อาหารอินเดีย หลายคนฟังแล้วอาจไม่ได้สนใจเท่าไหร่นัก บางคนอาจร้องยี้ด้วยซ้ำ แต่คุณเชื่อมั้ย…มีผู้คนอีกมากมาย ที่หลงใหลอาหารอินเดียแบบสุดๆ เฉกเช่นคำกล่าวที่ว่า ใครที่เดินทางไปอินเดีย แล้วเกิดหลงรักประเทศนี้ ก็จะรู้สึกรักเมืองโรตีไปเลย และจะหาโอกาสเดินทางกลับไปอยู่บ่อยครั้ง แต่ในทางตรงกันข้าม…ถ้าใครที่ไม่ชอบอินเดียแล้วละก็ ยังไงก็ไม่มีทาง…ที่จะชื่นชอบได้ ก็แทบนึกไม่ออกเลยว่า…เขาเหล่านั้นจะกลับไปเยือน อินเดีย ซ้ำสอง!!
เรื่องนี้ TOPPIC Time เห็นท่าจะจริง…เพราะปัจจัยมากมาย ที่หลายคนไม่ปลื้มอินเดียเท่าไหร่นัก หนึ่งในนั้นอาจมีปัจจัยเรื่องของ อาหาร การกินรวมอยู่ด้วย อาหารอินเดีย จะมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์สุดๆ ในแบบฉบับเมืองภารตะราตรี ที่ทำให้หลายคน ยากจะเข้าใจความซับซ้อนในรสชาติของอาหารแต่ละเมนู นั่นอาจเป็นเพราะทุกจานที่เสิร์ฟ ส่วนใหญ่จะเต็มไปรสชาติและกลิ่นของเครื่องเทศมากมาย จนทำให้อาหารจานนั้น มีกลิ่นฉุนและที่ไม่หอมหวลชวนรับประทานสักเท่าไหร่ และนั่นก็คือ…เหตุผลของคนส่วนใหญ่ที่คิดแบบนั้นแล
และมันก็ไม่แตกต่างไปจาก TOPPIC Time ครั้งแรกในการเดินทางไปเยือนอินเดีย ซึ่งก็ต้องยอมรับตรงนี้ว่า 3 วันแรก อาหาร เป็นอุปสรรคสุดๆ ผอมได้ผอมเลยจ้า น้ำหนักลดไปเลย เนื่องจากทานไม่ไหวจริงๆ เพราะอาหารแต่ละจานเต็มไปด้วยกลิ่นและรสของเครื่องเทศโดดๆ ไม่เว้นแม้แต่อาหารว่าง อย่าง ชา กาแฟ ซึ่งก็มีเครื่องเทศผสมอยู่จ้า เชื่อหรือไม่…แต่ละวันจะประทังชีวิตด้วยข้าวเม็ดเรียวยาวน่ากิน กับพริกน้ำปลา ที่ทำจากพริกขี้หนูประดับจาน พร้อมกับการบีบมะนาวและใส่เกลือเบาๆ แทนน้ำปลา…ที่หามีไม่ ซึ่งก็ต้องบอกว่า…อร่อยดีนะ โดยเฉพาะข้าวขาว เม็ดจะยาวไปไหนนั่น เหนียวหนุบเคี้ยวเพลินอร่อยสุดๆ มื้อไหนใจเริ่มกล้า ก็ไปตักไก่มาลองรสดู เขี่ยเครื่องปรุงที่เกาะติดออก แล้วก็ใช้พริกน้ำปลาราดเลยจ้า ซึ่งมันก็ช่วยได้อยู่นะ อย่างน้อยก็ช่วยให้ชิน (ฮ่าๆๆ)
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับน้ำหนัก วันที่ 4 วันที่ 5 เดินเล่นอยู่แถวตลาด หันกลับไปบอกเพื่อนร่วมทริปว่า…เฮ้ย หอมว่ะ ก่อนจะงงใจตัวเอง…กล่าวอะไรออกไป นี่แหล่ะหนา…ที่เราอยากจะบอก บางทีเราก็ตัดสินอะไรไม่ได้ ว่ามันไม่ดีจริงๆ เพียงเพราะเราปิดใจ!!
อาหารอินเดีย MAYA Restaurant ตอน อร่อยกว่าที่คิด(เยอะ)!!
เปิดใจสักนิด มายาแห่งอาหารอินเดีย ไม่ได้แย่นะเธอ!!
มาค่ะ…วันนี้ TOPPIC Time จึงอยากชวนทุกคนมาเปิดใจกันหน่อย กับเรื่องเล่าของวันนี้ ในหัวข้อ อาหารอินเดีย ตอน อร่อยกว่าที่คิดไว้(เยอะ)!! งานนี้ชูป้ายยกมือคัดค้านสูงๆ กับทุกคนที่บอกว่า…อาหารอินเดีย ไม่อร่อย นั่นเป็นเพราะว่า…คุณยังไม่ได้กินของอร่อยต่างหาก
จริงๆ แล้ว อาหารอินเดีย ก็เปรียบเสมือนความหลากหลายในทุกๆ สิ่งอย่างของประเทศอินเดีย ทั้งผู้คน อาชีพ อารมณ์ วัฒนธรรม สภาพอากาศ สภาพภูมิประเทศ อาหาร บ้านเมือง การจราจร รวมถึงวิถีบนท้องถนนที่พบได้มากมายด้วย บ้างอาบน้ำ บ้างเล่นไพ่ บ้างอ่านหนังสือ บ้างขายของ ซึ่งพวกเขาก็ไม่ได้ทำผิดกฎใดๆ เลย ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา…นั่นก็ไม่ได้แตกต่างไปจากรสชาติของอาหารอินเดียแต่อย่างใด
MAYA Restaurant หรือ ห้องอาหารมายา คำตอบของความอร่อย ที่ไม่ได้เยินยอ แต่เพียงเพราะประสบการณ์ที่ได้บอกเล่ากับเราต่างหาก ร้านอาหารอินเดีย ที่ทำให้ลิ้นทึ่ง บอกลาอคติมายาไปเลย ไม่ใช่แต่เราเพียงผู้เดียว หลายคนที่ได้บอกว่า…อาหารอินเดีย ไม่เวิร์กสำหรับพวกเขาในตอนแรก แต่เมื่อได้มีโอกาสลองลิ้มชิมรส ก็กลับลำกลืนคำพูดตัวเองแทบไม่ทัน มันดีกว่าที่คิด…มันดีต่อกระเพาะ MAYA Restaurant ทำให้ความคิดของเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง!!
มนตร์เสน่ห์แห่งอินเดีย ที่ MAYA Restaurant
Chef Harish Tiwari คือ เชฟผู้ที่ให้ความคิดของพวกเขาเหล่านั้นเปลี่ยนไป Harish คือ…เชฟที่เป็นมากกว่าเชฟ และเขาคือ…หัวใจของห้องอาหาร และห้องอาหารมายาก็เท่ากับเชฟ ด้วยประสบการณ์สุดล้ำค่า มันมีความหมายมากกว่าสิ่งอื่นใด “ความอร่อย” คือ สิ่งที่เชฟ Haris ได้ส่งผ่านอาหารอินเดียในแต่ละจาน
จนทุกๆ จาน ผนวกเป็น ห้องอาหารมายา สถานที่ที่รวบรวม “มนตร์เสน่ห์แห่งอินเดีย” ไว้ได้อย่างกลมกล่อม ด้วยรสชาติอาหารที่ลงตัวสุดๆ ผ่านการเจียระไนดั่งเพชร ไม่ว่าจะรูป รส และกลิ่น ผ่านกระบวนการมาอย่างดีเยี่ยม กว่าจะออกมาเป็นอาหารหนึ่งจาน เชฟใช้เวลาและประสบการณ์มากกว่าเสี้ยวชีวิต ในการทำให้ห้องอาหารแห่งนี้เต็มไปด้วย…มนตร์เสน่ห์มายา
การคัดสรรวัตถุดิบอินเดียที่ดีที่สุด ผ่านการปรุงด้วยจิตวิญญาน ประกอบกับฝีไม้ลายมือในงานศิลปะแห่งอาหารของ Harish เปรียบเสมือนการใช้พู่กัน จุ่มสีวาดรูปขีดเขียนตามจินตนาการก็มิปาน เพราะใช่ว่าการจุ่มพู่กันแต่ละครั้ง จะเพียงเพื่อให้สีชุ่มช่ำที่ปลายพู่กันเพียงอย่างเดียว การเลือกที่จะแตะสีเพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้ชิ้นงานนั้นทรงคุณค่ามากกว่า นั่นแหล่ะ…ความศิลปะแห่ง MAYA Restaurant ที่มาจากเชฟ…ที่มากกว่าเชฟผู้นี้
เชฟ Harish Tiwari ที่สุดแห่งอาหารอินเดีย
รักการกินเป็นชีวิตจิตใจ ครูพักลักจำ การเรียนรู้จากแม่ และความสนุกในการจำแนกแยกรส แยกกลิ่นของอาหารและเครื่องเทศ มันคือความ “ท้าทาย” ที่ทำให้เป็น เชฟ Harishในทุกวันนี้ การเดินทางของประสบการณ์ คือเครื่องหมายการันตีความสำเร็จของ ห้องอาหารนี้ด้วย
เขาบอกเล่าว่า…เขามักถูกเรียกตัวไปเซ็ทอัพ ห้องอาหารอินเดีย ให้กับโรงแรมดังต่างๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะในกรุงเดลี กรุงไคโร อียิปต์ สิงคโปร์ และในประเทศอื่นๆ อีกมากมาย รวมถึงประเทศไทย และ MAYA Restaurant ด้วย
มันเริ่มต้นตั้งแต่การออกแบบห้องอาหาร ทำห้องครัว จัดเมนูอาหาร คัดสรรวัตถุดิบ เบลนด์เครื่องปรุง มิกซ์เครื่องเทศ รวมไปถึงพิถีพิถันกับเตาทันดูร์สุดพิเศษ ที่ทำให้ อาหารอินเดีย อร่อย และเป็นที่ประทับใจของนักชิมมากยิ่งขึ้น
แอบเล่า…เรื่อง “เตาทันดูร์” ห้องอาหารมายา มีเตาทันดูร์สีทองอยู่ 3 เตา ที่ถูกแยกปรุงอาหาร 3 ประเภท อย่าง ขนมปัง มังสวิรัต และเนื้อสัตว์ ซึ่งเคาทันดูร์สุดหรูนั้น TOPPIC Time ดูแล้วก็ไม่ต่างจากโอ่งอบไก่บ้านเรา หรือไก่อบโอ่ง แต่กระนั้นก็ตาม ความพิเศษของเตาทันดูร์ในที่แห่งนี้ มันอยู่ที่ “ดิน” ซึ่งดินที่นำมาทำเตาสุดพิเศษนี้ ถูกจัดทำขึ้นที่เดลี ก่อนจะสั่งและนำเข้ามาประกอบอาหารแสนอร่อย ภายในห้องอาหารมายา
Pan-Indian มายาแห่งอาหาร
คุณผู้ชม…และมันก็อร่อยจริงๆ อันนี้เราต้องปรบมือให้เชฟ ด้วยความเข้าใจเรื่อง “กลิ่น” และ “รส” ที่ทำให้หลายคนมองข้าม อาหารอินเดีย แต่ เชฟ Harish ได้พิสูจน์ให้ชิมจะๆ จากรสชาติสุดกลมกล่อม หลายเมนูลงตัวแบบไม่ควรจะเป็นด้วยซ้ำ เพราะเครื่องเทศที่หลากหลาย อาจทำให้รสชาติกระโดดเป็นตัวโน๊ตเมโลเดียน แต่แล้ว ความกลมกลืน กลมเกลียว ที่สอดแทรกอยู่ในวัตถุดิบสุดดีเยี่ยม จากทุกพื้นที่ของประเทศอินเดีย ได้ถูกเสิร์ฟมาในรูปแบบของ Pan-Indian
Pan-Indian คือ อาหารอินเดีย ที่รวมวัฒนธรรมของทุกภาคไว้ด้วยกัน เสมือนอาหารกรุงเทพบ้านเรา ที่มีอาหารเหนือ อาหารอีสาน และอาหารใต้ ผสมผสานกันอยู่เมืองหลวง เหมือนห้องอาหารมายาไม่มีผิดเพี้ยน
การนำเสนอรสชาติอาหารอินเดียแบบดั่งเดิมด้วย Pan-Indian ยังเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมายา ที่อาหารแต่ละจาน จะมีสีสันที่หลากหลาย มีส่วนผสมที่ดีที่สุด รวมถึงวัตถุดิบชั้นเลิศ ก่อนจะถูกนำเสนอในรูปแบบใหม่ ที่ยังคงรักษาไว้ซึ่งมรดกทางวัฒนธรรมอาหารอินเดียแบบดั้งเดิม ที่ตกทอดสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น
รีวิวอาหารอินเดีย เมนูต้องห้ามพลาด อร่อยกว่าที่คิดจริง!!
Galouti Potli
เริ่มกันที่เมนูที่ทำให้เราทึ่ง Appitizer พัฟทอด ซึ่งถูกทำจากเนื้อแพะ กัดเข้าไป ทำไม๊ ทำไม และทำไม…มันช่างไม่มีกลิ่นแพะเลย??? เราเชื่อว่า…หากให้หลายคนเลือก ส่วนใหญ่จะไม่เลือกกินแพะ ด้วยเหตุผลเรื่องของกลิ่นสาปแพะนั่นเอง ไม่ว่าจะเมนูไหน เมนูนั้น!! แต่ที่นี่…ผิดคาดจ้า ทุกคนเดี๊ยนขอสดุดีให้กับ อาหารอินเดีย เมนูนี้ พัฟทอดไส้แพะกับเครื่องเทศ ดีงามจริงเอย บอกลา…มายาคติเดิมๆ ที่…แพะมักมีกลิ่น และกินไม่ได้!!
Prawn Puchka
อีกเมนูก็คือ…ไม่สั่งไม่ได้จ้า เหมือนไม่ได้กินอาหารอินเดีย อารมณ์คล้าย ปานีปุรี แต่แตกต่างกันที่สิ่งที่ใส่เข้าไป Puchka คือ แป้งสาลีทอดไส้กุ้งอบเนย ปรุงด้วยซัลซ่าอินเดียแบบโฮมเมด อร่อยแบบไม่คิดว่าคือของว่างอินเดีย ใช้ได้ค่ะเชฟ คุณได้ไปต่อ…จานต่อไปค่ะ
Dahi Ka Gola
คร้อกเก้โยเกิร์ตเครื่องเทศ จานนี้คือดีย์ นึกว่าจะไม่รอด แต่อร่อยเฉย ตักกินไม่ต่ำกว่า 5 รอบ เพราะเอาจริงๆ ไม่เชื่อลิ้นตัวเองจ้า จนข้างๆ ทัก คร้อกเก้อร่อยเนอะ เออ…ก็ว่ามันอร่อยยังไง อร่อยแบบตักหลายทีนี่เอง ด้วยความหอมของโยเกิร์ต กลิ่นที่ลงตัว และรสชาติสุดล้ำ ผ่านค่ะ!!!
Noorani Champ
มาถึง Starter สุดเลอค่า ไม่กล่าวถึงไม่ได้จริงๆ ซี่โครงแกะออสเตรเลียย่างกับเครื่องเทศ และนี่ะคือความลงตัวสุดๆ ถ้าจะให้ดิชั้นกล่าว ทรงคุณค่าจริงๆ กินมาก็เยอะ แต่กินแกะในเมนูอินเดีย หาอร่อย…ใช่ว่าจะง่าย กลิ่นแกะหายไป กลิ่นเครื่องไม่มีเตะจมูก แต่รสชาติโคตรเตะปาก อร่อยเว่อร์ๆๆๆๆ
Jhinga Kalimirch
กุ้งลายเสือหมักด้วยพริกไทยดำ มันว๊าวมากๆ เลยค่ะคุณ รสชาติถึงกุ้งถึงพริกไทย อร่อยแบบไม่ลืมหูลืมตาเลย พยายามเคี้ยวๆ บดๆ ละเลียดรสชาติสุดๆ บอกคำเดียว…มีอีกสักชิ้นมั้ย? ถ้าเกิดสั่งกลับบ้าน ไม่บอกก็ไม่รู้นะ…ว่ามาจาก ห้องอาหารอินเดีย
Murgh Lababdar
ต่อกันที่ Main Course ที่เสิร์ฟพร้อมแป้งอินเดีย ที่มีทั้ง Garlic naan , Laccha paratha และ Missi roti เรายกนิ้วให้กับ ไก่ย่างตุ๋นด้วยหัวหอมแดง หักทอง มะเขือเทศ เครื่องเทศ และใบลูกซัดแห้ง ชื่อภาษาไทยยาวเหยียด ใส่อะไรมานักคะเชฟ…มันช่างกลมกล่อมสุดๆ มีรสเผ็ดนิดหน่อย แต่แฝงไปด้วยความซับซ้อนของเครื่องเทศ ไม่ง่ายนะคะ…ที่จะให้ออกมาอร่อยได้แบบนี้ ยกนิ้วให้เมนูไม่พอ ยกนิ้วให้เชฟด้วย
Gulkand Gulab Jamun
ที่สุดของขนมหวาน ที่ไม่ได้หวานแบบที่นั่งอยู่ในกระสอบขัณฑสกรตามจินตนาการ ซึ่งใครๆ ก็คิดว่า อาหารอินเดีย…หวานแสบคอ แสบตับ ทะลุม้าม จนกระเพาะถามหา…เ-ิงกินอะไรมาเนี่ย?? แต่สำหรับห้องอาหารมายาแล้ว ผิดคาดและชนะเลิศค่ะ กับเมนู เกี๊ยวนมทอดราดด้วยน้ำเชื่อมกลิ่นกุหลาบ อร่อยล้ำนำสมัย บอกไม่ถูกอ้ะ…สั่งมาลองละกัน เอาจริงๆ ตอนแรกก็คิดว่า…ตัวเองติดแอล อ้าวที่ไหนได้…ติดขนมหวานอินเดียเฉยจ้า (ฮ่าๆ)
Banarasiya
ตบท้ายกันที่ Cocktails ชนะเลิศที่สุด สั่งไม่หยุดไม่หย่อนเลยค่ะ กับ เหล้ายินกับกุลแคลนด์ หรือแยมกุหลาบแห้ง ผสมกับใบพลู หึย…ตอนแรกนึกว่าใบกระท่อมเสียอีก แหม่…บราเทนเดอร์แอบตกใจ ตอนเดินไปแซวนิดหน่อย (ฮ่าๆ) ก็พี่เล่นพับมาเป็นใบๆ เสียบข้างแก้วมาซะ ใครจะไปรู้นะเออ (ฮ่าๆ) กลมกล่อม…คือคำบรรยาย สั่งไม่หยุดคือจบนะ ลองค่ะ…ต้องห้ามพลาดเลย
Aam panna
ส่วน Mocktail เราแนะว่าต้องดื่ม…มะม่วงสาระแหน่ อันนี้เรียกกันให้จำขึ้นหู อร่อยจริง ซึ่งส่วนผสมโคตรจะเก๋ มีมะม่วงดิบ เมล็ดยี่หร่า ใบสาระแหน่ เกลือ กระวาน และผงพริกไทยดำ บระเจ้า…ชั้นกินอะไรเข้าไปเนี่ยะ อันนี้ต้องปรบมือให้ Mr. Shyam Kumar ผู้จัดการห้องอาหารมายา คิดเก่งงงงงงง……
จบการรีวิว รีวิวเหนื่อยขนาดนี้!! กินเหนื่อยขนาดไหน?? งานนี้ต้องขอบคุณตัวเอง และแอบขอบคุณผู้ร่วมโต๊ะที่ไม่เคยคิดจะชอบทานอาหารอินเดีย ลั่นเป็นเสียงเดียวกัน…อร่อยว่ะ และไม่ได้แย่แบบที่คิด พูดอีกทีร้อยรอบคือ…MAYA Restaurant อาหารอินเดีย อร่อยกว่าที่คิด(เยอะ)!!
บรรยากาศ ร้านอาหารอินเดีย พิกัดที่ตั้ง
รู้นะคิดอะไรอยู่…หลายคนคงคิดว่า ห้องอาหารอินเดีย จะดุยุ่งๆ รกๆ มีกลิ่นเครื่องเทศเยอะๆ แบบชนิดที่สาวๆ ต้องสระผม 5 รอบ 7 รอบงี้ แต่ๆๆๆ คุณรู้มั้ย…MAYA Restaurant ไม่ใช่แบบนั้นเลยค่ะ Mr.Jean Pascal Bemnet General Manager จัดบรรยากาศไว้ให้อย่างดี หรูหรา น่านั่ง แถมชิวและฟินสุดๆ พากันมาเดท…ก็เก๋แถมโรแมนติกสุดๆ เพราะที่นี่วิวดี เนื่องจากห้องอาหารอยู่บนบาร์ชั้น 29 ทำให้มองเห็นวิวไปยันสุไหงโกลกเลย (เว่อร์ไปนิดเนอะ) ทานอาหารท่ามกลางวิวมุมสูง ก็เท่ากับดีงามไป 8 คุ้งน้ำ
สำคัญกว่านั้น ห้องอาหารมายา มีบาร์ไว้สำหรับดริ้งค์ แดร้งค์ ดรั๊งค์ ด้วยจ้า ด้วยความดีเจเปิดแผ่น สไตล์อินเดีย เท่ห์ชะมัดค่ะคุณผู้หญิง เพลงก็แสนดี ชวนโยกพุงปลิ้นๆ หลังกินอาหาร ในแบบฉบับการเต้นระบำแบบเมืองภารตะ เต้นไม่ถูก หันไปชวนบราเทนเดอร์นะ นางเต้นไปทำค็อกเทลไป ก็ว่า…ทำไมทำนาน แต่มันก็กลมกล่อมขึ้นนะ เพราะมันคือการเต้นผสมผสานมิกเซอร์
งานนี้จะสนุกสนานแค่ไหนถามใจดู…ไปค่ะ จับเข่ากันไปปาร์ตี้ บาร์อินเดียดีๆ อยู่ที่นี่แล้วค่ะ MAYA Restaurant อาหารอินเดียบนบาร์ชั้น 29 ของโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ กรุงเทพ สุขุมวิท ซอยสุขุมวิท 22 โทรไปจองโต๊ะเลย 02-683-4888
เอ้อ…เกือบลืมบอกไป MAYA Restaurant เปิดให้บริการวันพุธ-อาทิตย์ เวลา 18.00 – 23.00 น.นะจ้ะ ย้ำกันเรื่องโปรโมชั่นประจำเดือนนี้ สนนราคาเริ่มต้นท่านละที่ 950 บาท++ สำหรับสายมังสวิรัต ส่วนซีฟู้ดส์อยู่ที่ราคา 1,350 บาท++ และสาวกเคบับเนื้อสัตว์ เริ่มที่ 1,050 บาท++ คุ้มและอร่อยเว่อร์ ใครไม่ชอบเช็ตเมนู กินแบบ A La Carteโลดจ้า…ตามใจคนสั่งเลย
อีนี่ต้องไปก่อน…นะนายจ๋า รีวิวมาขนาดนี้ กินให้อร่อย…นะจ๊ะนายจ๋าๆๆๆ.
(ใส่ส่าหรีไปกิน ถ่ายรูปมุมสวยๆ โคตรเก๋ ไปค่ะ…จัดธีมด่วน!!!)