ศูนย์จีโนมฯ รพ.รามาธิบดี สุ่มถอดรหัสพันธุกรรม พบโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.1 สูญพันธุ์ไปแล้วในไทย BA.2 ลดลงต่อเนื่อง และยังไม่พบสายพันธุ์ย่อยอื่น…
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี ม.มหิดล เผยถึงโอกาสติดเชื้อโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย “BA.4”, “BA.5” และ “BA.2.12.1” ซ้ำ (re-infection) จากรายงานจากบรรดานักวิทยาศาสตร์ในต่างประเทศ พบว่า ผลการทดลองในห้องปฏิบัติการโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย (new sub-variant) สามารถติดต่อระหว่างคนสู่คนได้อย่างรวดเร็ว มักจะมีอาการไม่รุนแรง ใกล้เคียงโอไมครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม
โดย ศ.จูลี่ สวอนน์ (Julie Swann) แห่งมหาวิทยาลัยแห่งรัฐนอร์ทแคโรไลนา ที่ปรึกษาของ U.S. CDC เกี่ยวกับโรคระบาด ระบุว่า ระดับความเสี่ยงของบุคคล ที่จะติดเชื้อซ้ำอาจขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ ร่วม เช่น อายุ ภาวะสุขภาพพื้นฐาน และช่วงเวลาการฉีดวัคซีนครั้งล่าสุด หรือการติดเชื้อครั้งล่าสุด หากวัย 60 ปี ได้รับวัคซีนกระตุ้นเมื่อ 4-6 เดือนก่อน อาจมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อซ้ำได้ ด้วยโอไมครอนสายพันธุ์ย่อยตัวใหม่ และอาจมีอาการรุนแรง (severe) ได้ ตรงข้ามหากคนวัย 60 เช่นกัน แต่เพิ่งติดเชื้อ ก่อนหน้า หรือได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นภายในเวลา 3-4 เดือน หากติดเชื้อ (สายพันธุ์ย่อย) ที่เพิ่งอุบัติขึ้นมา (new sub-variant) จะมีอาการไม่รุนแรง (mild)
ด้าน ศ.อเล็กซ์ ซิกัล (Alex Sigal) นักไวรัสวิทยา ที่สถาบันวิจัยสุขภาพแอฟริกาในแอฟริกาใต้ ระบุว่า ผู้ที่เคยฉีดวัคซีน-ติดเชื้อด้วยสายพันธุ์โอไมครอนดั้งเดิมมาก่อน อาจมีภูมิคุ้มกันที่กว้างกว่า (broader) ที่สามารถต่อสู้กับสายพันธุ์ใหม่ที่เพิ่งอุบัตขึ้นมาได้
“ส่วนประเทศไทย มีอัตราการฉีดวัคซีนอยู่ในเกณฑ์สูงถึง 80% ซึ่งสูงกว่าอังกฤษ อเมริกา เยอรมันนี และอินเดีย และจากการที่ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ฯ ร่วมกับสถาบันการแพทย์ทั่วประเทศ สุ่มถอดรหัสพันธุกรรม ทั้งจีโนมของไวรัสโคโรนา 2019 พบว่า BA.1 สูญพันธุ์ไปแล้ว ในขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อ BA.2 รายใหม่ ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยยังไม่พบโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.4, BA.5 และ BA.2.12.1 ระบาดในประเทศ”
ขณะที่การสุ่มถอดรหัสพันธุกรรม BA.4 ทั้งจีโนมจากตัวอย่างทั่วโลก และซับมิทขึ้นบนฐานข้อมูลโควิดโลก “GISAID” พบแล้ว +667 ราย ประมาณว่า น่าจะมีการระบาดอยู่ประมาณ +2,652 ราย ส่วนการสุ่มถอดรหัสพันธุกรรม BA.5 พบ +318 ราย ประมาณระบาดอยู่ +1,000 ราย และล่าสุด สุ่มถอดรหัสพันธุกรรม BA.2.12.1 พบ +10,233 ราย ประมาณว่า น่าจะมีการระบาดอยู่ ทั่วโลกกว่า +40,000 ราย.
ที่มา : https://www.facebook.com/CMGrama/posts/5027299130711160