สธ.เผยตัวเลขอาการ “ป่วยทางจิต” คนไทยพุ่งเกินเท่าตัว โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน-คนทำงาน ฆ่าตัวตายสำเร็จ โดยตัวเลขเกือบ 8 คนต่อประชากรแสนคน และผู้มีภาวะซึมเศร้าสูง 2,200 ต่อแสนคน เผยปี 2566 พยายามฆ่าตัวตายถึง 2.5 หมื่นคน เร่งใช้ DMIND เชื่อมโยง “หมอพร้อม” ดูแลกลุ่มวิกฤตเสี่ยงฆ่าตัวตาย
ตะลึง! ผู้ “ป่วยทางจิต” ปี 58-66 พุ่งเท่าตัว
ปัญหาสุขภาพจิต “ป่วยทางจิต” สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยปี 2558 มีผู้ป่วยจิตเข้ารับบริการด้านจิตเวช 1.3 ล้านคน เพิ่มขึ้นเป็น 2.4 ล้านคน ในปี 2565 โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงสถานการณ์โควิด 19 พบว่า ภาวะเครียด ซึมเศร้า ฆ่าตัวตาย และภาวะหมดไฟสูงขึ้นทั้งหมด
ข้อมูลอัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จ จากกรมสุขภาพจิต ปีงบประมาณ 2562-2566 พบว่า แนวโน้มเพิ่มขึ้นจาก 7.26 เป็น 7.94 ต่อประชากรแสนคน
– กลุ่มวัยทำงานอายุ 20-59 ปี ที่มีอาการป่วยทางจิต มีจำนวนฆ่าตัวตายมากที่สุด
– แต่กลุ่มสูงอายุ 60 ปีขึ้นไป มีอัตราฆ่าตัวตายสำเร็จสูงสุด คือ 10.39 ต่อประชากรแสนคน
– จำนวนคนพยายามฆ่าตัวตายปี 2566 มีถึง 25,578 คน
– กลุ่มวัยรุ่น/นักศึกษา อายุ 15-19 ปี มีอัตราพยายามฆ่าตัวตายสูงสุด คือ 116.81 ต่อประชากรแสนคน
สอดคล้องกับข้อมูลศูนย์ความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์เพื่อการแพทย์ด้านจิตเวช (AIMET) ที่ประเมินว่า มีเยาวชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ตรวจพบอาการซึมเศร้าสูงถึง 2,200 ต่อประชากรแสนคน
ใช้ AI – หมอพร้อม คัดกรองผู้ป่วยทางจิต
กรมสุขภาพจิต ได้ร่วมกับ คณะแพทยศาสตร์ และคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พัฒนาปัญญาประดิษฐ์ Detection and Monitoring Intelligence Network for Depression (DMIND) เพื่อคัดกรองผู้ที่มีภาวะซึมเศร้า มีความแม่นยำ เข้าถึงง่าย ใช้สะดวก ดูแลผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ซึ่งมีการเชื่อมต่อช่องทางการสื่อสารกับไลน์
วิธีการ-ขั้นตอนการคัดกรองผู้ป่วยทางจิต
“หมอพร้อม” เลือกเมนูคุยกับหมอพร้อม (Chatbot) และเลือกเมนูตรวจสุขภาพใจ เพื่อตอบคำถามจากข้อความคุณลักษณะเฉพาะ พร้อมมีระบบ ตรวจจับการแสดงออกทางหน้าตา น้ำเสียง และประเมินภาวะซึมเศร้าเป็นคะแนน 4 ระดับ
– ปกติสีน้ำเงิน
– เสี่ยงต่ำหรือเสี่ยงน้อยสีเขียว
– เสี่ยงปานกลางสีเหลือง กลุ่มนี้นักจิตวิทยาจะติดต่อกลับให้คำปรึกษาภายใน 7 วัน
– เสี่ยงรุนแรงสีแดง จะติดต่อกลับภายใน 1-24 ชั่วโมง
สถิติฟ้อง “ป่วยทางจิต“ ระส่ำคนไทย
ตั้งแต่ เมษายน 2565 – ธันวาคม 2566 มีผู้ใช้บริการ DMIND ทำแบบประเมินสุขภาพจิต 180,993 ราย แบ่งเป็น ผู้ที่ปกติ 18,906 ราย ผู้มีความเสี่ยงน้อย 113,400 ราย ผู้มีความเสี่ยงปานกลาง 33,039 ราย และผู้มีความเสี่ยงรุนแรง 15,648 ราย หรือคิดเป็น 8.1% มีการยินยอมให้ติดตาม 1,118 คน ติดตามสำเร็จ 778 คน โดยกระบวนการติดตามจะดูว่ามีกรณีเสี่ยงฆ่าตัวตายหรือไม่ หากเสี่ยงรุนแรง จะส่งต่อไปยัง Hope Task Force ทีมปฏิบัติการพิเศษป้องกันการฆ่าตัวตายให้การดูแล
ทั้งนี้ การเชื่อมโยงข้อมูลระหว่าง DMIND กับระบบหมอพร้อม ทำให้การดำเนินงานสะดวกมากยิ่งขึ้น ในอนาคตจึงอาจมีการเพิ่มฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ให้มากขึ้น เช่น
– มีแพทย์ AI ให้เลือกพูดคุยปรึกษามากขึ้น จากเดิมที่มีเพียงแพทย์ AI ผู้หญิง จะเพิ่มทั้งแพทย์ AI ผู้ชาย และมีอายุหลากหลายมากขึ้น
– ปรับการพูดคุยของผู้ใช้งานให้เป็นธรรมชาติและกระชับมากขึ้น
-ในอนาคตจะเพิ่ม การวิเคราะห์ผู้ใช้งานตาม User Journey เพื่อให้สามารถเข้าใจบริบทของผู้ใช้งาน และสามารถนำข้อมูลที่ได้มาปรับใช้ในการดำเนินงาน
– ปลดล็อกในส่วนการช่วยเหลือผู้ป่วยขั้นวิกฤต ตามกฎหมายของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ช่วยเพิ่มการเข้าถึงการติดตามกลุ่มวิกฤต ที่เสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายจากการประเมินของ DMIND ทำให้มีความสะดวก และสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้ทันท่วงที.