แนะวิธีดูแลสุขภาพ ป้องกัน 'ฝีดาษลิง'
WHO ส่งสัญญาณเตือน ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ จากสถานการณ์การระบาดของโรค “ฝีดาษลิง” (Monkeypox) ที่ต้องเฝ้าระวังและตื่นตัวเพื่อรับมือ เนื่องจากการแพร่ระบาดใหญ่ในทวีปแอฟริกา หลังการติดเชื้อในคองโกแพร่ระบาดไปยังประเทศใกล้เคียง ซึ่งถือเป็นระดับการเตือนภัยสูงสุดของ WHO กรมควบคุมโรคเตือนให้เฝ้าระวังการแพร่กระจายสายพันธ์ที่มาจากแอฟริกา
โรค “ฝีดาษลิง” เกิดจากเชื้อไวรัสที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ พบในตระกูลลิงและสัตว์ฟันแทะ เช่น หนู กระรอก กระต่าย ปัจจุบันเกิดการแพร่กระจายติดเชื้อจากคนสู่คนที่มีสัมผัสใกล้ชิด เป็นโรคที่มีลักษณะและอาการใกล้เคียงกับโรคอีสุกอีใส โดยจะมีไข้ร่วมกับการมีตุ่ม ผื่น หนองเกิดขึ้นทั่วร่างกาย กลุ่มเสี่ยงคือเด็ก เยาวชน และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ข้อมูลในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2565 มีการพบยอดผู้ป่วยยืนยัน 827 ราย เฉพาะในปี 2567 พบผู้ป่วยฝีดาษลิงแล้ว จำนวน 140 ราย
วิธีดูแลสุขภาพ สร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรค “ฝีดาษลิง”
ศ. ดร. พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) หัวหน้าคณะนักวิจัย Operation BIM ให้ข้อมูลว่า ไวรัส เป็นจุลินทรีย์ชนิดหนึ่งที่สามารถก่อการติดเชื้อ (infectious agents) ในสิ่งมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็น คน สัตว์ หรือพืช ทำให้เกิดความเจ็บป่วยตั้งแต่ไม่สบายเล็กน้อยไปจนถึงเกิดโรคที่มีอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ การติดเชื้อไวรัสสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในเซลล์สิ่งมีชีวิต เช่น ทำให้เซลล์ตาย มีการรวมตัวของเซลล์ หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติจนกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ โรคฝีดาษลิง เป็นโรคที่เกิดจากไวรัส ผู้ป่วยติดเชื้อ “ฝีดาษลิง” ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ มีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการรุนแรงสูง อาทิ ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือด ผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ ตลอดจนเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 8 ปี
ทั้งนี้เราสามารถป้องกันตนเองหรือคนในครอบครัวไม่ให้เกิดการติดเชื้อจากปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวได้ ด้วยการสร้างภูมิคุ้มกันในตัวเราให้แข็งแรง จากผลการวิจัยนวัตกรรมแห่งชาติไทยมังคุดเสริมฤทธิ์ ByeBye HIV ด้วยการเสริมฤทธิ์ของพลังธรรมชาติ สารสกัดพืชไทย 5 ชนิด คือ มังคุด งาดำ ถั่วเหลือง ฝรั่ง และบัวบก เข้าไปกระตุ้นเม็ดเลือดขาว เพิ่มปริมาณ Th1, Th17 และ killer T cells (เซลล์ ที พิฆาต) เพิ่มภูมิคุ้มกันและจัดการกับเชื้อไวรัสทุกชนิดได้อย่างดีไม่เพียงแต่ ไวรัสฝีดาษลิง แต่กับเชื้อหวัดทุกประเภท รวมทั้งโควิด นอกจากนี้ยังจัดการกับการติดเชื้อรา และแบคทีเรีย ได้อีกด้วย
การดูแลตนเองโดยการปฏิบัติตนให้แข็งแรงด้วยการออกกำลังกายอย่างเหมาะสมและสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ที่ปรุงสุกใหม่ ล้างมือบ่อยๆอย่างถูกวิธี ไม่ใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น หลีกเลี่ยงการไปอยู่ในสถานที่แออัดด้วยผู้คนจำนวนมาก พักผ่อนให้เพียงพอ เป็นการป้องกันตนเองลดปัจจัยเสี่ยงจากการเกิดโรค “ฝีดาษลิง” และโรคร้ายต่างๆ ได้.
