อุจจาระแคปซูล ฟังแล้วก็ยังงงๆ TOPPIC Time ต้องยอมรับเลยว่า มากกว่างงคือตกใจ!! อะไรคือ การนำอุจจาระมาใส่แคปซูล และนำมากินเพื่อปรับสมดุลให้กับ ไมโครไบโอม เพราะในอุจจาระแคปซูลที่สกัดมานั้น สามารถปลูกถ่าย จุลินทรีย์ ที่ดีต่อร่างกายและใช้รักษาโรคต่างๆ ได้ อย่างไมเกรน เบาหวาน ความดัน ภูมิแพ้ อ้วนผอมไม่รู้สาเหตุ รวมไปถึงสมาธิสั้น และอารมณ์ด้วย โอ้ว…โลกนี้ไปไกลมากแม่เจ้า วิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ก็เช่นกัน ทำใจดีๆ วันนี้จะมีสาระแน เอ้ย…สาระนะ!!
เนื่องจากวันก่อนได้ไปร่วมงาน ความร่วมมือกันระหว่างโรงพยาบาลวิมุต และ AMILI (แอมิลิ) บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพด้านจุลชีพในลำไส้ เพื่อนำนวัตกรรมสุดล้ำ ในการตรวจ ไมโครไบโอม ในระบบทางเดินอาหาร มาใช้ในโรงพยาบาล เพื่อยกระดับเทคโนโลยีทางการแพทย์ของโรงพยาบาลวิมุต ในการดูแลเชิงป้องกัน และความหวังของการรักษาโรคร้ายในอนาคต
รู้จัก ไมโครไบโอม ความสมดุลของระบบนิเวศจุลินทรีย์ ที่มา อุจจาระแคปซูล
เอ่าล่ะ…ฟังมาถึงตรงนี้ก็ยังงงๆ แต่อยากให้เข้าใจเรื่องราวก่อน อันดับแรกคือเราต้องรู้จัก ไมโครไบโอม ว่ามันคืออะไร? ไมโครไบโอม หรือ Microbiome คือชื่อเรียก “ระบบนิเวศ” ของ “จุลินทรีย์” ที่อาศัยอยู่ในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งเป็นแหล่งรวมจุลินทรีย์ หรือ “โพรไบโอติกส์” ที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย และใน ไมโครไบโอม นี่แหล่ะ ที่มี “โพรไบโอติกส์” ทั้งตัวที่ดีและไม่ดีรวมกันอยู่
โดยในทางการแพทย์ระบุว่า ไมโครไบโอมในระบบทางเดินอาหาร (Gut Microbiome) เมื่อไหร่ก็ตามที่ Gut Microbiome มีความสมดุล คือ มีจำนวนจุลินทรีย์ที่ดี และหลากหลายสายพันธุ์มากพอ ก็จะถือว่าเป็นเรื่องราวดีๆ ของร่างกาย เพราะการมีจุลินทรีย์ดีและมากพอใน ไมโครไบโอม จะช่วยทำหน้าที่ในการย่อยอาหาร ช่วยเสริมการเผาผลาญ และดูแลระบบภูมิกันให้ดีได้ นอกจากนี้ยังช่วยปรับสมดุลให้กับร่างกาย สมอง และอารมณ์ได้อีกด้วย
เรื่องราวของ ไมโครไบโอม เนี่ยะ…ได้รับการวิจัยมาอย่างต่อเนื่อง จนพบว่า การรักษาสมดุลด้วย ไมโครไบโอม ในลำไส้ ถือเป็นวิธีที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันโดยรวม ในการป้องกันโรคร้าย และยังสร้างสุขภาพที่ดี ซึ่งได้ทั้ง “สุขภาพกาย” และ “สุขภาพใจ” ได้ในระยะยาวด้วย
ฟังมาครึ่งทาง เริ่มเห็นความดีความชอบของเจ้าจุลินทรีย์ที่อยู่ในระบบ ไมโครไบโอม ของร่างกายเราเสียแล้ว ไม่แปลกเลยทำไม สาวปั่นจักรยานขายนมเปรี้ยว ถึงขายดีมากๆ ทั้งที่นมก็เปรี๊ยวเปรี้ยวเนอะ ว่าซั่น!! และยิ่งในวงการแพทย์ วงการวิทยาศาสตร์ วงการความงามทั่วโลกในยุคปัจจุบัน ต่างให้ความสนใจการดูแลสุขภาพ ด้วยการปรับสมดุลจุลินทรีย์ในร่างกาย จะพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ การหันมาดูแลไมโครไบโอมให้ดี เพื่อช่วยทั้งเรื่องความสวยความงาม ร่างกายแข็งแรง รวมไปถึงสุขภาพจิตที่ดีด้วย
ไมโครไบโอม เทรนด์เสริมความงาม เทรนด์การรักษาโรคระดับโลก
ท่านนี้พูดไว้อย่างสนใจ ถึงที่มีที่ไประบบนิเวศน์ของจุลินทรีย์ นายแพทย์พิชิต กังวลกิจ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลวิมุต จำกัด กล่าวว่า เทคโนโลยีช่วยวิเคราะห์ ไมโครไบโอม ถือเป็นเทรนด์สุขภาพที่กำลังมาแรง หลังจากที่ทั่วโลกต่างหันมาสนใจเรื่อง สุขภาพก่อนล้มป่วย โดยอิงจาก Research Reports World (RRW) เปิดเผยข้อมูลว่า ตลาดไมโครไบโอมทั่วโลก มีมูลค่าถึง 743 ล้านดอลล่าร์สหรัฐในปี 2565 และจะแตะ 3,523 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ภายในปี 2571 นั่นหมายความว่า “ไมโครไบโอม” มีผลต่อสุขภาพที่ดีและการรักษาโรคจริงๆ ทั่วโลกจึงหันมาให้ความสนใจจริงๆ
รพ.วิมุต จึงคิดนำนวัตกรรมด้าน ไมโครไบโอม มาใช้ โดยร่วมทุนกับ Amili ซึ่งเป็นบริษัทเฮลท์เทคจากสิงคโปร์ ที่พัฒนาเทคโนโลยีด้านจุลชีพในลำไส้ และมีฐานข้อมูลและตัวอย่างไมโครไอโอมจากคนหลากหลายเชื้อชาติ และยังเป็น “ธนาคารไมโครไบโอมแห่งแรก” ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในการร่วมทำแล็บหรือห้องปฏิบัติการด้านไมโครไบโอมแห่งแรกในไทย ซึ่งคาดว่าจะเปิดได้ภายในปี 2567 นี้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าแล็บจะยังไม่สำเร็จ แต่วันนี้ รพ.วิมุต ได้เปิดให้มีการตรวจวิเคราะห์ ไมโครไบโอม ได้แล้ว โดยเรียกว่า “โปรแกรมตรวจสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้เฉพาะบุคคล” หรือ Gut Microbiome Test โดยมุ่งหวังให้คนไทยได้เข้าถึงการตรวจวินิจฉัยโรคและรักษาอย่างตรงจุด และช่วยให้แพทย์สามารถแนะนำการปรับสมดุลจุลินทรีย์ ให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
ในการร่วมมือครั้งนี้แหล่ะ ที่จะเป็นจุดเริ่มต้นของ อุจจาระแคปซูล เพราะหลังจากก่อตั้งแล็บสำเร็จ ศูนย์แล็บของ รพ.วิมุต จะสามารถทำการตรวจสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้เฉพาะบุคคล ที่ทราบผลได้ภายใน 1 วัน ซึ่งถือว่าเป็นแล็บที่ตรวจ ไมโครไบโอม ได้เร็วที่สุดในโลก ซึ่งจากนั้นแพทย์จะทำการวิเคราะห์ระบบนิเวศของลำไส้ ก่อนจะทำการปรับสมดุลและรักษาโรคเฉพาะรายบุคคล ไปฟังคุณหมอกันต่อบ้าง…
จุลินทรีย์ในลำไส้ ก่อให้เกิดโรค…
นายแพทย์กุลเทพ รัตนโกวิท แพทย์ผู้ชำนาญการรักษาโรคระบบทางเดินทางอาหาร และตับ ระบบประสาทและการเคลื่อนไหวทางเดินอาหาร หัวหน้าศูนย์ทางเดินอาหารและตับ บอกกับ TOPPIC Time ว่า…เชื่อว่า หลายคนไม่ทราบว่า การดูแลสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ เป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญ ที่ทำให้ระบบต่างๆ ของร่างกายทำงานได้อย่างปกติ เมื่อไหร่ก็ตามที่ “จุลินทรีย์ในลำไส้” เกิดภาวะไม่สมดุล เราจะต้องเผชิญกับอาการเจ็บป่วยต่างๆ ยกตัวอย่างให้ฟัง อย่าง…
– สำไส้แปรปรวน
– ท้องผูก
– ท้องเสียประจำ
– ระบบการเผาผลาญไม่ดี
– ระบบภูมิคุ้มกันไม่ดี
– อ้วนไม่มีสาเหตุ
อาการนี่แหล่ะมาจาก จุลินทรีย์ ในลำไส้ ถึงบอกว่า การได้ทำ Gut Microbiome Test มันเหมือนว่าเรา ได้เปรียบโรคภัย เพราะเราจะรู้ว่า ร่างกายขาดจุลินทรีย์ที่ดีตัวไหน หรือมีจุลินทรีย์ไม่ดีมากเกินไปหรือเปล่า โดยที่ไม่ต้องรอให้อาการเจ็บป่วยแสดงออกมาเลย และทีนี้เราสามารถปรับการรับประทานอาหาร เปลี่ยนพฤติกรรมหรือไลฟ์สไตล์ ก็จะช่วยให้ได้อย่างตรุงจุด
โรคที่ต้องรักษาด้วยการปลูกถ่ายจุลินทรีย์ในลำไส้
การรับประทาน โพรไบโอติกส์ ที่มีสูตรและสายพันธุ์จุลินทรีย์ที่เหมาะสมกับสุขภาพลำไส้ ตามผลการตรวจ Gut Microbiome Test จึงจะช่วยรักษาโรคให้เราได้จริง รวมไปถึงโรคที่รักษาด้วยยาไม่หายด้วย
รู้หรือไม่? สมัยโบราณ ก็มีความเชื่อว่า All Diseases Begins in the Gut. สุขภาพดีเริ่มต้นที่ลำไส้ นายแพทย์เจเรมี ลิมป์ ผู้ก่อตั้ง AMILI และเชี่ยวชาญด้านจุลินทรีย์ในลำไส้ บอกว่า จุลินทรีย์ของคนไทย หรือคนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กับคนยุโรป ตะวันตก ก็แตกต่างกันไป เนื่องจากอาหารที่รับประทานไม่เหมือนกัน การทานอาหารที่ดี ก็จะทำให้เรามีจุลินทรีย์สูง
แล้วรู้มั้ยว่า…การผลิตฮอร์โมนเดปามีน 99% เริ่มต้นที่ลำไส้ ไม่ใช่สมอง ความรู้สึกดี หรือรู้สึกไม่ดี ต่อสิ่งต่างๆ ก็เกิดจากลำไส้ ไม่ใช่สมองเช่นกัน งานวิจัยระบุไว้ว่า…มะเร็งลำไส้ ก็เกิดจาก จุลินทรีย์ ในลำไส้ได้เช่นกัน เค้าจึงนำงานวิจัยมาต่อยอด ด้วยการปลูกถ่ายจุลินทรีย์ในลำไส้ จากที่มีจุลินทรีย์น้อย ให้มีจุลินทรีย์เพิ่มปริมาณขึ้น ก็จะทำให้มีจุลินทรีย์ที่ดีและแข็งแรงมากขึ้น ซึ่งตรงนี้มีผลดีกับร่างกายและสมองโดยตรง
ขณะเดียวกัน มีผู้ป่วยรายหนึ่ง มารักษากับแพทย์ด้วยอาการท้องอืดท้องเฟ้อ หลังจากที่ทานยาแล้วไม่หาย จากการที่แพทย์รักษาเขาด้วยวิธีการปลูกถ่ายจุลินทรีย์ ทำให้อาการดังกล่าวของเขาหายไป และนอกเหนือจากนั้นอาการสมาธิสั้นของเขา…ก็หายไปด้วย การปลูกถ่ายและจัดการกับ ไมโครไบโอม ให้สมดุลล้วนส่งผลให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น โดยโรคที่ต้องรักษาด้วยการปลูกถ่ายจุลินทรีย์ ก็คือโรคที่ติดเชื้อซ้ำ หรือลำไส้อักเสบเรื้อรัง
การปลูกถ่ายจุลินทรีย์ = การกิน ‘อุจจาระแคปซูล’
นายแพทย์พิชิต บอกอีกว่า “อุจจาระแคปซูล” ก็มาจากเรื่องราวดังกล่าวข้างต้น ตั้งแต่การตรวจ Gut Microbiome Test จึงทำให้เกิดบริษัทที่ลงทุนนับ 10 ล้าน เพื่อการผลิตโพรไบโอติกส์ที่ดีต่อเรา และใช้เพื่อการรักษาเราโดยเฉพาะ การปลูกถ่ายจุลินทรีย์และผลิตโพรไบโอติกส์ จะเริ่มตั้งแต่การขอรับบริจาคอุจจาระ จากผู้ที่มีสุขภาพดี จากนั้นก็จะไปรับอุจจาระนั้นมาตรวจ ซึ่งก็ต้องผ่านกระบวนการอีกมากมาย แน่นอน…อ่านมาถึงตรงนี้ รู้สึกคัดค้านหัวใจยิ่งนัก ไหนบอกว่า อุจจาระ ปัสสาวะ รวมไปถึงเหงื่อ นั่นคือของเสียที่ร่างกายขับออกมานะ
แต่คุณๆ รู้มั้ย? การจะนำอุจจาระที่บริจาค มาทำเป็นแคปซูลยา หรือที่เรียกว่า อุจจาระแคปซูล นั้น จะผ่านกระบวนการสกัดเป็นยาได้ จะต้องมีการสกรีนเชื้อโรคออกไปให้หมด โดยทำซ้ำแล้วซ้ำอีก หลักก็คล้ายๆ กับการบริจาคเลือด และนำเลือดมาตรวจสอบ จนนำมาปั่น ก่อนจะนำไปใช้กับผู้ป่วยได้ การเลือกอุจจาระบริจาค ก็สำคัญเช่นกัน คนๆ นั้นต้องสุขภาพดีสุดๆ มีระบบไมโครไบโอมสมดุลมากๆ ถึงจะนำมาสกัดเป็นยาได้ และเมื่อได้มาแล้วก็นำเชื้อจุลินทรีย์ที่ดีนั้น ไปเก็บในความเย็นสูง เพื่อรักษาอุณหภูมิและคุณภาพของจุลินทรีย์เอง ก่อนนำไปใช้กับผู้ป่วยนั่นเอง
ก็อย่างที่บอกว่า โลกนี้ไปไกลมากๆ ในอดีตเป็นการรักษาโรคด้วยยาปฏิชีวนะ แต่จากนี้ไปจะมีการนำ จุลินทรีย์ มาใช้รักษาโรคแล้ว ซึ่งจุลินทรีย์ดังกล่าว คืออยู่ในลำไส้ แล้วจะเอาออกมาได้ ก็คือต้องขับออกมาเป็นอุจจาระ ก่อนที่จะไปผ่านขั้นตอนทางวิทยาศาสตร์ แล้วดึงจุลินทรีย์ที่ดีออกมาจากอุจจาระ จึงนำมาทำเป็น อุจจาระแคปซูล เพื่อรักษาโรคให้กับตัวเอง และเพื่อปรับสมดุลให้สุขภาพและมีชีวิตที่ดียิ่งขึ้นสืบไป
เรียนตามตรงจากการสัมภาษณ์ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกของโลกใบนี้ แค่มันแปลกใหม่และว้าวสำหรับเราเท่านั้น ดังเช่นการจะกิน อุจจาระแคปซูล ได้ ก็ต้องเข้าใจเรื่องราวของมันก่อน นี่แหล่ะบทความจึงยาว!!
บอกเลยเปิดโลกมากๆ อ่านแล้วนำเรื่องราวดีๆ แบบนี้ไปเล่าต่อด้วยนะ ตอนแรกก็นึกว่าจะอีก 10 ปีถึงจะเป็นจริง เปล่าเลยจ้า พรุ่งนี้ก็ไปตรวจจุลินทรีย์ในลำไส้ ตามโปรแกรม Gut Microbiome Test ที่ รพ.วิมุตได้เลย ไว้ได้ผลออกมาอย่างไร จะมาบอกต่ออีกนะ
วันนี้ไปก่อน…แต่แอบเสียใจอย่างเดียว ทำไมขายได้ไม่ได้นะ ทำไมถึงบริจาคอย่างเดียว ถ้าขายดี…คงดีน่าดู!! รวยๆ (ฮ่าๆ).