นักวิชาการแจ้ง สีฟ้าที่ติดตามใบต้นหอม เป็นสารเคมีตกค้าง แนะนำให้ล้างให้สะอาด ป้องกันอันตราย!!
นายเจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกรณีที่มีการแชร์คลิปวิดีโอต้นหอม มีคราบสีฟ้าติดตามใบ เมื่อเอามือลูบแล้ว สีฟ้าติดตามมือมาว่า ต้นหอมไม่ได้ย้อมสีฟ้า แต่เป็นสารเคมีทางการเกษตรที่ตกค้างอยู่เช่น ปุ๋ยเม็ดเคมีที่สีฟ้า หรือสารป้องกันกำจัดโรคพืชจำพวกเชื้อราที่เกษตรกรใช้ฉีดพ่นบนพืชผัก และไม่ใช่เรื่องใหม่ เคยเป็นข่าวมาแล้วเช่น ชาวบ้านสมุทรปราการ ไปซื้อต้นหอม แล้วมือที่จับใบต้นหอมมีสารสีฟ้าติดมือมาด้วย ต่อมามีคำอธิบายจากเกษตรกรว่า อาจเป็นพวกสารเคมีทางการเกษตรที่ใช้ใส่ลงไป แล้วตกค้างอยู่ ล้างออกไม่หมดเช่น ปุ๋ยเม็ดเคมีหรือสารป้องกันกำจัดโรคพืชจำพวกสารโปรพิเนบและสารคอปเปอร์ ไฮดรอกไซด์
- โปรพิเน็บ (propineb) เป็นสารกำจัดเชื้อรา carbamate ออกฤทธิ์ให้ผลทางด้านป้องกันโรคพืชที่เกิดตามใบ สารตกค้างออกฤทธิ์อยู่ได้นานและกำจัดไรได้ด้วย มีพิษเฉียบพลันทางปาก (หนู) 8,500 มก./กก. ทางผิวหนังมากกว่า 1,000 มก./กก. พืชที่ใช้ได้แก่ กล้วย ส้ม ฝ้าย องุ่น มันฝรั่ง ข้าว ชา มะเขือเทศ ยาสูบ ผักต่างๆ หอม กระเทียม หน่อไม้ฝรั่ง ไม้ผล ไม้ดอกและไม้ประดับทั่วไป ถ้าเข้าตา จมูก หรือถูกผิวหนัง จะมีอาการคัน เป็นผื่นแดง ถ้ากินเข้าไปจะปวดศีรษะ เซื่องซึม คลื่นเหียน อาเจียน ท้องร่วง อ่อนเพลีย
- คอปเปอร์ ไฮดรอกไซด์ (copper hydroxide) เป็นสารกำจัดเชื้อราอนินทรีย์ (inorganic) ออกฤทธิ์ให้ผลทางด้านป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราและแบคทีเรีย มีพิษเฉียบพลันทางปาก (หนู) 1,000 มก./กก. อาจทำให้ผิวหนังเกิดอาการระคายเคือง หากดวงตาและระบบหายใจเกิดอาการระคายเคือง พืชที่ใช้ได้แก่ กล้วย ถั่วต่างๆ บรอคโคลี่ กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก โกโก้ แตงแคนตาลูป แครอท คื่นฉ่าย เชอร์รี่ ส้ม กาแฟ แตงกวา องุ่น มะม่วง พริกไทย มะเขือ ฟักทอง สตรอเบอร์รี่ แอปเปิล มะเขือเทศ ผักกาดหอม มันฝรั่ง แตงโม และข้าวสาลี
“แม้สารเคมีดังกล่าว จะไม่ค่อยมีความเป็นพิษ ถ้ารับประทานเข้าไปเพียงเล็กน้อย แต่หากร่างกายได้รับในปริมาณมาก อาจจะเป็นอันตรายได้ ดังนั้นเมื่อซื้อผักสดมา แล้วพบลักษณะที่ผิดปกติ เช่น มีสารสีฟ้าอยู่บนผักควรล้างออกด้วยน้ำเปล่าให้มากที่สุดหรือแช่น้ำที่ละลายผงเบกกิ้งโซดา ก่อนล้างออกด้วยน้ำเปล่า เพื่อให้มั่นใจว่า ไม่ได้รับประทานสารเคมีการเกษตรที่ตกค้างเข้าไปในร่างกาย”