ตำรวจคุมตัวผู้ต้องหา ยิงญาติเสียชีวิต 2 ศพ บาดเจ็บสาหัส 1 ราย ปมเปตองและมรดกที่ดิน ไปฝากขังยังศาลอาญาตลิ่งชัน ขณะที่ผู้ต้องหาระบุ ตนเองถูกด่าทอว่าเป็นหมาวัด ก่อนจึงตัดสินใจลงมือก่อเหตุ…
เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2564 มีรายงานว่า พนักงานสอบสวน สน.บางขุนนนท์ คุมตัวนายธุรการ ยังบรรเทา อายุ 67 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิง ร.ต.ทำนุ แจ้งจิตร อายุ 61 ปี และนายสมัชฌ์ ประชุมพันธ์ อายุ 40 ปี เสียชีวิตทั้ง 2 ราย และยังยิง น.อ.สันชัย ประชุมพันธ์ อายุ 59 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 1 ราย เพื่อนำตัวไปฝากขังยังศาลอาญาตลิ่งชัน ใน 5 ข้อหาคือ ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน / พยายามฆ่า /พกพาอาวุธปืนไปในเมืองโดยไม่รับอนุญาต / ยิงปืนในสถานที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และบุกรุกเคหสถาน ซึ่งท้ายคำร้องฝากขัง พนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์
ระหว่างที่ผู้ต้องหาขึ้นรถควบคุม ได้เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุตนเองถูกด่าทอก่อนด้วยคำหยาบคาย ว่าเป็นหมาวัด ซึ่งเป็นคำพูดที่จี้ใจดำ เนื่องจากตนเองเคยอาศัยอยู่ที่วัดจริง ยืนยันว่าไม่ได้เจตนาเล็งยิงให้ถึงชีวิต เนื่องจากตนเองไม่ได้ยิงปืนมานานหลายปีแล้ว แต่อยากฝากขอโทษผู้เสียชีวิต พร้อมกับอยากนำเงินไปช่วยเหลืองานศพ ขณะที่ประเด็นที่มีข้อพิพาทเรื่องที่ดิน ยอมรับว่า มีปัญหากันมาก่อนหน้านี้จริง โดยวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งตนตั้งใจจะไปพูดคุยไกล่เกลี่ยกันในวันนั้น แต่กลับมาเกิดเหตุด่าทอกระทบจิตใจตนเสียก่อน จึงทำให้บันดาลโทสะก่อเหตุยิง
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ภายในซอยจรัญสนิทวงศ์ 37 บริเวณบ้านของผู้ตายและผู้ก่อเหตุ ที่เป็นเครือญาติกัน ซึ่งมีภาพวงจรปิดสามารถบันทึกเหตุการณ์ไดทั้งหมด ตั้งแต่ผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนยิง ร.ต.ทำนุ ล้มลงเสียชีวิตบนถนนทางเข้าบ้านเป็นรายแรก หลังจากนั้นวิ่งตามไปยิง น.อ.สันชัย ที่วิ่งหนีตายไปบริเวณหลังบ้านโดนเข้าที่กลางหลังได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนจะไปยิงนายสมัชฌ์ ผ่านกระจกเสียชีวิตเป็นรายที่ 2 ภายในบ้าน ซึ่งระหว่างที่คนร้ายก่อเหตุได้มีลูกชายปรากฏภาพตามกล้องวงจรปิด ถ่ายคลิปเหตุการณ์อยู่ตลอดเวลา
ส่วนสาเหตุที่เกิดขึ้น วงจรปิดสามารถจับภาพได้ ก่อนเกิดเหตุขณะที่กลุ่มของผู้ตายและผู้ได้รับบาดเจ็บ เล่นเปตองบนถนนทางเข้าบ้านระหว่างนั้น ลูกชายของผู้ก่อเหตุ ได้ขับรถยนต์ BMW เข้ามาผ่านบริเวณที่กลุ่มผู้ตายเล่นเปตองอยู่ ก่อนจะมีการโต้เถียงกัน จากนั้นได้หายเข้าไปในบ้าน ก่อนที่ลูกชายและผู้ต้องหา จะเดินเข้ามาก่อเหตุ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว ซึ่งผู้ตายและผู้บาดเจ็บมีเรื่องข้อพิพาทเรื่องที่ดินมากว่า 5 ปี เพราะผู้ต้องหาได้นำที่ดินไปจำนองแล้วหลุด กระทั่งญาติฝ่ายภรรยาของผู้ต้องหาได้ไปซื้อคืนมา เพราะเป็นที่ดินมรดก และมีการฟ้องร้องขับไล่ให้ผู้ต้องหาออกจากที่ดินดังกล่าว แต่ผู้ต้องหาก็ยังไม่ยอมที่จะออก และมีของเรื่องกระทบกระทั่งกันเรื่อยมา จนมาเกิดเหตุร้ายรุนแรงขึ้นในครั้งนี้
ด้าน พ.ต.อ.ธีระ เถระพัฒน์ ผกก.สน.บางขุนนนท์ กล่าวว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย รวมถึงจะตรวจสอบกรณีที่ฝ่ายลูกชายผู้ต้องหา เรียกร้องให้มีการตรวจสอบพยานหลักฐานหาข้อเท็จจริง ถึงมูลเหตุในการก่อเหตุครั้งนี้
พ.ต.อ.ธีระ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่ลูกชายผู้ก่อเหตุอยู่ที่เกิดเหตุ แล้วถ่ายคลิปขณะเกิดเหตุไว้ โดยไม่มีการห้ามปรามนั้น ทางตำรวจอยู่ระหว่างรวมหลักฐานว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุครั้งนี้หรือไม่ หากพบพยานหลักฐานชัดเจนว่า มีความเกี่ยวข้องก็จะมีการพิจารณาดำเนินคดี
หลังจากนี้ ตำรวจมีมาตรการป้องกัน กรณีปัญหาเรื่องการกระทบกระทั่งของเครือญาติผู้ก่อเหตุ อาจจะนำไปสู่เหตุความรุนแรงหรือไม่ ผกก.สน.บางขุนนนท์ กล่าวว่า ตำรวจได้มีการวางมาตรการป้องกัน โดยให้สายตรวจ ไปทำความเข้าใจ รวมทั้งให้โทรศัพท์ติดต่อกับครอบครัวผู้เสียหาย หากหวั่นว่าจะเกิดความรุนแรง สามารถโทรแจ้งตำรวจได้โดยตรงทันที.