แพทย์ผิวหนังเตือน!! สาวที่นิยม “สีทาเล็บ” ที่เป็น “สีแดง” มีโอกาสแพ้มากกว่าสีอื่น เสี่ยงเกิดอาการ บวม คัน แดง และชาที่ปลายนิ้ว
อันตราย “สีทาเล็บ” โดยเฉพาะ “สีแดง”
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า “สีทาเล็บ” โดยทั่วไป จะมีสีที่อันตราย และเกิดอาการแพ้ คือสียาทาเล็บ “สีแดง” เพราะมีสารเคมีที่พบการแพ้บ่อยที่สุด คือ โทซิลาไมด์ ฟอร์มาดีไฮด์เลซิน เบนโซฟรีโนน ไดบิลทิลทาลเลตฟอร์มาดีไฮด์
ขณะการต่อเล็บแบบอะคริลิค มักแพ้ส่วนประกอบของกาว เรียกว่า cyanoacrylate ส่วนประกอบในขั้นตอนการรองพื้น และขั้นตอนการเคลือบเล็บ จะมีสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้บ่อย คือ methacrylate นอกจากนี้การทาสีเจล จะมีสาร methacrylate ที่ก่อภูมิแพ้เช่นเดียวกับการต่อเล็บอะคริลิคด้วย
ด้านแพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ จึงบอกว่า อาการแพ้ อาจจะสังเกตได้หลังจากทาเล็บแล้ว 1 – 2 วัน โดยบริเวณรอบเล็บที่แพ้ จะมีอาการบวม แดง คัน และชาที่ปลายนิ้ว
รวมถึงบริเวณที่เล็บไปสัมผัสด้วย เช่น รอบตา ริมฝีปาก ใบหน้า และลำคอ เนื่องจากสารที่ก่อภูมิแพ้ไปสัมผัสบริเวณดังกล่าวนั่นเอง อย่างไรก็ตาม สาวๆ ที่ชอบต่อเล็บอะคริลิค หรือทาสีเจล อาจมีอาการเล็บแห้ง หลุด ลอก หรือเล็บเปลี่ยนสีได
ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง ได้ให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า การป้องกัน คือ หลีกเลี่ยงการทาเล็บ ด้วย “สีทาเล็บ” สีที่แพ้ และให้เลือกน้ำยาทาเล็บที่ปลอดสารเคมี
ส่วนการรักษาอาการแพ้ ที่เกิดจากการทาเล็บ หรือ “สีทาเล็บ” สามารถทำได้โดยการทายาที่มีส่วนผสมสเตียรอยด์ เพื่อลดอาการอักเสบ หรือการเคลือบปกป้องผิวด้วยครีมบำรุง เพื่อปกป้องชั้นผิวหนังกำพร้าจากการสัมผัสสารเคมี และสามารถทำการทดสอบผื่นแพ้สัมผัส patch test ที่อ่านผลโดยแพทย์ผิวหนังได้เช่นกัน.