นักเที่ยวสายมูไม่ควรพลาด เมืองบาดาล หรือวัดจมน้ำ อะเมซิ่ง ที่ อ.สังขละบุรี เมืองกาญจนบุรี หากเลยเดือน พ.ค.นี้ไป อาจไม่ได้สัมผัสใกล้ชิด อัพเดท เที่ยวช่วงนี้ยังสามารถเดินชมรอบโบสถ์เก่าได้…
ชวนขาเที่ยว ลุยปักหมุดเยือนเมืองกาญจนบุรี กับความอะเมซิ่ง ปนสายมูเล็กๆ ที่เมืองบาดาล หรือ วัดจมน้ำ ต.หนองลู อ.สังขละบุรี ซึ่งมีการอัพเดทข่าวล่าสุดว่า ช่วงนี้น้ำลดลงเดินในโบสถ์ได้แล้ว บอกเลยว่า งานนี้หากพลาดอาจไม่ได้ใกล้ชิดโบสถ์เก่า แนะนำ..ให้แพ็กกระเป๋าลุยโลด…
TOPPIC Time ชวนเที่ยวครั้งนี้ ยังมีเกร็ดความรู้ ที่น่าอัศจรรย์อย่างมากมาฝาก เรียกน้ำย่อยขาลุย-สายมู เป็นการเสริมภูมิปัญญาและอ้างอิงเรื่องราวจากสถานที่ดังกล่าว ที่ได้ชื่อว่า เมืองบาดาล หรือวัดจมน้ำ เพื่อไม่พลาดไปสักการะ
ตำนานมีชีวิตอะเมซิ่ง วัดจมน้ำ
อดีตชื่อ วัดวังก์วิเวการาม (เดิม) หลวงพ่ออุตตมะ (สร้างพระปิดตา ที่โด่งดัง และสายประพฤติปฏิบัติพระกรรมฐาน) และชาวบ้านอพยพชาวกะเหรี่ยงและมอญ ได้ร่วมกันสร้างขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2496 ในบริเวณที่เรียกว่า สามประสบ เป็นจุดที่แม่น้ำสามสายคือ แม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำบีคลี่ และแม่น้ำรันตี ไหลมาบรรจบกัน ก่อให้เกืดความรักสามัคคีของชาติพันธุ์ จนได้รับการยกย่องเป็นแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง
ต่อมา มีการสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ (เขื่อนเขาแหลม) ทำให้เกิดน้ำท่วมอำเภอสังขละบุรีเก่ารวมทั้งวัดด้วย หลวงพ่ออุตตมะจึงได้ย้ายสถานที่ตั้งวัดมาอยู่บนเนินเขา การไฟฟ้าฝ่ายผลิต ได้จัดสรรที่ดินผืนใหม่ให้กับทางวัดเพื่อสร้างวัดวังก์วิเวการามขึ้นใหม่ พร้อมทั้งสร้างเสนาสนะต่าง ๆ ให้กับทางวัด วัดวังก์วิเวการามได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อปี 2528 หลวงพ่ออุตตะมะได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสรูปแรก ให้ปกครองดูแลวัด
ส่วนวัดเดิมได้จมอยู่ใต้น้ำ (วัดจมน้ำ) ในช่วงน้ำมาก น้ำจะท่วมสูงเกือบทั้งหมด เหลือเพียงยอดของโบสถ์ให้เห็น นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือชมบรรยากาศสองริมฝั่งแม่น้ำซึ่งจะพบวิถีการดำเนินชีวิตของชาวมอญและเห็นยอดเจดีย์พุทธคยา ระหว่างการล่องเรือ ในช่วงฤดูแล้งน้ำจะลดจนเห็นตัวโบสถ์ หอระฆัง และสิ่งก่อสร้างของวัดในอดีต โผล่พ้นน้ำทั้งหมด สามารถเดินขึ้นไปชมสถานที่ได้ ล่าสุด ผนังโบสถ์ด้านหนึ่งได้พังทลายเสียหาย จากแรงของคลื่นลมในช่วงที่เข้าสู่ฤดูหนาว เมื่อเดือนธันวาคม 2561
วัดจมน้ำเกี่ยวโยง-ผูกพันกับสายน้ำ
“วัดวังก์วิเวการาม” หมายถึง วัดที่เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของฝูงปลาจำนวนมาก เพราะคำว่า “วัง” หมายถึงแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ ส่วนคำว่า “ก๊ะ หรือ กะ” เป็นภาษามอญ แปลว่า ปลา
ช่วงเวลาเหมาะกับการล่องเรือชมวัดจมน้ำ
มีคำแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยวผู้จะไปเยือน วัดจมน้ำ ควรไปในช่วงฤดูร้อน ตั้งแต่ประมาณเดือน มี.ค. – พ.ค. หน้าแล้งน้ำหลังเขื่อนลดลงมาก จะสามารถเดินเข้าไปเยี่ยมชมโบสถ์เก่าได้ ส่วนคนที่มาเที่ยวช่วงปลายฝนต้นหนาว ตั้งแต่ ต.ค. – ม.ค. อาจจะได้เห็นแค่บางส่วนของตัวโบสถ์ที่โผล่พ้นน้ำ หรือไม่ก็เห็นเพียงแต่ยอดหอระฆังเท่านั้น ซึ่งเป็นส่วนที่สูงพ้นน้ำ
– สามารถเช่าเรือบริการได้บริเวณสะพานไม้มอญ (สะพานอุตตมานุสรณ์)
– ควรเที่ยวในช่วงเช้า ช่วงสายหรือเที่ยง ระยะนี้แดดจะร้อนจัดเกินไป
ขอขอบคุณภาพเก่า-ข้อมูลวัด : คุณสมชาย แสงชัยศรียากุล สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี / คุณ Veerawat Paramanusith : ททท.สำนักงานกาญจนบุรี : TAT Kanchanaburi
ขอบคุณภาพถ่ายจาก คุณอเมซอน เรือซิ่ง เรือนำเที่ยวสังขละบุรี