“โรคฮิตวัยทำงาน” กับ 4 คลินิกเฉพาะทาง สำหรับ “วัยทำงาน” ยุคใหม่ ที่ รพ.วิมุต เล็งเห็นปัญหาสุขภาพ ไม่ใช่แค่ป่วยหนักแล้วถึงมาหาหมอ ล่าสุดในงานเปิดตัวคลินิกเฉพาะทางของ รพ.วิมุต TOPPIC Time ได้ข้อมูลมาฝากเพียบ ไปดูโรคที่วัยทำงานอย่างเราต้องเผชิญ น่ากลัวอยู่นะ!!
4 “โรคฮิตวัยทำงาน” กับสาเหตุของปัญหาสุขภาพ
จากสถิติปี 2566 พบว่า ประเทศไทยมีประชากรวัยแรงงาน ตั้งแต่อายุ 15 ปีขึ้นไป ทั้งสิ้น 58.92 ล้านคน และจากผลสำรวจของสถาบันวิจัยจีเอฟเค ยังพบว่า คนไทยมีชั่วโมงการทำงานสูงถึงสัปดาห์ละ 50.9 ชั่วโมง ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่สัปดาห์ละ 40-44 ชั่วโมง โดยตัวเลขชั่วโมงการทำงานที่ยาวนานเกินค่าเฉลี่ยของคนไทย สะท้อนถึงความเสี่ยงในการล้มป่วยของด้วยโรคฮิตคนวัยทำงานหลายโรค ที่ล้วนมีปัจจัยจากไลฟ์สไตล์ที่ไม่สมดุล การพักผ่อนน้อย-ออกกำลังกายไม่เพียงพอ การรับประทานอาหารไม่เหมาะสม ความเครียด ฝุ่นและมลภาวะ รวมถึงการนั่งจ้องหน้าจอเป็นเวลานานติดต่อกัน
ปัญหาสุขภาพ ของคน “วัยทำงาน”
นายแพทย์สมบูรณ์ ทศบวร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิมุต กล่าวว่า “ปัญหาสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ ที่ต้องใส่ใจเป็นอันดับต้นๆ ของคนทุกเพศทุกวัย และโดยเฉพาะใน “วัยทำงาน” ที่เน้นทุ่มเททำงานเพื่อเลี้ยงตนเองและครอบครัว ทำให้ไม่มีเวลาดูแลสุขภาพ ละเลยสัญญาณที่ร่างกายแสดงออกมา บ่อยครั้งกว่าจะรู้ตัวก็ป่วยหนัก รพ.วิมุต มุ่งมั่นมอบการดูแลสุขภาพที่เข้าใจของคนทุกวัย จึงได้เปิด 4 คลินิกเฉพาะทาง ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้ชำนาญการ ได้แก่ คลินิกปวดศีรษะ, คลินิกกรดไหลย้อนและท้องผูก, คลินิกหัวใจเต้นผิดจังหวะ และคลินิกโรคจมูกและไซนัส เพิ่มศักยภาพในการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคยอดฮิต และผู้ป่วยที่มีอาการจากโรคที่เป็นภัยเงียบ อาทิ โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคกรดไหลย้อน โรคไมเกรน โรคไซนัสอักเสบ และโรคภูมิแพ้”
ประชากรโลก 1 พันล้านคน เป็นโรคไมเกรน
นพ.กฤตวิทย์ รุ่งแจ้ง อายุรแพทย์ผู้ชำนาญการด้านสมองและระบบประสาท เผยสถิติโรคปวดศีรษะ ว่า “ผลสำรวจองค์การอนามัยโลก (WHO) ชี้ว่าความชุกของโรคปวดศีรษะ มีมากถึง 40% หมายความว่า ประชากรโลกราว 7 พันล้านคน มีคนปวดศีรษะถึง 3.1 พันล้านคน นอกจากนี้ในจำนวนดังกล่าว เป็น “โรคโมเกรน” ประมาณ 1 พันล้านคน โดย 15% ของผู้ปวดศีรษะ รายงานว่า เป็นการปวดศีรษะรุนแรง ซึ่งอาจมีสาเหตุจากการอักเสบติดเชื้อ เนื้องอกในสมอง หรือมีเลือดออกในสมอง และสามารถนำไปสู่การเสียชีวิตหรือพิการได้ หากไม่รีบพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัย
สำหรับกลุ่มคน “วัยทำงาน” ต้องเน้นย้ำว่าแม้สาเหตุส่วนใหญ่ของการปวดหัวจะมาจากความเครียดการพักผ่อนไม่เพียงพอ แต่ก็ยังมีปัจจัยกระตุ้นอีกมากมายที่ทำให้ปวดศีรษะ ไม่อยากให้ทำงานหนักจนละเลยสัญญาณเตือนของร่างกาย หากมีอาการปวดหัวเรื้อรังหรือปวดแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โดยเฉพาะเมื่อปวดมากผิดปกติ ควรไปพบแพทย์ทันที รวมถึงหากมีอาการร่วม อาทิ ชา แขนขาอ่อนแรง คลื่นไส้ ภาพเบลอ หน้าเบี้ยว หมดสติ ควรพบแพทย์โดยเร็วที่สุด และที่สำคัญไม่ควรซื้อยามารับประทานเองเด็ดขาด”
กรดไหลย้อนและท้องผูก “โรคฮิตวัยทำงาน”
ด้าน นพ.กุลเทพ รัตนโกวิท อายุรแพทย์ผู้ชำนาญการโรคระบบทางเดินอาหาร เล่าถึงสาเหตุของโรคกรดไหลย้อนและท้องผูกในกลุ่มคนทำงานว่า “”โรคกรดไหลย้อน” พบบ่อยมากในกลุ่ม “วัยทำงาน” เพราะไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบทำให้กินอาหารไม่เป็นเวลา เคี้ยวไม่ละเอียด ความเครียดสะสม การกินของมันของทอด น้ำอัดลม รวมถึงแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ ก็ล้วนมีปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อนทั้งสิ้น ในไทยผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อนมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของคนยุคนี้ โดยอาการที่เข้าข่ายกรดไหลย้อน รวมถึงแสบยอดอก กลืนลำบาก ปวดท้อง อาหารไม่ย่อย หรือการขับถ่ายที่ไม่ปกติ เมื่อพบอาการเหล่านี้ ควรรีบพบแพทย์ก่อนเกิดอาการแทรกซ้อนจนอาจอันตรายถึงชีวิตได้
สำหรับ “ท้องผูก” เป็นอาการที่พบบ่อยในคนไทยเช่นกัน จากการเร่งรีบ ไม่เข้าห้องน้ำ เข้าไม่เป็นเวลา หรือ ข้ามการขับถ่ายไป โดยเฉพาะในกลุ่มอายุ 20 – 40 ปี พบว่า เป็นโรคท้องผูกถึงร้อยละ 57 และพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โดยสาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัจจัยเรื่องการรับประทานอาหาร ดื่มน้ำน้อย การผ่าตัด อุบัติเหตุ หรือความเจ็บป่วยอื่นๆ รวมถึงภาวะเครียดก็ส่งผลต่อการขับถ่ายด้วย สิ่งที่น่ากังวลคือ คนส่วนใหญ่มักคิดว่าเป็นเรื่องปกติและปล่อยทิ้งไว้จนอาการเรื้อรัง และส่งผลต่อการใช้ชีวิต ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจส่งผลต่อความเสี่ยงถึงชีวิต ซึ่งจริงๆ แล้วทั้งสองโรคนี้สามารถดีขึ้นได้ด้วยความตั้งใจของผู้ป่วย ในการหันมาปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์อย่างจริงจัง เพราะนอกจากจะหายจากโรคแล้วยังทำให้ไม่กลับไปเป็นซ้ำอีกด้วย”
ความเครียด “วัยทำงาน” ภัยเงียบโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
นายแพทย์ศรัณย์พงศ์ ภิบาลญาติ อายุรแพทย์ผู้ชำนาญการโรคหัวใจ เผยว่าโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นภัยเงียบจากความเครียดที่ไม่ควรละเลย “”โรคหัวใจ” เป็นอีกหนึ่งใน “โรคฮิตวัยทำงาน” เพราะการหักโหมทำงานจนเครียด พักผ่อนน้อย บวกกับการกินอาหารที่มีไขมันสูง-รสจัด ไม่ได้ออกกำลังกาย จึงทำให้ปัจจุบันคนเป็นโรคหัวใจได้ง่ายขึ้นกว่าเมื่อก่อน โดยโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นภาวะที่หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะตามธรรมชาติ จนส่งผลให้การบีบกล้ามเนื้อหัวใจ 2 ห้องบนไม่สัมพันธ์กัน โดยโรคนี้ถือเป็นภัยเงียบ เพราะร้อยละ 15 – 46 ของผู้ป่วยไม่มีอาการปรากฏ ส่วนสัญญาณเตือนที่พบบ่อย ได้แก่ อาการใจสั่น อ่อนเพลีย หายใจติดขัด และแน่นหน้าอก หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและแนวทางการรักษา หลายคนยังเข้าใจผิดว่าโรคนี้ไม่ร้ายแรง ทว่าหากเกิดอาการร่วมหรือปัจจัยกระตุ้นอื่นๆ ก็อาจเสี่ยงเสียชีวิตจากหัวใจล้มเหลว เกิดเป็นลมหมดสติไป อาจหมดสติขณะขับรถ หรือขณะข้ามถนน เกิดลิ่มเลือดไปอุดตันสมอง
สำหรับวิธีรักษาหัวใจให้แข็งแรง คือการหลีกเลี่ยงความเครียด เพราะเมื่อเราเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนและสารสื่อประสาทหลายประเภท ไปกระตุ้นหัวใจให้เต้นเร็วห รือเต้นผิดจังหวะได้ นอกจากนี้ ควรรับประทานอาหารที่มีโปรตีนและโอเมก้า 3 รวมถึงผัก-ผลไม้ และธัญพืช ลดอาหารไขมันสูง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ แอลกอฮอล์ และการบริโภคคาเฟอีนในปริมาณที่สูงเกินไป เพราะเป็นการกระตุ้นหัวใจให้เต้นเร็วขึ้น”
ไซนัสอักเสบ โรคฮิตวัยทำงาน
ผศ.พญ.กวินญรัตน์ จิตรอรุณฑ์ แพทย์เฉพาะทางสาขา นาสิกวิทยาและภูมิแพ้ อธิบายถึงสาเหตุที่คนส่วนใหญ่มักเป็นไซนัสอักเสบแบบเป็นๆ หายๆ “”โรคไซนัสอักเสบ” เกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา โรคภูมิแพ้ มลภาวะทางอากาศ และความผิดปกติของภูมิคุ้มกัน มีทั้งไซนัสอักเสบเฉียบพลันและเรื้อรัง เป็นโรคที่พบบ่อยทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะในช่วงที่มีอากาศชื้นอย่างหน้าฝนแบบนี้ แต่ที่กลุ่มคน “วัยทำงาน” เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงกว่ากลุ่มอื่นๆ เพราะมีพฤติกรรมบางอย่างที่กระตุ้นให้เกิดการบวมของเยื่อบุโพรงจมูก เช่น การอยู่ในที่อากาศเย็นหรือแห้งเป็นเวลานานๆ รวมไปถึงการเปลี่ยนอุณหภูมิฉับพลัน เพราะวัยทำงานส่วนใหญ่มักนั่งทำงานในห้องแอร์เป็นเวลานาน และเปลี่ยนอุณหภูมิอย่างรวดเร็วเมื่อต้องออกไปข้างนอก ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มคนวัยทำงานยังพักผ่อนน้อย ขาดการออกกำลังกาย โดยเฉพาะในรายที่เป็นหวัดแล้วไม่พักผ่อนอย่างเพียงพอ ทำให้เยื่อบุภายในช่องจมูกและไซนัสบวม ทั้งยังไม่สามารถหาเวลาพักผ่อนให้หายดี ทำให้หลายคนมีอาการต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน จนกลายเป็นเรื้อรังได้
นอกจากนี้ คนทำงานในเมืองใหญ่ที่มี PM 2.5 เยอะๆ ก็จะทำให้เยื่อบุทางเดินหายใจอ่อนแอ อักเสบง่าย และกระตุ้นปฏิกิริยาภูมิแพ้ให้รุนแรงขึ้นด้วย เพิ่มโอกาสในการป่วยเป็นไซนัสอักเสบมากขึ้นไปอีก สำหรับคนที่มีอาการปวดบริเวณใบหน้า ได้กลิ่นผิดปกติจากภายในจมูก น้ำมูกลงคอและน้ำมูกเขียวร่วมด้วย ควรมาพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อตรวจรักษาอย่างถูกต้อง”
นี่คือ 4 โรคฮิตวัยทำงาน TOPPIC Time ขอแนะนำแบบง่ายๆ แต่ทำยากๆ ดังนี้
1. อาหาร : รับประทานอาหารดีมีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ ลดอาหารไขมันสูง น้ำตาลสูง และอาหารรสจัด
2. อารมณ์ : หาวิธีจัดการกับความเครียดอย่างเหมาะสม เมื่อมีอาการเหนื่อยล้าและหมดแรง ให้หาเวลาพักจากสิ่งที่ทำอยู่และฝึกการหายใจลึกๆ เพื่อผ่อนคลาย 2-3 นาที
3. ออกกำลังกาย : การนั่งอยู่ท่าเดิมเป็นเวลานานๆ เสี่ยงหลายโรคอันตราย เช่น โรคอ้วน คอเลสเตอรอลสูง ความดันโลหิตสูง น้ำตาลในเลือดสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด หันมาลุกขึ้นยืนและเดินไปรอบๆ พื้นที่ทำงานทุก 30 นาที รวมถึงหาเวลาไปออกกำลังกายก่อนหรือหลังเลิกงาน
4. นอนหลับให้เพียงพอ : การนอนหลับคือการรีชาร์จร่างกายและสมองอย่างดีที่สุด เพื่อให้พร้อมใช้ชีวิตและรับมือกับงานตรงหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แต่เหนืออิ่นใด ที่เราควรทำ คือ ต้องหมั่นตรวจสุขภาพอย่างละเอียดทุกปี เพื่อรู้เท่าทันภัยเงียบที่อาจยังไม่แสดงอาการ และหันมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตอย่างจริงจัง เพื่อป้องกัน “โรคฮิตวัยทำงาน” กันเถอะ.