“การสูญเสียคนรัก” เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเผชิญในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียของรัก สิ่งของ หรือบุคคลอันเป็นที่รัก หลายคนอาจรู้สึกไม่ทันตั้งตัว ต้องใช้เวลานานในการยอมรับความจริง และความเศร้าที่เกิดขึ้นอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้
TOPPIC Time จะพาไปพูดคุยกับ แพทย์หญิงณัฏฐพัชร์ ลำเลียงพล จิตแพทย์โรงพยาบาล BMHH – Bangkok Mental Health Hospital ที่ได้กล่าวว่า การสูญเสียคนรัก เป็นหนึ่งในประสบการณ์ที่ยากลำบากที่สุดในชีวิต ความรู้สึกเศร้า เสียใจ โหยหา และสิ้นหวังเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ จนทำให้หลายคนเกิดความเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรม หลังจากช่วงเวลาแห่งการสูญเสีย ซึ่งหากไม่ได้รับการดูแลที่ถูกต้อง ก็จะส่งผลต่อสุขภาพจิตในทางลบเป็นอย่างมาก โดยสภาพจิตใจของผู้ที่ได้รับความกระทบกระเทือน หลังการสูญเสียบุคคลที่รักมีหลายรูปแบบด้วยกัน เช่น
อาการทางความรู้สึก เมื่อเกิด “การสูญเสียคนรัก”
- เศร้า มึนชา ช็อค โกรธที่ตัวเองไม่สามารถป้องกันการตายนั้นได้ โกรธที่ผู้ตายทิ้งตัวเองไป โกรธที่หมอไม่สามารถรักษาผู้ตายได้ ความโกรธที่น่ากลัวที่สุดคือ การโกรธตัวเอง จนบางคนคิดอยากฆ่าตัวตายตามผู้ตายไป
- สิ้นหวัง รู้สึกว่าอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีผู้ตาย
- ความวิตกกังวล กลัวว่าจะอยู่โดยไม่มีผู้ตายไม่ได้
- รู้สึกโดดเดี่ยว
- รู้สึกโหยหา
- หมดอาลัยตายอยาก
- บางคนอาจมีความรู้สึกโล่งอก เช่น กรณีผู้ตายเจ็บป่วยทุกข์ทรมานมานาน เมื่อเขาจากไป คนข้างหลังอาจเกิดความรู้สึกโล่งใจที่เห็นเขาหมดทุกข์
อาการทางกาย เมื่อเกิด “การสูญเสียคนรัก”
- แน่นหน้าอก หายใจไม่อิ่ม เหนื่อยล้าอ่อนแรง หมดพลัง
อาการทางความคิด เมื่อเกิด “การสูญเสียคนรัก”
- ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาเสียไปแล้ว
- คิดหมกมุ่นวนเวียนถึงผู้ตาย
- มีอาการสับสน
- บางคนอาจมีหูแว่วเสียงผู้ตาย เห็นภาพหลอนเป็นภาพผู้ตาย
อาการทางพฤติกรรม เมื่อเกิด “การสูญเสียคนรัก”
- นอนไม่หลับ
- กินไม่ได้
- เหม่อลอย ใจลอย
- แยกตัวจากสังคม
- ฝันถึงผู้ตาย
- เรียกหาผู้ตาย โดยอาจเรียกในใจหรือเรียกออกเสียง
- ไปยังสถานที่ที่ทำให้นึกถึงผู้ตาย นำสิ่งของของผู้ตายติดตัว ใส่เสื้อผ้าหรือใช้สิ่งของของผู้ตาย
ซึ่งอาการเหล่านี้เกิดขึ้นได้ในช่วงแรกของการสูญเสีย แต่ถ้าเวลาผ่านไปแล้ว อาการเหล่านี้ยังไม่ลดลง หรือเป็นมากขึ้นจนไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ก็อาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคซึมเศร้า
ดังนั้น การเรียนรู้เพื่อรับมือที่จะก้าวข้ามผ่านความสูญเสียและยอมรับความจริง จะช่วยให้ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ และสามารถช่วยให้ใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติ
4 วิธีรับมือ “การสูญเสียคนรัก”
1. ยอมรับความจริงว่ามีการสูญเสียเกิดขึ้น
ต้องยอมรับความจริงว่า “เขาตายไปแล้วไม่สามารถมาเจอกันได้อีก” แต่ถ้ายังไม่ยอมรับการสูญเสียก็สามารถสังเกตอาการได้ดังนี้ เก็บข้าวของผู้ตายไว้ ทำเหมือนการสูญเสียเป็นเรื่องไม่สำคัญ หรือ พยายามติดต่อกับวิญญาณผู้ตาย
2. รับรู้ความเจ็บปวดจากการสูญเสีย
ความเจ็บปวดจากการสูญเสียเป็นเรื่องปกติ การพยายามเลี่ยงหรือเก็บกดความรู้สึกไว้จะยิ่งทำให้กระบวนการก้าวข้ามความสูญเสียเป็นไปได้ช้าลง ดังนั้น ต้องยอมรับความรู้สึกสูญเสียที่เกิดขึ้น ระบายความรู้สึกออกมาด้วยการพูด การเขียน หรือร้องไห้
3. ปรับตัวอยู่กับสิ่งแวดล้อมใหม่ที่ไม่มีคนรัก
ขึ้นอยู่กับผู้ตายเคยมีภาระหน้าที่ใด ผู้ที่ยังอยู่ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ต่อให้ได้และปรับการดำเนินชีวิตต่อไปโดยไม่มีบุคลลอันที่เป็นทีรักแล้ว
4. ความรู้สึกสูญเสียเบาลงและเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่
หลายคนพอสูญเสียคู่ครองจะไม่กล้าเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่ อาจคิดว่าเป็นการไม่ซื่อสัตย์กับผู้เสียชีวิต กลัวสูญเสียคนใหม่อีก กลัวมีปัญหากับลูก หรือคิดว่าไม่สามารถรักใครได้อีกแล้ว ต้องทำความเข้าใจใหม่ว่า “การรักคนใหม่ไม่ได้ทำให้ความรักที่มีต่อคนเก่าลดลงเลย”
ทั้งนี้ ควรสังเกตอาการตัวเองหลัง “การสูญเสียคนรัก” ว่า ยังคงมีความรู้สึกเสียใจนานเกิน 3-6 เดือน หรือมีความเสียใจเรื้อรังจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันหรือไม่ เช่น เก็บตัวไม่ออกไปพบใครนานนับเดือน อยากตายตามคนที่เรารักไป นอนไม่หลับอย่างต่อเนื่อง ละเลยสุขอนามัยจนร่างกายอ่อนแอ แนะนำให้มาปรึกษาจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาเพื่อรับการรักษาและคำแนะนำอย่างเหมาะสม.