ตำรวจ ลั่น !! “โม อมีนา” มองบนคนด่า “หิวแสง” ดังได้เพราะเพื่อนเสียชีวิต
ดราม่ารุมพอๆ กับงานที่มากล้นมือ สำหรับ “โม อมีนา” นักแสดงสาวสายแซ่บ ที่ล่าสุดขอเคลียร์ดราม่าหิวแสง หลังเข้ามาตามคดี “แตงโม นิดา” นานกว่า 4 เดือนแล้ว พร้อมไขข้อสงสัยความน่าเชื่อถือของหลักฐาน “บังแจ็ค” ที่ปล่อยออกมา อีกทั้งยังเคลียร์เรื่องอัพค่าตัว หลังออกมาเป็นนักแสดงอิสระ ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow
รู้สึกยังไงบ้างเห็นหน้าโมแล้วต้องนึกถึงคดีแตงโม ?
โม : น่าจะไม่แปลกมั้งคะ เพราะว่าหนูก็ทำอยู่ทุกวัน
ความคืบหน้าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ?
โม : ตั้งแต่เริ่มแรกโมคุยกับท่านธนกฤต เลขาฯ ของกระทรวงยุติธรรมมาตั้งแต่ต้นแล้ว โมคุยกับผู้ใหญ่มาตลอด เนื้อเรื่อง เส้นเรื่องทุกอย่างได้รับการอนุมัติจากผู้ใหญ่ถึงจะออกมาพูดได้
ช่วงหลังเราได้เห็นข่าวหลักฐานเพิ่มเติมจากบังแจ็ค ได้คุยอะไรกับบังแจ็คบ้าง อัพเดตล่าสุดให้หน่อย ?
โม : แจ็คโทร.มาตอนที่พี่กระติกเป็นข่าวที่นักข่าวเห็น หลังจากนั้นโทร.หาหนูให้ดูทุกอย่าง เพราะว่าเราเป็นคนขอดูเองถ้าเป็นมือถือพี่จริงๆ ขอดูหน่อย ก็ได้ดูรายละเอียดต่างๆ ในเครื่อง ว่าเขากู้อะไร ยังไง หลักฐานต่างๆ ก็เห็น
สิ่งที่เห็นมันมีประโยชน์ต่อรูปคดีไหม หรือว่าเป็นเรื่องราวส่วนตัว ?
โม : อันไหนมีประโยชน์หนูก็จะบอกเขา อันไหนไม่มีประโยชน์ที่มันเป็นเรื่องส่วนตัวจริงๆ เราจะบอกว่าอันนี้ไม่ต้องเผยแพร่หรอกมันเป็นเรื่องส่วนตัวของพี่เขา
มันก็มี 2 มุม บางคนบอกว่าเชื่อได้หรือเปล่า บังแจ็คเคยมีคดีอย่างนู้น อย่างนี้มา อีกมุมนึงก็น่าจะเชื่อเหมือนกัน ลึกๆ โมรู้สึกว่าควรจะเชื่อเขามากแค่ไหน ?
โม : สำหรับตัวโม เราไม่ได้ไว้ใจใคร ต่างคนต่างไม่ไว้ใจกันหรอก หนูกับแจ็คก็เพิ่งรู้จักกัน แต่ว่าอะไรที่มันพอเป็นไปได้ แล้วเห็นกับตาเรา ถ้ามันเป็นไปได้ เราก็จะยื่นเรื่องกับผู้ใหญ่อีกทีว่าเป็นแบบนี้ ข้อมูลมีแบบนี้ อันไหนที่มันไม่ใช่หนูก็เฉยๆ ไปก็จบ หนูไม่ได้อยู่ข้างใคร หนูอยู่ตรงกลาง แต่หนูมองว่าอันไหนถูกต้องเราก็เชื่อ อันไหนไม่ถูกต้องเราก็บอกเขา
ตอนนี้เขายังติดต่อมาไหม ?
โม : มีเรื่อยๆ ค่ะ
แล้วก็มีคลิปเสียงหลุดออกมาเรื่อยๆ ล่าสุดเป็นคลิปคุณเบิร์ด บอกว่าวันนั้นที่ไปลงเรือบอกว่าเป็นการจ้างงาน โดยที่แตงโมไม่รู้ตัวว่าไปรีวิวเรือลำนั้น เขาบอกว่าแตงโมไม่รู้เรื่อง?
โม : โมก็เชื่อว่าพี่ไม่รู้เรื่อง
คิดว่าเขาให้ไปรีวิวจริงๆ ไหม ?
โม : ทางโมมองว่าถ้าพี่โมจะออกจากบ้านไปกับใคร นั่นคือความยินยอมที่เขาเต็มใจจะออกไปด้วย แต่หนูไม่รู้หรอกว่าพี่ติกไปชวนท่าไหน อันนี้หนูไม่ทราบ แต่ถ้าพี่เขาไป เขาไม่ได้โดนบังคับให้ไป เขาอยากไปด้วยแหละ
เสียงที่ได้ยิน โมคิดว่าเป็นเสียงคุณเบิร์ดจริงๆ ไหม ?
โม : พี่เบิร์ดค่ะ
โมรู้สึกยังไงบ้างที่คลิปเสียงหรืออะไรต่างๆ มันออกมาเรื่อยๆ คิดว่ามันมีประโยชน์ไหม ?
โม : อย่างที่โมบอก ถ้าเกิดเป็นการว่าจ้างในเรื่องส่วนตัวเข้าไปอยู่ในคดีก็เท่านั้นแหละ มันเอาผิดใครไม่ได้อยู่แล้วเพราะมันเป็นการยินยอมทั้งคู่ เพราะว่าโมทำ โมจะปรึกษาผู้ใหญ่ว่าอันนี้เอาผิดได้ เก็บไว้ อันนี้เอาผิดไม่ได้ปล่อยไปเพราะว่าบ้านเราสุดท้ายแล้วก็ต้องเอากฎหมายเป็นที่ตั้งอยู่ดี สังคมลงโทษก็ส่วนของสังคมลงโทษ แต่สุดท้ายต้องพึ่งกฎหมาย เราต้องมองหลักกฎหมาย แล้วก็มองพยานหลักฐานข้อเท็จจริงแล้วเอามาตัดสินกันอีกที
ได้มีโอกาสคุยกับคุณกระติกบ้างไหม ?
โม : ไม่ค่ะ
อยากคุยไหม ?
โม : ถ้าคุย คุยได้ หนูไม่ได้ติดอะไรอยู่แล้ว หนูก็รู้จักกับพี่ติกมาเกือบ 10 ปีเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าเพิ่งจะรู้จักหรืออะไร ซึ่งทางเขาก็ชัดเจนกับทางกลุ่มพวกหนูดีว่าไม่ยุ่ง เขาก็เฟดออกมาเลย
ล่าสุดมีภาพที่ไปลงเรือกับพี่หนิง ปณิตา พี่ชาย อนันทวีป แต่คนไม่ได้โฟกัสที่ภาพ คนโฟกัสที่แคปชั่นอีโมจิ ?
โม : ความหมายคือ วันนั้นหนูไปล่องเรือกับท่านธนกฤตจริง ไปกับพี่ชาย พี่หนิง จริง เราลงเรือเพื่อดูกระแสน้ำ แล้วดูว่าในวันเกิดเหตุเรือวิ่งกี่น็อต ทดลองดูสิว่าขับไปในความเร็วเท่านี้แล้วเบรก เราตกเรือได้ไหม แล้วถ้าเราตกเรือ ไม่ว่าหน้าเรือหรือหลังเรือ แผลต่างๆ มันสามารถเกิดขึ้นได้จากตรงไหนไหม กล้องวงจรปิดมีตรงไหนบ้าง แล้วมานั่งทานข้าวทานอาหารกันแถวๆ นั้น หลังจากนั้นอีโมจิตัวสุดท้ายคือ ตราชั่ง ก็คือเราก็ต้องดูกฎหมายอยู่ดีว่าว่าทำอะไรได้บ้าง
คิดว่าที่เราไปดูเบาะแสอะไรต่างๆ มันจะมีส่วนช่วยได้มากขึ้นไหม ในรูปของคดี ?
โม : ช่วยได้นะคะ เพราะวันนั้นเราไปตอน 17.30 น. เกือบๆ 18.00 น. น้ำกำลังลงพอดี เพราะฉะนั้นพื้นข้างล่างที่เป็นทราย เราเห็นหมดแล้ว
กับบางกลุ่มอาจจะบอกว่าเบื่อแล้วกับข่าวนี้ พูดอยู่นั้นแหละ เรารู้สึกยังไงบ้าง ?
โม : หนูถึงออกมาบอกว่าพูดหนูก็โดนด่า ไม่พูดก็หาว่าไม่ทำแล้วเหรอ หนูก็เลยมองว่าให้มันรอสรุปทีเดียวเลยแล้วกันไม่เป็นไร เราไม่สามารถอธิบายให้ทุกคนเข้าใจได้ว่าเราทำอะไรอยู่บ้าง คนลงแรงอะเนอะ หนูไม่ได้เอาเงินไปตรงนั้นช่วย ตรงนี้ช่วย หนูเปล่า
ทุกวันนี้ก็จะมีเรื่องเล่า นิทาน มีภาคต่อมาหลาย Ep. มีเรื่องของความเชื่อ ข้อเท็จจริง ตอนนี้มันเยอะไปหมด โมรู้สึกยังไงกับโลกโซเชียลบ้าง ?
โม : หนูรู้สึกว่าความเชื่อก็ส่วนของความเชื่อ ใครก็เชื่อได้ แต่หนูมองในด้านเหตุการณ์ความเป็นจริงที่มันพอจะเกิดขึ้นได้ เราถึงเอามาพิจารณากัน ไม่งั้นถ้าพวกหนูเอาทุกเรื่องมาพิจารณากันไม่ต้องทำอะไรแล้ว เอาที่มันพอเป็นไปได้ เอาที่มันพอเป็นหลักฐาน อย่างเมื่อเช้าได้รับข้อมูลมาล่าสุดว่าเดี๋ยวผ้าจะส่งไปที่กระทรวงยุติธรรมวันนี้ ก็เดี๋ยวรอผลกันอีกทีว่าออกมาจะเป็นยังไง พวกหนูก็ยังหาเรือที่จะมาทำหลักฐานกันอยู่ ตุ๊กตายางเอย อะไรเอย สั่งมาหมดแล้ว
กับบางกระแส ใครก็ตามที่มายุ่งเกี่ยวกับคดีนี้ก็จะโดนว่าหิวแสง น้องโมเองก็โดน ?
โม : หนูไม่เคยหิวแสง ถ้าจำเหตุการณ์ไม่ผิด 15 นาทีพอประกาศว่าพี่หายหนูก็ไปอยู่ตรงท่าแล้ว แล้วหนูอยู่ตรงนั้น 3 วัน เพื่อดูเหตุการณ์ต่างๆ ว่าใครทำอะไรบ้าง เป็นไง เราไม่อยากติดตามทางทีวี หนูไปเฝ้าอยู่ตรงนั้น ทุกคนไปเฝ้าอยู่ตรงนั้นหมด วันที่พบร่างของพี่เราก็มีการคุยกับผู้ใหญ่แล้วเรียบร้อย คุยทุกทาง ทำทุกอย่างแล้วจริงๆ นี่หนูก็ปฏิเสธไปเยอะนะกับการที่ไม่ให้สัมภาษณ์เลย
คนมองในมุมว่าโมงานเยอะขึ้นเหมือนจากเรื่องของแตงโม มันเลยทำให้คนมองว่ามันได้พื้นที่แสงจากตรงนี้หรือเปล่า ?
โม : งานก็ส่วนงาน ปกติโมเล่นแต่ละคร โมอยู่ช่อง7 มา 15 ปี ตอนนี้เพียงแค่ว่าหนูเป็นอิสระ แล้วหนูรับงานได้มากขึ้นคนก็เลยเห็นหนูได้หลายทางมากขึ้น เพราะเมื่อก่อนหนูไม่ได้ออกไปไหนเลย หนูไม่ได้อยู่ข้างนอกเลย เล่นแต่ละครเท่านั้นเอง พอตอนนี้ทุกคนเห็นหนูรับงานมากขึ้น หลากหลายขึ้น ทุกคนก็มองว่ากระแสตรงนี้หรือเปล่า สำหรับหนู หนูว่าหนูอยู่แบบนี้มาเรื่อยๆ นะคะ
เหนื่อยบ้างไหม ท้อบ้างไหม เวลาโดนอะไรแบบหนักๆ ต่อเนื่องแบบนี้ ?
โม : เหนื่อยมากค่ะ ท้อจนไม่ดูโซเชียลแล้ว ใครอยากพูดอะไรพูดเลย
เคยรู้สึกท้อแบบโอเค ไม่ยุ่งแล้วก็ได้คดีนี้ ?
โม : ไม่เคย หนูท้อ แต่ว่าธงของหนูคือช่วยพี่ก่อน เดี๋ยววันหนึ่งคนน่าจะเข้าใจเราแหละ ไม่เป็นไร แล้วหนูไม่เคยไปยุ่งวุ่นวายกับฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งเลยนะ หนูให้เกียรติทุกคน ไม่มีการโทรหาส่วนตัว ไม่มีการไปขอข้อมูลจากคนนั้นคนนี้ ทุกอย่างหามาเองหมด
เคยมีใครมาสั่งเราไหมว่าให้เลิกยุ่ง ?
โม : ไม่มีค่ะ ถ้าเกิดว่าดูกันอยู่ ทุกคนก็จะรู้ว่าหนูรักของหนู คนมันรักหนูก็เต็มที่ได้เท่านี้ที่หนูพอจะเต็มที่ได้
ถ้ามีสายตรงเข้ามาแล้วขู่ กลัวไหม ?
โม : ไม่กลัวค่ะ หนูก็ปล่อยเขาไป ถ้าเขาขู่หนู หนูก็ให้ทุกคนรู้เหมือนกันว่าหนูโดน แค่นั้นเอง ยังไงหนูก็ช่วยพี่ก่อน
เราเป็นคนลุยๆ มาตั้งแต่แรกไหม ?
โม : นิสัยหนูเลย คือหนูไม่ได้ทำแบบนี้ให้ทุกคน หนูรักใครหนูก็เต็มที่เลย ตอนนี้พี่โมเขาไม่ได้อยู่โรงพยาบาลหรืออยู่ICU เขาไม่อยู่แล้ว หนูก็ต้องทำให้มันเต็มที่ที่สุดเท่าที่หนูจะทำได้ เท่านั้นเอง
ยังยืนยันว่าจะทำให้เต็มที่ที่สุด ?
โม : ใช่ หนูก็ทำในพื้นที่ของหนูนี่แหละ ไม่ได้ไปเบียดเบียนใครทั้งสิ้น
คนรอบข้างแอบเป็นห่วงเราบ้างไหม ในความแรง ความตรงอย่างนี้ แฟนเราอย่างนี้บอกไหน หนูเบาลงไหม ?
โม : ที่บ้านเป็นห่วง เพราะว่าโมก็มีครอบครัว มีหลาน มีพี่ มีน้อง ก็เป็นห่วง ที่ผ่านมาทั้งหมดหนูเซฟทุกคนเท่าที่หนูจะทำได้แล้ว หนูพยายามไม่ให้ใครเป็นอะไรเพราะหนูเด็ดขาด เพื่อนรอบข้างทุกคนเป็นห่วง แต่ทุกคนก็รู้นิสัยโมดีว่ามันเป็นอย่างนี้ ก็เป็นห่วงเฉยๆ
อยากจะบอกอะไรกับคนที่รู้สึกเบื่อ รู้สึกท้อกับคดีคุณแตงโมบ้างไหม ?
โม : ถ้าใครเบื่อก็แล้วแต่สิทธิส่วนบุคคลไป แต่สำหรับตัวโมเอง โมรู้สึกว่ามันไม่ได้เป็นการเบื่อหรืออะไร อย่างน้อยแค่หาความจริง ให้รู้ว่ามันเป็นแบบนี้ก็พอ ไม่ได้จะไปทำร้ายใคร หรือจะไปอะไรกับใครเลย แค่อยากเอาความจริงแค่นั้นเอง
ตอนนี้บางคนคิดว่าเป็นอุบัติเหตุ บางคนก็คิดว่ามีการฆาตกรรมมาเกี่ยว ในมุมโมโมคิดยังไง ?
โม : จริงๆ ไม่ได้อยากเคาะอะไรเท่าไหร่ เพราะว่าเราก็ยังไม่ได้ทำหลักฐานเพียงพอที่จะออกมาบอกว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่ว่าครั้งแรกที่เคยไปถามทางตำรวจนั่นคือการตายแบบผิดธรรมชาติแล้ว แต่จะให้หนูเคาะว่าเป็นฆาตกรรมหรือไม่มันอยู่ที่หลักฐาน หลักฐานถ้ายังไม่แน่นพอ หนูยังไม่อยากออกมาพูดดีกว่า แล้วทางกระบวนกฎหมายก็ยังไม่มีกระบวนสั่งฟ้องมาเป็นกิจจะลักษณะเท่าไหร่
ตอนนี้ออกมารับงานอิสระแล้ว กับทางช่องเดิมมีปัญหาไหม ?
โม : หนูออกมาในแบบที่หนูหมดสัญญา หนูไม่ได้เป็นการฉีกสัญญาอะไร ออกมาก็ใช่ว่า…ทุกคนคิดว่าโมมีงานเยอะไงแต่จริงๆ โมยังไม่ได้ถ่ายละครเลยนะ โมยังมีละครของทางช่อง7 ที่ยังถ่ายไม่เสร็จอยู่ ละครใหม่โมก็ยังไม่ได้มี เต็มที่โมก็ถ่ายยูทูบของโมไปเรื่อย รีวิวสินค้าเป็นบางตัว แต่ทุกคนมองว่าโมงานเยอะ แต่จริงๆ แล้วเปล่านะ ไม่ขนาดนั้น
เวลานักแสดงคนนึงหมดสัญญากับทางช่อง เขามีการยื้อไหม ?
โม : ด้วยอายุของโมเอง โม 35 อายุการใช้งานเราเนอะ ก็เลยบอกช่องว่า เห็นด้วยไหมกับการที่หนูจะออกมาข้างนอกเป็นการพูดจากับผู้ใหญ่ ไม่ได้มีปัญหาอะไรนะคะ หนูหมดสัญญาโดยธรรมชาติมากกว่า
อย่างนี้เราก็มีโอกาสเห็นน้องโมไปเล่นละครกับช่องเดิม ?
โม : ใช่ค่ะ ก็ยังพูดกับผู้ใหญ่อยู่ว่าถ้ามีโอกาสหนูยินดีรับใช้เหมือนเดิมนะคะ
มีเสียงลือว่าตอนนี้เราพยายามอัพค่าตัวเพิ่มขึ้นจริงหรือไม่ ?
โม : ไม่จริงค่ะ เวลาหนูไปออกงานที่ไหน หรือมีคนให้ไปตรงนู้น ตรงนี้ คำถามแรกของหนูคือ คุณพี่มีงบเท่าไหร่บอกได้เลย เท่าไหร่เท่านั้น เพราะว่าเราเข้าใจดี อยู่ในวงการที่ผ่านมาหนูไม่เคยมีผู้จัดการส่วนตัว พอมาให้ทางพุดเดิ้ล ฮิปโปดูแล เขาจะบอกว่าทำไมค่าตัวเท่านี้ เราจะอธิบายกับเขาว่าเราเข้าใจดีว่าลูกค้าอยากได้งานที่ดีแล้วราคาเท่านี้ๆ ซึ่งหนูก็ได้หมด ทุกวันนี้ 20,000-30,000 บาท หนูก็ไปหมดนะ หนูไม่เคยบอกว่าคุณพี่ต่อไปมันจะต้องเท่านี้นะคะ อย่างนั้นอย่างนี้ อัพแล้วนะ ถ้าเกิดจะมีอัพขึ้นก็ไม่ได้พุ่งขนาดนั้น ไม่มี
เป็นสายลุย สายช่วยแบบนี้ งานตบไหล่เยอะไหม ?
โม : มีค่ะ หนูก็ไป งานมูลนิธิเขาติดต่อมา มีค่าน้ำมันให้เท่านี้ได้ไหม หนูบอกได้พี่ ไปได้หมดเลย ทุกคนเลยดูว่าโมงานเยอะ เพราะโมไปหมด ซึ่งมีคนแนะนำเราเหมือนกันนะว่าลูกค้าคนนี้มีเงิน ทำไมไม่เรียกเท่านี้ๆ เราก็บอกไม่เป็นไรหรอกคุณพี่ เราก็ไม่ได้เป็นนางเอกขนาดนั้น
มีบางข่าวบอกว่าโมจะเลิกเล่นละครจริงไหม ?
โม : ไม่ค่ะ คืออย่างนี้หนูไม่เคยคิดเลิกเล่นละคร แต่หนูมีแพลนเปิดโปรดักชั่นของตัวเอง อาจจะเริ่มงานเล็กๆ ไปก่อนแต่มองไว้สูงสุดคือทำซีรีส์ ทำละครนั่นแหละ แต่ก็ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป
สาเหตุที่อยากทำเบื้องหลัง เพราะว่าคนที่อยู่ข้างกายเรา เขาเป็นผู้ช่วย ผู้กำกับหรือเปล่า ?
โม : นั่นแหละค่ะ หนูเลยใช้งานเขาได้เต็มที่ เพราะด้วยความที่เราคุยกับเขา โอเค เขาอยู่สายเบื้องหลัง เขาจะรู้ทุกหน้าที่เพราะว่าการทำงานของเขาเริ่มมาจากหน้าที่ที่เล็กที่สุดมาถึงผู้ช่วยผู้กำกับ เรามองว่าเขามีความรู้ทางด้านนี้เยอะ มีความถนัดมาก จนบางทีเราบอกเขาคุณขึ้นกำกับได้แล้ว งานในยูทูบโมก็ให้เขาคุมกำกับ โมเลยบอกว่างั้นเรามาหุ้นกันเปิดโปรดักชั่นทำด้วยกันไปเลย จะได้ช่วยเหลือกันทำงาน ซึ่งโปรเจกต์นี้เริ่มภายในปีนี้ ตอนนี้โมจดบริษัทไว้หมดแล้ว เหลือแค่ทำตราสินค้า เปลี่ยนชื่อบริษัทให้เรียบร้อย แล้วก็แจ้งกับสรรพากรเรียบร้อยเลยค่ะ
มันต้องใช้เงินลงทุนเยอะเหมือนกันนะ ?
โม : จดทะเบียนไว้แล้วค่ะ
เท่าไหร่บอกได้ไหม ?
โม : หลักล้านค่ะ มันเป็นเงินที่หนูสะสมมา เพราะหนูทำงานมาตั้งแต่ปี45-46 จนถึงทุกวันนี้เราก็เก็บของเรามาเรื่อยๆ