เตือนประชาชนระวังป่วยโรค “ไข้เลือดออก” คาดปีนี้ระบาดรุนแรง พบใน “ภาคกลาง” มากที่สุด ให้ระวังการใช้ยา…
เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2565 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เตือนประชาชนควรระวังโรคไข้เลือดออก หลังคาดการณ์ว่าโรคไข้เลือดออกปี 2565 นี้ จะกลับมาระบาดอีกครั้ง หลังจากเงียบหายไป 2 ปี โดยเกิดจากปัจจัยภูมิคุ้มกันหมู่ ภูมิต้านทานของประชาชนเริ่มลดลง
ทั้งนี้ มีสัญญานเตือน ซึ่งเดือนมกราคม มีผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกเสียชีวิตแล้ว 2 ราย เป็นผู้ใหญ่อายุ 37 ปี และ 40 ปี ระยะแรกมีอาการมักไม่ค่อยนึกถึงโรคนี้ คนอยู่ในวัยทำงานมักไปรับการรักษาที่คลินิกหรือซื้อยามากินเอง ที่มักได้รับยาช่วยลดไข้ กลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) มีผลในการทำให้เลือดออกในทางเดินอาหาร และโดยเฉพาะยาไอบูโพรเฟน แอสไพริน หรือไดโครฟีแนก ยิ่งจะทำให้เลือดออกรุนแรง และเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ ซึ่งผู้ป่วยต้องใช้ยาลดไข้ ให้พาราเซตามอลเป็นหลัก
อาการของโรคไข้เลือดออก
- มีไข้สูงอย่างเฉียบพลัน
- ไข้จะสูงตลอดทั้งวัน ประมาณ 2-7 วัน
- ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว ส่วนใหญ่มีอาการหน้าแดง
- อาจมีจุดแดงเล็กๆ ขึ้นตามลำตัว แขน ขา ไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก
- มักมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง เบื่ออาหาร ต่อมาไข้จะลดลง
- ในระยะนี้ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะอาจเกิดอาการรุนแรงอาจมีภาวะช็อคและเสียชีวิตได้
- หากมีไข้สูงลอยเกิน 2 วัน เช็ดตัวหรือกินยาลดไข้แล้วไข้ไม่ลดลง ขอให้คิดว่าอาจป่วยด้วยโรคไข้เลือดออก
- ให้รีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 2 กุมภาพันธ์ 2565 ไทยพบผู้ป่วยไข้เลือดออกแล้วทั้งสิ้น 193 ราย มากที่สุดในภาคกลาง รองลงมา คือ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ กลุ่มอายุที่พบป่วยสูงสุด คือ อายุ 5-14 ปี รองลงมาคือกลุ่มอายุ 15-24 ปี.