คาร์เทียร์ เปิดตัว “แองดอมตาบล์ เดอ คาร์เทียร์” คอลเลคชั่นเครื่องประดับและเรือนเวลา ชูเสือ ยีราฟ จระเข้ และม้าลาย มาโลดแล่นอยู่บนเครื่องประดับและเรือนเวลา ที่ผนวกทั้งเทคนิคชั้นสูง งานหัตถศิลป์อันวิจิตรตระการตา และความคิดสร้างสรรค์ของการรังสรรค์เครื่องประดับและนาฬิกาเข้าด้วยกัน…
แองดอมตาบล์ เดอ คาร์เทียร์ (Indomptables de Cartier) นำทัพสรรพสัตว์แห่งคาร์เทียร์ย่างกรายอย่างสง่างาม โดยเผยโฉมในคอลเลคชั่นเครื่องประดับและเรือนเวลาสุดวิจิตร ที่ปลุกเร้าการเผชิญหน้า อันเหนือความคาดหมายของบรรดาสัตว์สัญลักษณ์ประจำเมซง แนวคิดหลักของคอลเลคชั่นนี้ ได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องประดับสไตล์ Tête-à-Tête หรือเครื่องประดับที่มีดีไซน์หัวของทั้ง 2 ด้านประจันหน้าเข้าหากัน ทั้งกำไลข้อมือ สร้อยคอ และเรือนเวลาที่ประดับด้วยรูปหัวสัตว์สองชนิด จากสรรพสัตว์ระดับไอคอนของคาร์เทียร์
สำหรับกำไลข้อมือตัวเรือนเยลโลโกลด์ทั้ง 3 แบบ คาร์เทียร์ฉีกกรอบกฎเกณฑ์แห่งโครงสร้างทั้งมวล ส่วนหัวของสัตว์แต่ละชนิดคงรูปแบบเดิมตามลักษณะทางธรรมชาติ ที่เราต่างคุ้นชินกันเป็นอย่างดี ทว่าลวดลายบนลำตัวกลับถูกเปลี่ยนแปลงไป กำไลข้อมือแบบแรก ลายบนตัวจระเข้ถูกนำมาประดับบนตัวม้าลาย ส่วนกำไลข้อมืออีกชิ้น ลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ของม้าลายกลับปรากฏอยู่บริเวณลำตัวของเสือแพนเตอร์ และอีกหนึ่งผลงานแห่งการดีไซน์ด้วยแนวคิดนอกกรอบ คือการสลับลายกันระหว่างยีราฟและเสือ ชิ้นงานสร้างสรรค์เหล่านี้เปรียบเสมือนงานคานิวัลแห่งความสนุกสนาน ที่เฉลิมฉลองให้กับความคิดสร้างสรรค์แห่งพงไพรภายใต้อาณาจักรคาร์เทียร์
คอลเลคชั่นแองดอมตาบล์ เดอ คาร์เทียร์ (Indomptables de Cartier)
สำหรับคอลเลคชั่นแองดอมตาบล์เดอคาร์เทียร์เมซงไม่เกรงกลัวที่จะรังสรรค์เครื่องประดับที่ประยุกต์ใส่ได้หลากหลายโอกาสผ่านชิ้นงานเรียบโก้ทรงกราฟิกพร้อมคาแรคเตอร์ที่เด่นชัดอย่างเช่น กำไลข้อมือนาฬิกาและสร้อยคอชิ้นใหญ่ที่แลดูทรงพลังโครงสร้างโดดเด่นไล่เรียงตั้งแต่หูถึงสันกรามดวงตาและจมูกของสัตว์แต่ละชนิดเป็นความงดงามที่ขมวดเส้นสายเข้าด้วยกันอย่างพอดิบพอดีคอลเลคชั่นแสนวิจิตรนี้ถูกเนรมิตโดยสตูดิโอสร้างสรรค์เครื่องประดับและเรือนเวลาของคาร์เทียร์ ให้มีคาแรคเตอร์ที่เหนือจินตนาการเพื่อขับเน้นทุกมิติของทุกรายละเอียดประกอบด้วยสิบชิ้นงานตระการตาที่ล้วนโอบอุ้มทุกความโดนเด่นอันเป็นอัตลักษณ์ของเมซง
กำไลข้อมือทั้งหมด 5 แบบมีให้เลือกทั้งแบบไวท์โกลด์ฝังเพชรหรือเยลโลโกลด์ล้วนสำหรับดีไซน์ไวท์โกลด์ประดับเพชรนั้นเสือจะเผชิญหน้ากับยีราฟและจระเข้จะจ้องตากับม้าลายส่วนแบบเยลโลโกลด์ม้าลายจะถูกจับคู่กับเสือแพนเตอร์หรือจระเข้และเสือจะคู่กับยีราฟ
นอกจากนี้ ยังมีสร้อยคอชิ้นใหญ่ที่สามารถสวมใส่เป็นโชคเกอร์ ซึ่งมีให้เลือกสองดีไซน์ แบบแรกคือสร้อยคอเยลโลโกลด์ ที่มาพร้อมการประจันหน้า ระหว่างม้าลายและเสือแพนเตอร์ โดยสลับลายสีดำอันเป็นเอกลักษณ์ของกันและกัน และแบบฝังเพชรทั่วตัวเรือน ที่นำยีราฟและเสือมาเผชิญหน้ากัน นอกจากนั้นยังมีเรือนเวลาอีก 3 แบบ ที่มาพร้อมหน้าปัดฝังเพชรแบบลายจุดหนังชากรีน (Shagreen) ประดับบาร์สองข้าง ด้านหนึ่งเป็นเสือแพนเตอร์ และอีกด้านหนึ่งถูกประดับด้วยจระเข้ ม้าลาย หรือเสือ โดยส่วนหัวสัตว์ทั้ง 3 แบบ สามารถถอดออกเพื่อสวมใส่บนข้อมือได้ด้วยกลไก Clasp System เทคนิคใหม่ล่าสุดจากคาร์เทียร์ที่อำพรางสลักของนาฬิกาไว้อย่างแยบยล
การรังสรรค์จิตวิญญาณของสรรพสัตว์ : ความท้าทายแห่งหัตถศิลป์
ความริเริ่มสร้างสรรค์ น่าอัศจรรย์ใจ และแฝงด้วยลูกเล่นเป็นบริบทของเครื่องประดับคอลเลคชั่นแองดอมตาบล์ ซึ่งเป็นชิ้นงาน ที่กินเวลาชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า ในดีไซน์สตูดิโอของคาร์เทียร์ เสาะแสวงหาวิธีการใหม่ๆ ให้กับการประดับหินออนิกซ์ ลงบนตัวยีราฟหรือจมูกของเสือแพนเตอร์ เฉกเช่นเดียวกับหลากหลายเทคนิควิธีการฝังเพชร ที่คาร์เทียร์ได้ค้นคว้าทุกความเป็นไปได้ เพื่อรังสรรค์ผลงานออกมางดงามเหนือความคาดหมาย
วิธีการฝังเพชรแบบ Shagreen Setting อีกเทคนิคที่ถูกเลือกมาใช้แต่งแต้มลายให้กับเหล่าสัตว์ประจำคอลเลคชั่นนี้ โดยเป็นวิธีการฝังที่สามารถทำให้อัญมณียิ่งทวีความเปล่งประกายระยิบระยับ การฝังเพชรแบบ Illusion Setting บนกำไลข้อมือจระเข้ใช้วิธีการหักเหเหลี่ยมมุมของเนื้อทองเพื่อสร้างภาพลวงตาบริเวณที่ทองกับเพชรผสานกัน และสุดท้ายคือวิธีการฝังอัญมณีแบบ Fur Setting ซึ่งเป็นรูปแบบการฝังอัญมณีเฉพาะตัวของเมซงคาร์เทียร์สำหรับสัตว์แต่ละชนิด โดยการล้อมอัญมณีแต่ละเม็ดด้วยกรอบทองขนาดจิ๋วกดเป็นลายเรียงรายกัน เพื่อให้อัญมณีแต่ละเม็ดดูราวกับขนเฟอร์เสมือนจริง
แต็ทอาแต็ท (Tête-à-Tête) แนวคิดอันเป็นหัวใจของคาร์เทียร์
เสือ ม้าลาย ยีราฟ และจระเข้ คือสัตว์สี่ชนิดที่บ่งบอกคาแรคเตอร์ ของสรรพสัตว์แห่งคาร์เทียร์ได้เป็นอย่างดี โดยทั้งหมดอยู่ใต้อาณัติของสัตว์ ที่เป็นดั่งสัญลักษณ์สูงสุดของเมซงคาร์เทียร์ ซึ่งก็คือเสือแพนเตอร์นั่นเอง
ที่ผ่านมา คาร์เทียร์ได้นำบรรดาสัตว์นานาชนิด มาเผชิญหน้ากันอยู่หลายครั้ง โดยดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมายุคโบราณนี้ ได้ถูกเมซงคาร์เทียร์นำมาใช้ และได้รับความนิยมภายในเวลาอันรวดเร็วในช่วงปี 1930 และหลังจาก 2 ทศวรรษผ่านไป
“ฌาน ตูแซงท์” (Jeanne Toussaint) ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของคาร์เทียร์ในสมัยนั้น ก็ได้ฟื้นคืนชีวิตให้ชิ้นงานนี้อีกครั้ง เธอได้ปลุกพลังแห่งการสร้างสรรค์เครื่องประดับ ให้สมจริงที่สุด และได้ท้าทายเหล่านักออกแบบและช่างฝีมือให้ระดมกำลังในการตีความสรรพสัตว์แห่งพงไพร ให้สมจริงยิ่งกว่าที่เคย โดยมีเสือแพนเตอร์เป็นที่สุดแห่งสัญลักษณ์ คำว่า “ตูแซงท์เทสท์ (Toussaint Taste)” หรือรสนิยมตูแซงท์ ซึ่งเป็นคำจากปากของตูแซงท์เอง อันแปลได้ว่า รสนิยมอย่างล้ำลึก (Taste for Depth) ด้วยความหลงใหลอันแรงกล้าที่เธอมีต่องานประติมากรรมและสถาปัตยกรรม เธอจึงให้ความสำคัญกับการเน้นขนาดและมิติต่างๆ ให้โดดเด่น และกำไลข้อมือแบบสองหัวชิ้นนี้ก็นับเป็นตัวอย่างชั้นดีของแนวคิดดังกล่าว
ในทศวรรษที่ 1950 และ 1960 กำไลข้อมือสไตล์ Tête-à-Tête ที่มีสัตว์หลากลายชนิด และเสือแพนเตอร์ที่เผชิญหน้ากันนี้ กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง เพราะบรรดากลุ่มคนผู้มากด้วยสไตล์ประจำยุคนำกลับมาสวมใส่ หลังจากนั้นในช่วงทศวรรษที่ 1980 และ 1990 คาร์เทียร์จึงได้ขยายอาณาเขตให้เหล่าสัตว์ป่าอื่น เช่น ม้าลายและยีราฟให้มาโลดแล่นอยู่บนกำไลข้อมือบ้าง โดยนำเสนอผ่านชิ้นงานตัวเรือนทองคำ พร้อมเคลือบแลกเกอร์สีดำมันวาว ด้วยดีไซน์ที่เผยมิติใหม่ของสัตว์แห่งพงไพรเหล่านี้ ยิ่งทวีความทรงพลังให้เครื่องประดับจากคาร์เทียร์แข็งแกร่งและโดดเด่นกว่าที่เคย
“ด้วยรูปทรง สีสัน โครงสร้าง และผลลัพธ์แห่งมิติผนวกการสรรสร้างสไตล์กำไลข้อมือแต็ทอาแต็ท (Tête-à-Tête) คอลเลคชั่นนี้จึงเผยมิติที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน กับหมู่สรรพสัตว์แห่งคาร์เทียร์ และขุมพลังทางสัญลักษณ์ เครื่องประดับรูปสัตว์มีสมรรถภาพอย่างยิ่ง ในการสะท้อนบุคลิกของผู้สวมใส่ เฉกเช่นเดียวกับห้วงอารมณ์ความรู้สึก ทัศนคติ และปัจเจกลักษณะต่างๆ ของพวกเขา นับเป็นโอกาสที่ดีในการสื่อสารตัวตนที่แท้จริงออกมา” ปิแอร์ ไรเนโร (Pierre Rainero) ผู้อำนวยการฝ่ายภาพลักษณ์, สไตล์ และเฮอริเทจ ของคาร์เทียร์