คุณต้องทนกับความเครียด ความคาดหวัง คำวิจารณ์ มันไม่ได้หมายความว่าชีวิตคุณจะมีความสุขและสงบสุขนะ
แสดงว่านุ่นคิดว่าชีวิตนุ่นดีกว่า ?
นุ่น : นุ่นพึงพอใจ อย่าพูดว่าดีกว่า มันไม่มีสูตรสำเร็จในการเปรียบเทียบคนนึงกับอีกคนนึง เพราะฉะนั้นเวลาที่เราบอกว่าดีกว่าไหมมันอยู่ที่ความพอใจของเรา
แต่ก็มีคนเมาท์ว่าคู่พี่น้องคู่นี้ไลฟ์สไตล์ต่างกัน และที่สำคัญเขาไม่ถูกกัน ?
นุ่น : ใช่ไม่ถูกกัน ไม่ถูกกันมากเลยเรื่องแต่งหน้า คือนุ่นไม่ชอบแต่งหน้า แต่งหน้าไม่เป็น อยู่วงการมากี่ปีไม่อยากเรียนรู้เรื่องนี้ แล้วไม่ชอบด้วย แล้วน้องจะวิพากษ์วิจารณ์ตลอดเวลาว่าทำไม เป็นผู้หญิงต้องแต่งหน้า ออกไปก็ต้องแต่งหน้าแต่งตัวให้มันสวยๆ แต่เราคิดว่ามีเวลาไปทำอย่างอื่นตั้งเยอะแยะ ไม่ต้องแต่งหน้า
อย่างพลอยเวลาเขาเจอข่าวหนักๆ เราโทรไปหาเขาไหม หรือเขาติดต่อมาหาเราไหม ?
นุ่น : ไม่ เราดูอาการเขาก่อน คือแน่นอนแหละพี่น้องกัน ถ้าวันที่คุณเดินไปลงเหว แล้วเห็นว่าเขาเดินลงเหว เราก็ต้องดึงเขา ในชีวิตมันต้องเจอทั้งหลุม บ่อ เจอทุกอย่างที่มันจะต้องเจ็บปวด หรืออะไร มันคือรสชาติของชีวิต เราต้องปล่อยเพราะว่า 1.มาตรฐานของชีวิตคน คุณไม่สามารถไปจัดการ แม้กระทั่งลูก คุณไม่สามารถบอกว่าอันนี้ฉันคิดถูก เธอผิดมันเป็นไปไม่ได้ ระบบชีวิตของแต่ละคนไม่สามารถเอามาตั้งเป็นมาตรฐานและวิจารณ์คนอีกคนนึงได้ เวลามันจะเป็นส่วนช่วยในการตอบโจทย์ เพราะว่าการคบกัน เราไม่ได้ไปอยู่ติดกับเขา เราจะไปเห็นทุกอิริยาบถ แล้วบางทีเราจะเลือกคบใครสักคนมันต้องเจ้าตัว ไม่ใช่คนข้างบ้านมาบอก เราตัดสินว่าเราเป็นคนข้างบ้านนะ เพราะเราไม่ได้อยู่ในบ้านที่จะไปมองเห็นทุกซอก ทุกมุมของเขา เพราะฉะนั้นเราไม่มีสิทธิ์ไปบอกเขาว่า อันนี้ไม่ได้ อันนี้ไม่ดี มันตัดสินไม่ได้
มีช่วงไหนที่คุณพลอยโทรมาปรึกษาไหม ?
นุ่น : เราดูอาการเขามากกว่า มีบางสิ่งที่ถ้าเกิดว่าเขานั่งเฉย หรือว่ามีช่วงที่เขานิ่งๆ แล้วเรารู้สึกว่า คือนุ่นไม่รู้เวลาที่นุ่นเห็นใคร นุ่นจะอ่านใจเขาได้ แล้วนุ่นจะพูดในสิ่งที่เป็นบวก หรือทำให้เขารู้สึกว่ามันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด คนเราเนี่ยถ้าอยู่กับการที่สังคมคาดหวัง เราก็พยายามไปอย่างนี้ จริงๆ มันไม่ใช่สูตรสำเร็จ สังคมตั้งแบบนึง แต่ชีวิตของคนมันไม่ได้ตอบโจทย์ด้วยสิ่งนั้น เพราะฉะนั้นคุณไม่สามารถเอาสังคมมาเป็นบรรทัดฐานได้ เพราะชีวิตใคร ชีวิตมัน ทุกคนมีหลุม มีบ่อ มีอุปสรรค มีรสชาติ มีความผิด ถูก ในเส้นทางเดินไป แต่คุณจะกลับมาได้ไหม คุณอย่าเอามาตรวัดของใครมาทำให้คุณบิดเบี้ยว เพราะคนคนนั้นไม่ได้ยืนอยู่จุดที่คุณยืน เพราะฉะนั้นเนี่ยการตัดสินใจมันมาจากคุณ แต่มันต้องมาจากสามัญสำนึกที่ดี
ล่าสุดคุณพลอยเปิดตัวแฟน คุณนุ่นรู้มาก่อนไหม ?
นุ่น : รู้พร้อมประชาชนนี่แหละ นุ่นคิดว่าถ้ามันเป็นความสุข ความสุขในที่นี้ของคุณคืออะไร
จะบอกว่าผู้หญิงก็ได้ ผู้ชายก็ได้ไม่สนใจ ?
นุ่น : อยู่คนเดียวก็ได้ไง มันคืออะไร เราจะมาตัดสินแทนคนอื่น เอามาตรวัดของเรา ตราชั่งของเราไปใส่คนอื่นไม่ยุติธรรม
ตอนนี้คุณพลอยแฮปปี้ไหมกับความรักของเขา ?
นุ่น : นุ่นว่าเขาแฮปปี้นะ
แล้วตอนนี้ตัวเองโสดไหม ?
นุ่น : ก็มีแต่หมา
ทำไมถึงปล่อยตัวเองโสด ?
นุ่น : เสียเวลากับผู้ชายทำไม เสียเวลาในที่นี่คือ โจทย์ของนุ่นที่นุ่นจะใช้ชีวิตป่วยก็หลายที เฉียดตายก็หลายที ในโลกแห่งความเป็นจริงถ้าคุณตั้งโกล์อะไรบางอย่างไว้ ถ้าเรื่องความรัก ถ้าคุณไปเซตว่าชาตินี้ต้องหาผัวให้ได้ ก็แปลว่าชีวิตคุณจะไม่ประสบความสำเร็จถ้าคุณไม่มีผัว แต่ว่าถ้ามายโกล์ของเราคือ ชาตินี้เราต้องประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวเองแปลว่าคุณต้องยืนด้วยขาตัวเอง คุณไปยืมจมูกคนอื่นหายใจไม่ได้ หรือคุณคิดว่าผู้ชายคนนึงจะมาทำให้คุณมีความสุขเติมเต็มชีวิตไม่ได้ ไม่ยุติธรรม ไม่แฟร์ การที่จะต้องโยนว่าเป็นภาระหน้าที่อีกคนเพื่อจะเติมเต็มความสุขให้เรา เราต้องเติมเต็มความสุขด้วยตัวเราเอง
ผิดไหมถ้าเราเติมเต็มแล้ว แต่อนาคตมีผู้ชาย หรือผู้หญิงก็ได้เข้ามาเสริมให้จะโอเคไหม ?
นุ่น : มันต้องดูภาวะที่มาว่ามาซัพพอร์ตกัน หรือมาทำลายกัน ถ้าเกิดว่ามันมาทำลายกัน ทำลายในที่นี้คือ ทำลายตัวตนของเรา ทำลายความมั่นใจของเรา ทำลายในสิ่งที่เรากำลังสร้าง แปลว่าเขาไม่ได้มาซัพพอร์ตเขาคือมาทำลาย อันนี้คือการเสียเวลา คือเสียเวลาเขา และเสียเวลาเราด้วย
แสดงว่าตอนนี้เรารักตัวเองมากที่สุด ?
นุ่น : แน่นอน คือความรักในเมืองไทยมันดูเป็นโจทย์แรกที่คุณจะต้องทำ เพื่อให้ชีวิตคุณมีความสุขขึ้น ทุกคู่พยายามจะแต่งงาน เพื่อบอกว่าเราประสบความสำเร็จในชีวิต แต่มันไม่เคยจบ แต่งงานเสร็จตื่นมาเจอเมียไม่แต่งหน้า เมียอึในห้องน้ำ เจอทุกอย่างเละเทะ ผัวไม่ยกฝาชักโครก ด่ากันเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในภาวะจุกจิกตลอดเวลา จบไหมล่ะ คือคุณดูละครเพราะละครมันไม่เล่าเรื่องจริงในชีวิต แต่เรื่องจริงในชีวิตมันมีมากกว่านั้น มันมีดีเทลที่แต่ละคู่ แต่ละบ้านจะเจอแตกต่างกันไป ภาวะที่มันต้องปรับตัว ต้องจูนเข้าหากันมันมีมาก เพราะด้วยการเลี้ยงดูแต่ละบ้าน คนสองคนมาเจอกันต้องไปกันได้
แสดงว่าคุณนุ่นมีความสุขกับตัวเองมากๆ ?
นุ่น : ไม่ใช่ เรารักตัวเองมากขึ้นที่เราจะไม่เสียเวลากับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ เพื่อที่มาจุกจิกในโกล์ดที่เราตั้งไว้ คือโกล์ดเราเปลี่ยนไป แต่ก่อนเราคิดว่าสุขนิยม คือการที่สังคมตั้งบรรทัดฐานว่า คุณอายุ 30 คุณต้องแต่งงาน คุณต้องมีลูก ถึงเรียกว่าประสบความสำเร็จในชีวิต เมื่อคุณผ่านมาถึง 40 แล้วเนี่ย โกล์ดมันเปลี่ยน ตอนนี้ชีวิตคุณคืออะไร คุณจะเข้า 50 แปลว่าครึ่งนึงของชีวิตแล้ว อะไรที่ยังไม่ได้ทำ ความคิดมันโตขึ้น เพราะฉะนั้นเวย์ที่เราเห็นมันจะต่างไปละมันไม่ใช่เวย์ที่เราจะมามุ่งหาความรักเพื่อจะเติมเต็ม แต่มุ่งหาสิ่งที่เขาเรียกว่าความสงบสุขในจิตใจ
ความรักสมัยก่อนของเรา พอมองกลับไปมันเป็นเรื่องเสียเวลา ?
นุ่น : เสียเวลาจริงๆ ถ้าเกิดตอนนั้นเรามุ่งมั่นในสิ่งที่เราอยากจะทำให้คนอื่น เราจะได้เวลาในการทำงานกลับมาเยอแยะมากมาย แต่เราไปเสียเวลากับเรื่องนี้ทำให้โฟกัสของเรามันบิดเบี้ยว แท็กของเรามันไม่ตรง แต่ตอนนี้ตรงแล้ว จูนใหม่แล้ว
สามารถรับคนใหม่เข้ามาในชีวิตได้ไหม หรือจะโสดไปตลอดชีวิต ?
นุ่น : เราไม่ได้บอกว่าอยากจะโสด อยากจะมุ้งมิ้ง อยากจะอะไร อยากจะมีในอุดมคติเหมือนคนอื่นเขา เห็นคนเขาเดินมาควงแขนกัน ชี้โบ้ ชี้เบ๊ ตีกันบ้าง แต่มันก็เป็นความสุขของเขา แต่ว่าทุกวันนี้ก็กินข้าวคนเดียว ทุกวันนี้ก็ทำอะไรคนเดียว แต่พอมันทำแล้วมันเงียบดี ไม่หนวกหู