สิ่งมีชีวิต…ล้วนมีชีวิตอยู่ได้ ก็เพราะการหายใจเข้า เพื่อนำก๊าซ ออกซิเจน ไปสู่ร่างกาย มนุษย์เองก็เช่นกัน การหายใจเข้าเพื่อนำก๊าชออกซิเจนเข้าสู่ร่างกาย เป็นกระบวนการรักษาเซลล์ต่างๆ ในร่างกายให้มีชีวิตอยู่ต่อไป แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ร่างกายอยู่ในภาวะขาดอากาศหายใจ หรือร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอต่อต้องการ จะทำให้เซลล์และอวัยวะต่างๆ เริ่มตายลง จนนำไปสู่การเสียชีวิตในที่สุด
การขาดอากาศหายใจ หรือภาวะ สมองขาดออกซิเจน คืออะไร? แล้วคนเราสามารถ ขาดอากาศหายใจได้กี่นาที? บางคนบอก 3 นาที 4 นาที หรือ 5 นาที ขณะที่นักดำน้ำส่วนใหญ่ มักกลั้นหายใจได้นานกว่า 10 นาทีด้วยซ้ำ TOPPIC Time มีคำตอบมาฝาก
รู้ลึกการขาดอากาศหายใจหรือสมองขาดออกซิเจน
การขาดอากาศหายใจ หรือภาวะสมองขาดออกซิเจน คือ?
ภาวะขาดอากาศหายใจ การหยุดหายใจหรือการหายใจไม่ออก คือ เป็นภาวะการขาดออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกายอย่างรุนแรง อันเกิดจากการหายใจผิดปกติ ทำให้เลือดมีออกซิเจนน้อยกว่าปกติทั่วไป และถือเป็นภาวะที่อันตรายมากๆ เพราะอาจสร้างความเสียหายต่อเนื้อเยื่อ อวัยวะ สมองจนถึงขั้นสมองตาย เซลล์ตาย จนมีอาการโคม่า และทำให้เสียชีวิตในที่สุด
อาการของการขาดอากาศหายใจหรือสมองขาดออกซิเจน
ผู้ที่ขาดอากาศหายใจ หรือมีภาวะสมองขาดออกซิเจน จะมีอาการแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ และระยะเวลาที่สมองขาดออกซิเจน เบื้องต้นจะรู้สึกมึนงง สับสน มีเหงื่อออกมากผิดปกติ การตัดสินใจแย่ลง เคลื่อนไหวลำบาก ความจำเสื่อมชั่วคราว แต่ถ้าเราขาดอากาศหายใจหรือสมองขาดออกซิเจนเป็นเวลานานหรืออย่างรุนแรง อาจทำให้ผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีคล้ำ หายใจสั้น เร็ว หายใจติดขัด หรือหายใจมีเสียงหวีด หัวใจเต้นเร็ว ดวงตาไม่มีปฏิกิริยาต่อแสง ชัก หมดสติ และหยุดหายใจ หรือถึงขั้นสมองตายและเสียชีวิต
ร่างกายขาดอากาศหายใจ หรือสมองขาดออกซิเจน ได้กี่นาที?
อย่างที่รู้ๆ กัน สมองเป็นอวัยวะที่ต้องการหรือได้รับออกซิเจนอย่างต่อเนื่อง หากขาดออกซิเจนเพียง 4-5 นาที ก็อาจทำให้เซลล์สมองค่อยๆ ถูกทำลายและตายลง ดังนั้นเราไม่ควรขาดอากาศหายใจหรือขาดอ๊อกซิเจนเป็นเวลานานกว่า 3 นาทีนะคะ เพื่อป้องกันความเสียหายรุนแรงที่อาจขึ้นกับสมองและชีวิตตามมา
สาเหตุของการขาดอากาศหายใจหรือสมองขาดออกซิเจน
โดยสาเหตุเกิดได้หลายประการ โดยเฉพาะกับผู้ที่เป็นโรคต่างๆ อย่างโรคหลอดเลือดสมอง ภาวะหัวใจหยุดเต้น ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคหอบหืด โรคที่มีปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อที่ใช้หายใจ โรคเกี่ยวกับปอด ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ออกซิเจนและสารอาหารไปเลี้ยงสมองไม่ได้ตามปกติ
สาเหตุอื่นๆ ของการขาดอากาศหายใจหรือสมองขาดออกซิเจน
จากสาเหตุดังกล่าว ก็ยังมีสาเหตุอื่นๆ ทำให้เราขาดอากาศหายใจ หรือสมองขาดออกซิเจนได้ เช่น สำลัก จมน้ำ โดนบีบรัดที่คอ ความดันเลือดต่ำ โรคโลหิตจาง หรืออยู่ในบริเวณที่มีออกซิเจนน้อย เช่น เหตุการณ์ไฟไหม้ หรืออยู่บนที่สูงเกิน 8,000 ฟุต หรือการได้รับพิษจากก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ สารพิษไซยาไนด์ หรือการได้รับบาดเจ็บที่สมองหรือเป็นโรคสมองพิการ รวมถึงการได้รับยาในปริมาณมากเกินไป การได้รับยาที่มีผลทำให้หยุดหายใจ หรือได้รับยาสลบ หรือการทำกิจกรรมบางอย่าง เช่น เล่นฟุตบอล ชกมวย ดำน้ำ หรือปีนเขา ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะสมองขาดออกซิเจนได้เช่นกัน
การวินิจฉัยสมองขาดออกซิเจนหรือขาดอากาศหายใจ
การวินิจฉัยอาการขาดอากาศหายใจหรือสมองขาดออกซิเจน ทำได้จากการตรวจร่างกาย สอบถามเกี่ยวกับประวัติการเจ็บป่วย และกิจกรรมที่ทำล่าสุด รวมถึงอาจใช้วิธีการตรวจอื่นๆ เพื่อช่วยในการวินิจฉัย เช่น ตรวจเลือด ตรวจระดับออกซิเจน ก๊าซต่างๆ รวมถึงระดับสารเคมีที่อยู่ในเลือด หรือตรวจสมอง ตรวจดูความผิดปกติภายใน ตรวจการทำงานของเซลล์สมอง รวมถึงการตรวจหัวใจ อาจตรวจหาความผิดปกติของหัวใจร่วมด้วย
การป้องกันสมองขาดออกซิเจน
ภาวะสมองขาดออกซิเจน หรือการขาดอากาศหายใจ สามารถป้องกันได้ยาก เพราะมีหลายสาเหตุหลายปัจจัย เบื้องต้นอาจหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ที่มีควัน เช่นถนนที่มีการจราจรติดขัด หรือการลงเล่นน้ำจนทำให้เกิดการจมน้ำ ส่วนผู้ป่วยโรคต่างๆ ควรพกยาตลอดเวลา โดยเฉพาะโรคหอบหืด และพยายามหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้อาการกำเริบ รวมทั้งสังเกตตนเองเสมอว่า มีอาการผิดปกติเกิดขึ้นหรือไม่ อย่างรู้สึกจำอะไรไม่ค่อยได้ หายใจถี่ หรือเคลื่อนไหวได้ลำบากมากขึ้น
เป็นอย่างไรบ้างคะ กับความรู้เรื่อง การขาดอากาศหายใจ หรือสมองขาดออกซิเจน ซึ่งย้ำกันอีกที…คนอย่างเราๆ ขาดอากาศหายใจได้ไม่เกิน 4-5 นาที เปรียบเทียบกับนักดำน้ำเก่งๆ ไม่ได้นะคะ เพราะมนุษย์เรานั้นสามารถกลั้นหายใจในน้ำ ได้ดีกว่าบนบกเสมอ เพราะร่างกายสามารถตอบสนอง และปรับตัวให้อยู่ในสภาวะที่เหมาะกับการอยู่ในน้ำได้ ที่สำคัญพวกเขาได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี เราไม่สามารถลอกเลียนหรือทำตามได้ง่ายๆ นะคะ
ทั้งนี้ หากเราพบเห็นผู้ที่สงสัยว่า กำลังมีอาการของภาวะการ ขาดอากาศหายใจ หรือ ขาดออกซิเจน เราควรทำการการปั๊มหัวใจหรือทำ CPR เพื่อช่วยชีวิตเค้าไว้ หากทำไม่เป็น…ก็ควรหาเครื่อง AED หรือร้องขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นโดยเร็วที่สุด จากนั้นให้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลในทันที
จำไว้ให้ขึ้นใจนะคะ.