“ปุ๊กลุก ฝนทิพย์” เผยสัมพันธ์ “ไมค์ ภัทรเดช” กว่า 6 ปี เคลียร์ชัดคบกันสถานะไหน เพื่อนหรือแฟน?!…
นางเอกสาว “ปุ๊กลุก ฝนทิพย์” เปิดความสัมพันธ์กับพระเอกหนุ่ม “ไมค์ ภัทรเดช” ที่ตอนนี้ สถานะเป็นเพื่อนหรือเป็นแฟน และขอเผยชีวิตที่เปลี่ยนไปหลังสูญเสียคุณแม่ พร้อมย้อนเล่าเคยโดนดราม่าหนัก ถึงขั้นอยากออกจากวงการ
หลังๆ จัดความเซ็กซี่มาเต็ม อย่างนี้ไมค์เขาไม่ว่าเหรอ ?
ปุ๊กลุก : เขาไม่มีสิทธิ์ว่านะคะ มันคือตัวเรา
ได้ยินข่าวลือว่าตอนนี้เขาลดสถานะกันแล้ว ?
ปุ๊กลุก : สนิทสุดอยู่ดี คือมันไม่มีอะไรเหมือนช่วงคุณแม่มันทำให้เรารู้สึกว่าเราเหนื่อยที่จะต้องโฟกัสอะไรหลายๆ เรื่อง การที่จะเป็นใครสักคนนึง เพื่อให้มันดีพอสำหรับใครหลายๆ คน เราก็เลยรู้สึกว่าช่วยอยู่ตรงนี้ ไม่ต้องไปไหน แต่ไม่ต้องเป็นใครที่มาทำอะไรให้กันและกันมากมาย ขอแค่อยู่ข้างๆ ก็พอ มันก็เป็นจุดที่ไม่มีสถานะ แต่ก็ยังดูแลกันเหมือนเดิม
ไม่ได้เรียกว่าแฟนด้วย ?
ปุ๊กลุก : ไม่ได้เรียกว่าแฟนค่ะ
อันนี้เราเป็นคนเริ่มต้นพูดกับเขาแบบนี้ก่อน ?
ปุ๊กลุก : ใช่ แต่ว่าตอนคุยกันไม่ได้คุยซีเรียสนะ แต่ข่าวตีแผ่ไปคือซีเรียสมาก หนูไม่ได้ซีเรียส แบบเราไม่ต้องมีสถานะหรอก เอาประมาณนี้แล้วกัน
คุณไมค์โอเคไหม ?
ปุ๊กลุก : ตอนนี้เราไม่ได้รู้สึกต้องมานั่งหาสถานะ แต่ ณ วันนั้นเขาเข้าใจ เพราะว่าหนูไม่มีโมเมนต์อะไรที่เราจะหัวเราะได้เลย มันไม่อยากคุยกับใครเลย แต่เราอยากมีเขาอยู่นะ แต่เราไม่อยากคุยกับใคร เราเบื่ออะไรหลายๆ อย่างในชีวิต เราไม่อยากโฟกัสอะไรเลย
ลดสถานะแต่ไม่เลิก ?
ปุ๊กลุก : ไม่ได้เลิกคุยกัน เหมือนเดิมทุกอย่าง เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุด รู้สึกอะไรไม่สบายใจก็คุยกับกับเขาเป็นคนแรก
เวลารูปสวยๆ ออกมาแบบนี้เขาสามารถหึงได้ไหม ?
ปุ๊กลุก : หนูไม่รู้แต่หนูไม่เคยเห็นเขาหึง แต่เขาจะมีแบบเราว่ามันเซ็กซี่ติดกันหลายรูปแล้วนะ หนูแค่รู้สึกว่าเขากลัวคนจะมองว่าหนูเซ็กซี่ติดๆ กัน หนูเอารูปนี้มาสลับดีกว่า
มันมีด้วยไหมจากความรักเก่าเราไม่สำเร็จ มันทำให้ครั้งนี้เรารู้สึกว่าการที่มีใครสักคนเป็นแฟนมันสำคัญที่สุด ?
ปุ๊กลุก : จริง มันมีผลมากๆ เลย
ความรักครั้งแรกที่ปุ๊กลุกมีตอนเข้าวงการ ตอนนั้นซีเรียสขนาดไหน ?
ปุ๊กลุก : หนูเคยมีแฟนคนนึงตอนที่อยู่มัธยมปลาย แล้วเป็นฟิลเพื่อนกัน เรารู้สึกว่าความสัมพันธ์แบบนี้มันดีนะ จนเราเข้าวงการแล้วห่างกันไป จนวันนึงเรามามีความสัมพันธ์ที่เหมือนมันจะดี เราก็ลองเปิดใจคุยดู แล้วสุดท้ายพอมันแย่เราเข็ดอะ รู้สึกว่าการจะมีความรักสักครั้งสำหรับผู้หญิงอย่างเราต้องคิดดีๆ เพราะเราเป็นคนจริงจังกับทุกอย่าง แล้วเรารู้สึกว่าเวลาที่เราต้องทำงานไปด้วยควบคู่กับการมีความรัก แล้วการที่มีความรักมันทำให้ข้างในเราแย่ เวลาไปทำงานสมาธิเราก็โฟกัสได้ไม่เต็มที่
ตอนนั้นคบกันกี่ปี ?
ปุ๊กลุก : ประมาณปีนึง
ช่วงนั้นดราม่ามาเยอะมาก ?
ปุ๊กลุก : สุดๆ ตอนนั้นหนูเด็กมาก รู้สึกว่าหนูรับมือไม่ไหวเลย แล้วเราก็เลือกที่จะพูดในแบบที่เรารู้สึก ซึ่งประชาชนเขาไม่ได้รู้เรื่องทั้งหมด เรามารู้เรื่องแค่เราใช้อารมณ์ต่างๆ นานา จนมันทำให้คนเข้าใจเราในมุมทำไมเราอายุแค่นี้ถึงกล้าเถียง แต่หนูรู้สึกว่าเรื่องที่หนูเจอมันหนักมาก ทำไมทุกคนไม่เข้าใจในเวลานั้น ซึ่งพอกลับมาย้อนดูใครมันจะรู้เรื่องแกทั้งหมด คือบางทีการพูดไปทั้งหมด คือการทำร้ายคนอื่น ซึ่งจริงๆ ไม่ต้องพูดก็ได้ เราไม่จำเป็นต้องให้คนทั้งโลกรักเราหรือเข้าใจเราทั้งหมด แต่ตอนนั้นเราไม่เข้าใจ เราก็เลยสื่อสารไปแบบที่เราอยากสื่อสาร จนสุดท้ายแล้วคนก็ยังรู้สึกว่าหนูเป็นผู้หญิงตรง บางทีคนก็จะมีภาพบางอย่างที่รู้สึกว่าปุ๊กลุกมันแรงป่ะวะ ซึ่งพอวันนี้เรามีความรัก เราเลยรู้สึกว่าเราอยากช้าๆ กับมัน เพราะสุดท้ายต่อให้มันมีสถานะ แล้วมันไปด้วยกันไม่ได้มันก็ต้องเลิกอยู่ดี แต่การไม่มีสถานะ แต่มันชัดเจนมากๆ การกระทำมันเติมเต็มซึ่งกันและกัน และเรารู้สึกว่าเวลาเรามีปัญหาเรามีคนๆ นี้อยู่ข้างๆ แล้วได้รับแต่สิ่งที่ดีจากเขา มันแฮปปี้กว่าในความรู้สึกหนูนะคะ
ตอนนั้นที่คบกัน แล้วจบกันไม่สวย ดราม่าหนักมาก เข็ดไหมกับการที่เราจะเปิดใจให้กับคนในวงการคนต่อไป ?
ปุ๊กลุก : สุดๆ หนูว่าหนูผ่านมาประมาณ 4-5 ปีได้เลย กว่าที่จะรู้สึกว่ามันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น ที่จะมีความรักครั้งใหม่
ทางบ้านบอกว่าตอบเหมือนดาราเลย ?
ปุ๊กลุก : เรื่องสถานะหนูรู้สึกว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องรักหนูในการที่หนูจะพูดสถานะ หนูอยากบอกแค่ว่า ณ วันนี้หนูมีคนสักคนนึงที่เขาดีกับหนูและรักหนูอยู่ข้างๆ หวังดีกับหนูในทุกๆ อย่าง หนูโอเคแล้ว แต่ว่าเราอาจจะไม่ได้ทำให้ทุกคนในบ้านที่เขาเป็นแฟนคลับเราฟินกับสถานะที่เราต้องมาบอก แต่ว่าวันนี้มันดีมากๆ แล้ว ถ้ารักหนูก็ขอให้แฮปปี้กับทางที่หนูเลือก
หลังจากคนแรกทิ้งหัวใจไว้ 3-4 ปี คนใหม่ซึ่งเป็นพระเอกด้วย ประทับใจอะไรเขา ?
ปุ๊กลุก : เริ่มจากการทำงานร่วมกัน แล้วก็มีความเป็นพี่เป็นน้อง แต่วันที่เรารู้สึกว่าวันที่เรารู้สึกว่าเราไปต่อ มันเริ่มมีปัจจัยอื่นเข้ามา ผู้จัดการเขากับผู้จัดการของเรา มันเหมือนครอบครัว แต่ก่อนถ้าเราเป็นคนปกติก็คือพ่อ แม่เขา และพ่อแม่เราใช่ไหม แต่พอในพาร์ตการทำงานมันเป็นผู้จัดการเขา ผู้จัดการเรา พูดคุยกัน เกี่ยวกับเรื่องไทม์ไลน์การทำงานในอนาคตว่าเปิดตัวไหม หรือไม่เปิด หรือยังไงดี พอมีการพูดคุยเรารู้สึกว่าเข้าใจไม่ตรงกัน ก็เลยรู้สึกว่ามันไม่ได้ง่ายนะ ก็เลยกลายเป็นพี่ เป็นน้องกันต่อไป โดยที่ไม่ได้พัฒนาความสัมพันธ์
แสดงว่าคนนี้ไม่เวิร์ก เพราะผู้จัดการ ?
ปุ๊กลุก : มันก็ไม่แปลกที่บ้านสองบ้านจะคิดเห็นไม่ตรงกัน เพราะว่าเขาก็มีสิทธิ์ดีไซน์ลูกชายเขา เราก็มีสิทธิ์ที่จะดีไซน์ชีวิตเรา
ณ ตอนนั้นใครอยากเปิดตัว ใครอยากปิดตัว ?
ปุ๊กลุก : ณ เวลานั้นหนูรู้สึกว่ามันไม่ต้องปิด แต่ว่ามันก็ไม่จำเป็นต้องเปิด หนูไม่ชอบอะไรที่หนูต้องโกหก หนูไม่ชอบอะไรที่ต้องหลบหนูเป็นผู้หญิง ถ้ามีคนถามคุณต้องชัดเจนในระดับนึง เพราะว่าการที่เพิ่งคบกันจะมาบอกว่าฉันชอบเธอมาก มันตลกมาก แต่ไม่ใช่แบบไม่ได้จีบ มันไม่ใช่ในความรู้สึกหนู อาจจะไม่ต้องบอกจีบแต่อาจจะบอกว่าน้องน่ารักก็ได้ ให้เกียรติหนูนิดนึง แต่ในเวลานั้นมันอาจจะมีอะไรหลายๆ อย่างที่เข้าใจไม่ตรงกัน
ที่คิดไว้ว่าผู้ชายในวงการฉาบฉวยคือยังไง ?
ปุ๊กลุก : หนูคิดว่าจุดเริ่มต้นของคนในวงการที่เจอกันคือสิ่งที่อยู่ภายนอก มันก็เลยเป็นความกลัวจากความรักหลายๆ ครั้งที่เขาเห็นเราก่อนเขาถึงจะเห็นข้างใน กว่าจะเข้ามาถึงข้างใน เราไม่ได้เป็นคนดี 100% เราก็เป็นคนที่ไม่พอใจเราพูด เราเป็นคนตรง ไม่ได้เรียบร้อยนะ แต่บางทีพอมาใช้ชีวิตด้วยกันจริงๆ มากกว่าภายนอกที่เราเป็น เราต้องปรับอะไรหลายๆ อย่างเยอะ แล้วเรารู้สึกเหนื่อย คือเป็นธรรมชาติของตัวเองเป็นคนที่อยากให้เขารู้สึกดี แล้วเราจะเป็นบางอย่างที่เราไม่อยากเป็น ก็เลยรู้สึกพัก ไม่เอาแล้วความรู้สึกที่เรามาเจอหน้ากันก่อน แล้วชอบกันที่ใบหน้า มาคบกัน ก็เลยรู้สึกว่ามันดูฉาบฉวย ที่สำคัญเวลาเรามีแฟนเป็นพระเอกเขามีสิทธิ์ที่จะเจอคนที่สวยกว่าเราได้เยอะมากๆ แล้วเราก็รู้สึกไม่มั่นคงแล้ว
แต่ในที่สุดหนุ่มไมค์ก็เข้ามาในชีวิต ?
ปุ๊กลุก : จุดเริ่มต้นมันเกิดจากฉันและเธอไม่อยากคุยกัน ที่บ้านคุณแม่ปลูกฝั่งมาตั้งแต่เด็กๆ ว่าเป็นผู้หญิงต้องไว้ตัวนะลูก เราก็จะสะกดจิตตัวเองว่าไม่มองผู้ชายก่อน คือคนชอบมองว่าหนูเป็นผู้หญิงเซ็กซี่แล้วหนูจะรู้สึกว่าโอเคป่ะวะ
เราคิดว่าเราเซ็กซี่ไหม ?
ปุ๊กลุก : หนูไม่ได้คิดว่าตัวเองเซ็กซี่ แต่คนชอบให้หนูเซ็กซี่ แต่จริงๆ อยู่บ้านหนูใส่เสื้อยืด
เมื่อกี้บอกว่าเห็นหน้าแล้วไม่อยากคุย แล้วจุดไหนที่เราคุยกัน ?
ปุ๊กลุก : คือไม่ได้เกลียดนะคะ มันเหมือนด้วยงานมันถูกบังคับให้ต้องสื่อสารกัน มันไม่ได้เริ่มต้นจากการที่เธอหล่อ ฉันอยากคุยหรือเธอสวยฉันอยากคุย มันไม่ได้เริ่มต้นจากตรงนั้น พอได้ทำงานร่วมกัน มีโอกาสได้คุยกันได้แชร์ทัศนะคติต่างๆ มันทำให้เรารู้วึกว่าเราสบายใจที่มีเพื่อนเป็นคนนี้
ตอนแรกถามคำ ตอบคำ อึดอัดไหม ?
ปุ๊กลุก : ไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะไม่อยากคุย ถ้าใครถามก็ตอบ ถ้าไม่มีใครถามก็ไม่อยากคุยก่อน คือเราคิดว่ามาทำงานคือทำงานไม่ได้มาหาเพื่อน แล้วพอเป็นเพื่อนก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นแฟน
ถ้าตอนแรกเจาเปิดมาจีบเลยก็จะไม่มีวันนี้ ?
ปุ๊กลุก : ใช่ ซึ่งเราต่างคนต่างเหมือนเพื่อน
แล้วพอเป็นเพื่อน ณ จุดไหนที่เขาทำให้เราประทับใจ เริ่มเปลี่ยนความรู้สึก ?
ปุ๊กลุก : หนูว่ามันมาจากที่หนูรู้สึกว่าเขาจริงใจที่จะมีเราเป็นเพื่อนแล้วกัน เขาสม่ำเสมอ ต่างคนต่างแค่เห้ย…ต่างคนต่างมีปัญหาเราปรึกษาซึ่งกันและกัน แล้วได้รับความจริงใจ แล้วทำให้เรารู้สึกสบายใจ ที่หนูประทับใจในตัวไมค์ก็คือวันที่หนูทุกข์ใจที่สุดเขายังอยู่เคียงข้าง ที่ไม่ได้แบบว่าทำเพื่อให้เรารู้สึกดีกับเขา เขาทำเพราะเขาเป็นห่วงเรา ส่วนใหญ่เราปรึกษากันเรื่องงาน คือเวลาเราเล่าให้เขาฟังมันจะจบแค่เรากับเขา เขาจะไม่บอกต่อ เราเลยสบายใจที่เราระบายให้เขาฟัง เขากุมความลับให้กับเรา
จุดไหนที่รู้สึกว่าไมค์เป็นมากกว่าเพื่อน ?
ปุ๊กลุก : ตอนที่พัฒนาความสัมพันธ์มันไม่รู้เลย
ตอนนั้นมีความสุขไหม ?
ปุ๊กลุก : รู้สึกว่ามันมั่นคงดี มีความกลัวเกิดขึ้นด้วย ด้วยความที่เราผิดหวังกับความรักแล้วเราก็รู้สึกว่าถ้าเราไม่เขา เรายังใช้ชีวิตอยู่ได้ไหม เพราะวันที่ครั้งแรกเรามีความรัก แล้วเกิดการเลิกกัน เรารู้สึกว่าความรู้สึกของการเลิกกันมันทรมานใจเรามาก แล้วรู้สึก เธอจะเป็นแบบรักครั้งเก่าๆ ของเราหรือเปล่า แล้วก็แบบมีความระมัดระวังตัวเอง ตกลงใจกับเขา เพราะเรามีความเชื่อลึกๆ ว่าผู้ชายในวงการเจ้าชู้ คือคนตามจีบเราไม่โอเคตั้งแต่เด็กๆ อยู่แล้ว คือเป็นเพื่อนกันถ้าใครจีบปุ๊บเลิกคบ
การเริ่มต้นที่เป็นเพื่อนก่อน แล้วถึงเปลี่ยนสถานะเป็นแฟน มันดียังไง มันดีกว่าที่เขามาจีบแล้วเราชอบยังไง ?
ปุ๊กลุก : หนูรู้สึกสบายใจที่หนูสามารถเป็นตัวเองได้ในทุกๆ มุมจริงๆ หนูเคยมีความสัมพันธ์ที่เหมือนพยายามจะคบกัน แล้วมันเกร็ง แล้วเราพยายามที่จะเป็นคนที่ดีพอสำหรับเขา เขาก็พยายาม แล้วสุดท้ายวันนึงมันก็ไปด้วยกันไม่ได้ แต่พอมันเป็นแบบนี้หนูสามารถที่จะเป็นตัวเองได้ 100% แล้วเขาก็เห็นมุมหนูที่แย่สุดๆ ในเวลาที่เราโกรธมากๆ เวลาที่เราไม่พอใจ เราพูดอะไร แล้วพอวันนึงที่ความสัมพันธ์มันพัฒนา ไอสิ่งที่เป็นตัวตนของเรา เขาเคยรับได้มาแล้วในฐานะที่เป็นเพื่อน ไม่ได้หมายความว่าไม่ปรับตัวเอง แต่ไม่ต้องพยายามปรับเพื่อให้ดูดี
ด้วยความที่เราเป็นคนตรงๆ ตอนคบกับไมค์เราต้องปรับเข้าหาเขาไหม ?
ปุ๊กลุก : ไม่มี ตอนแรกๆ เป็นตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์ เป็นคนไม่ได้คิดว่าตัวเองพูดแรง แต่ทุกคนบอกว่าพูดแรง ทุกคนจะรู้สึกว่าหนูพูดตรง แต่หนูรู้สึกว่ามันก็ดีแล้วป่ะวะก็จะได้เข้าใจกันไง แต่ก็มีบางทีที่เรารู้สึกว่าเขาเฮิร์ตจริงๆ กับบางคำพูด สิ่งแรกที่เรารู้สึกจริงเหรอ ฉันพูดแรงเหรอ แต่พอมานั่งคิดจริงๆ คนเราจุดรับความรู้สึกมันไม่เหมือนกัน เรามีเจตนาอยากให้เขาได้รับสิ่งที่ดี แต่สุดท้ายเขาอาจจะรู้สึกว่าขอแบบซอฟต์ๆ ได้ไหม เราก็ต้องปรับตัวเองไม่ใช่ไม่ปรับเลย
แล้วทำไมถึงไม่มีคำว่าหึงหวงกัน ?
ปุ๊กลุก : เรารู้จักกันมานานแล้ว หนูว่าความหึงหวงมันมาจากคนคนนั้นเขาทำตัวเองด้วย ไม่ใช่ว่าหนูไม่หึง หนูเคยมีความรักที่โทรแบบ ทำไมครึ่งชีวิตฉันคือการโทรศัพท์หาแล้วแกไม่รับ จนเรารู้สึกว่าเราต้องไป แต่คัวเขาไม่ใช่คนอย่างนี้ เราเลยรู้สึกสบายใจ
ในทางกลับกันเขาหึงเราไหม ?
ปุ๊กลุก : ไม่เลย หนูอยากให้เขารู้สึกแบบนั้นเหมือนกันนะ มันดูสวยไง เวลาแบบเพื่อนๆ แล้วมีคนแบบทำอะไรอยู่ อยู่กับใคร มีผู้ชายหรือเปล่า ทำไมฉันไม่เคยมีโมเมนต์นี้เลย สวยไม่พอ
ลึกๆ อยากมีไหม ?
ปุ๊กลุก : นิดนึงก็ได้
คู่นี้ไม่มีคำว่าครบรอบ ?
ปุ๊กลุก : หนูขาดของขวัญไปตั้งหลายชิ้นต่อปี คือมันไม่มีครบรอบ แต่มันไม่ได้ชอบไงคะ อยากมี
บอกเลยวันนี้ 14 กุมภาพันธ์ ?
ปุ๊กลุก : ไม่เป็นไรตอนนี้เราลดความสัมพันธ์กันแล้ว
อยากได้กุหลาบไหม ?
ปุ๊กลุก : อยากได้
นอกเหนือจากกุหลาบมีอะไรที่อยากได้อีกไหม ?
ปุ๊กลุก : ลูกโป่ง
การที่ลดสถานะลง แล้วความหวานเหมือนเดิมไหม ?
ปุ๊กลุก : คู่หนูตั้งแต่ไหน แต่ไรไม่ได้สวีต เราเคยชอบแบบสวีตมากๆ แล้วก็รู้สึกเจ็บปวดกับความสวีต แบบถ้ามันหวานมากๆ แล้ววันนึงเราไปด้วยกันไม่ได้ เรารู้สึกว่าความหวานมันไม่ได้ทำให้เราเติมเต็มเท่ากับไม่ต้องหวานก็ได้ แต่แบบอยู่จริงๆ
เราจริงจัง แล้วอดีตเหมือนมีปมมาเยอะ มันเหมือนเราปิด แล้วมีกำแพงกั้น ?
ปุ๊กลุก : หนูกลัวจริงๆ
คุณภัทรเดช เขามีความหวานอะไรที่ทำให้คุณประทับใจบ้างไหม ?
ปุ๊กลุก : ไมค์จะเป็นผู้ชายที่ใส่ใจในรายละเอียดที่เราเป็นคนแบบนี้ เหมือนรู้ว่าหนูไม่โอเคด้วยการที่ไม่ต้องพูด หนูรู้สึกว่าอันนี้มันคือความใส่ใจของเขา ไม่จำเป็นต้องมีแจกันตั้งมีดอกไม้เซอร์ไพรส์ของขวัญต่างๆ
ตอนที่คุณแม่เสียเขาก็อยู่ข้างๆ เราตลอด ?
ปุ๊กลุก : อาจจะไม่ได้อยู่ในโรงพยาบาลตลอด แต่ว่าก็สแตนด์บายตลอด
ประทับใจไหม ?
ปุ๊กลุก : มากค่ะ ประทับใจไม่ใช่แค่ไมค์ แต่เพื่อนทุกคน จริงๆ มันไม่ใช่แม่ของใคร มันคือแม่เราจะให้เขารู้สึกร้อยเปอร์เซ็นต์มันก็เป็นไปไม่ได้ แต่การที่เขาพยายามห่วงเราว่าเรารู้สึกยังไง ความสม่ำเสมอของเพื่อนทุกๆ คนในเวลานั้นมันทำให้เรารู้สึกว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเธอฉันจะอยู่เคียงข้างเธอ
ประโยคนี้เคยได้บอกเขาไหม ?
ปุ๊กลุก : ไม่เคยค่ะ
ปุ๊กลุกประกาศลดสถานะ แต่ก็ยังคุยๆ กันอยู่ ไม่กลัวคนที่จ้องอยู่จะเสียบเหรอ ?
ปุ๊กลุก : ไม่กลัวค่ะ หนูรู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายคนนึงที่ถ้าวันนึงเขาจะเปิดใจหรืออะไรก็ตามเขาคงเลือกที่จะพูดตรงๆ กับเรา ตัวหนูก็เลือกที่จะพูดตรงๆ ถ้าเรารู้สึกว่ามันต้องขยับความสัมพันธ์ไปในทางที่เราไม่สนิทกันเหมือนเดิม ก็คงเลือกที่จะคุยกันตรงๆ
ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าหนุ่มไมค์ซุ่มคุยกับสาวคนใหม่อยู่ ?
ปุ๊กลุก : คนไหนวะ หนูไม่รู้นะ แต่ว่าเพื่อนของเขากับเพื่อนหนูก็เป็นกลุ่มเดียวกัน หนูเพิ่งได้ยินหลังจากที่เขาสัมภาษณ์เสร็จ แล้วเขาโทรมาเล่าให้ฟังว่าแบบ สาวที่ไหนวะ แต่หนูไม่ได้รู้สึกอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะหนูรู้ว่าเขาเป็นคนยังไง
ที่ไม่กลัวสาวที่จ้องเขาอยู่ 1.เพราะไม่หวง หรือ 2.คิดว่าฉันดีพอเขาไม่ต้องหาคนอื่น ?
ปุ๊กลุก : รู้สึกว่าเขาดีพอไม่วอกแวกถึงแม้ไม่มีสถานะก็ตาม
คุณปุ๊กลุกมั่นใจในตัวไมค์มากๆ ?
ปุ๊กลุ๊ก : หนูว่าเขาเป็นคนดี ไมค์เป็นคนรักแม่มากๆ แล้วหนูรู้สึกว่าคนที่รักครอบครัวไม่สวิงกับผู้หญิง เพราะเขารักแม่เขา หนูเป็นผู้หญิง เขาจะไม่ทำให้หนูรู้สึกแย่ ต่อให้วันนึงเขาเจอใคร เขาเลือกที่จะพูดกับหนูแน่ๆ ปัจจุบันนี้เขายังไม่มีใคร เรายังเป็นเพื่อนที่สนิทกันอยู่
ถ้าสมมติมีผู้หญิงจะเข้ามาคุยกับคุณไมค์อยากพูดอะไรไหม ?
ปุ๊กลุก : ไม่ต้องเข้ามาหรอกค่ะ ผู้ชายมีเยอะแยะมากมาย ทำไมต้องเป็นเขา
คำถามจากทางบ้าน หลายๆ คนบอกว่าคุณปุ๊กลุกแอ๊บ ไม่ยอมบอกว่าเป็นแฟนกับคุณไมค์ ?
ปุ๊กลุก : มันเป็นการตกลงกัน แล้วเราแฮปปี้ในจุดนี้ เพราะฉะนั้นเราอาจจะไม่สามารถทำให้ทุกคนแฮปปี้กับคำตอบของหนูได้ หนูอยากบอกว่าสิ่งสำคัญที่สุดเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมากๆ แล้วหนูก็ไม่ได้คุยกับใคร ไมค์ก็ไม่ได้คุยกับใคร ต่อให้สถานะเป็นยังไงถ้าคุณรักเราขอให้ซัพพอร์ตในสิ่งที่เราสบายใจ ในสิ่งที่เราจะเปิดเผยแค่เท่านี้
อยากจะบอกอะไรกับคนตั้งคำถามนี้ ?
ปุ๊กลุก : อาจจะไม่โอเคกับคำตอบที่ทำให้ผิดหวัง แต่ถ้าเกิดรักในผลงานก็อยากให้แฮปปี้กับงาน ถ้าวันนึงเราเป็นคนที่ใช่ซึ่งกันและกันจริงๆ มันก็คงไม่ได้ช้าเกินไปที่เราจะบอกว่าความสัมพันธ์เราเป็นยังไงในเวลานั้น
สถานะแฟนมันยากตรงไหน ?
ปุ๊กลุก : หนูยังไม่พร้อม หนูรู้สึกว่ามันเหนื่อยกับการที่ต้องทำให้ทุกคนแฮปปี้กับคำตอบเราในแต่ละวัน วันนี้เราแฮปปี้แบบนี้ ถ้าเกิดไม่แฮปปี้ก็ไท่เป็นไรเข้าใจทุกคน บางทีเราดูดารา ทำไมต้องตอบแบบนี้ คือฉันอยากตอบแบบนี้ไม่ต้องให้ฉันเป็นคนอื่นได้ป่ะ ฉันแฮปปี้แบบนี้
ลดสถานะจากแฟนเป็นแค่คนรู้ใจ ไมค์เข้าใจ ?
ปุ๊กลุก : ในเวลานั้นเขาเข้าใจ อย่างที่บอกหนูไม่ได้พูดกับเขาแรง ฉันลดไม่ใช่ฉันไปมีคนอื่น แต่ฉันลดเพราะฉันไม่สามารถจัดการทุกอย่างได้ในเวลานี้ แต่ต่อให้คุณแม่จากไปแล้ว หนูรู้สึกว่าเวลาไม่มีสถานะหนูแฮปปี้ เวลาหนูไปทำงานที่ไหน เวลาพี่ๆ สื่อถามมันเหมือนไม่ต้องมีใครชงให้รู้สึกแย่กับอะไรก็ตามแต่ ให้รู้ไว้ว่าถ้าเป็นเรื่องของเขาจะได้ไม่ต้องมาถามเรา เรื่องของเราก็ไม่ต้องไปถามเขา อาจจะมีถามเย็บๆ บ้าง แต่จะได้ไม่ต้องมีบุคคลอื่นเข้ามาเพื่อทำให้เรารู้สึกไม่สบายใจ
แม่บ้านถามว่าทั้งคู่ยังโอเคอยู่ไหม ?
ปุ๊กลุก : โอเค หนูโอเคมากๆ เป็นคนที่ดีที่สุด สนิทที่สุด
สำหรับคู่คุณมองอนาคตไว้ยังไง ?
ปุ๊กลุก : ไม่ได้วางระยะไกล แล้วเวลาโดนถามรู้สึกกดดันด้วย มันเหมือนเราอยากค่อยๆ เดินช้าๆ เราเคยเร็วกับอะไรหลายๆ อย่าง ทำให้เวลามีการคอมมิดอะไร การวางแพลนล่วงหน้าบางทีมันทำให้เราเจ็บด้วยซ้ำ