ความคืบหน้ากรณี 5 นายพรานตั้งแคมป์ นำวัวมาเป็นเหยื่อล่อสัตว์ออกจากป่ามากินอาหาร แล้วใช้อาวุธปืนยิงเสือโคร่ง 2 ตัว นำมาแร่เนื้อแล้วถลกเอาหนัง ขณะพนักงานพิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ กำลังเข้าจับกุม แต่กลุ่มนายพรานเกิดไหวตัวทันวิ่งหลบหนีไปได้อย่างหวุดหวิด
โดยเหตุเกิดที่บริเวณป่าห้วยปิล๊อก หมู่ 4 ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ และป่าสงวนแห่งชาติเขาช้างเผือก ช่วงวันที่ 8-11 ม.ค.65
นายเจริญ ใจชน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ เปิดเผยว่า สำหรับของกลางที่นำไปมอบให้กับพนักงานสอบสวน สภ.ปิล๊อก เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการติดตามจับกุมกลุ่มนายพรานมาดำเนินคดีตามกฎหมายนั้น ประกอบด้วย
– ซากเสือโคร่งเพศผู้กับเพศเมีย จำนวน 2 ซาก
– อาวุธปืนลูกซองยาว ยี่ห้อวินเชสเตอร์ หมายเลขประจำปืน L1526415 จำนวน 1 กระบอก
– ปลอกกระสุนปืนลูกซอง จำนวน 5 ปลอก
– อาวุธปืนแก๊ปแบบไทยประดิษฐ์ จำนวน 2 กระบอก พร้อมด้วยเครื่องกระสุนปืนลูกตะกั่ว จำนวน 176 ลูก ดินปืน 2 ขวด กับอีก 1 ถุง
– อาวุธปืนยาวขนาด .22 ติดลำกล้อง จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืน ขนาด.22 จำนวน 50 นัด แผ่นแก๊ป 150 นัด
– ซองพัสดุบริษัทขนส่ง มีชื่อผู้รับพัสดุระบุชื่อ ดาว คงจิตรวิวัฒน์
– ซองบรรจุยาลดความดัน 1 ซอง ผู้ป่วยชื่อ นางโพเจ๊ะ ไม่มีนามสกุล
– และระเบิดปิงปอง จำนวน 22 ลูก
สำหรับของกลางซากเสือโคร่ง 2 ซาก มีดพก 4 เล่ม ไฟฉาย 3 อัน แผงโซลาเซลล์ พร้อมหม้อแปลง 1 ชุด สายชาร์จไฟฉาย 2 เส้น หม้อสนาม 3 ใบ เปล 5 หลัง เชือกกลม 5 เส้น เชือกแบน 2 เส้น สลิ้งฉีดยา 2 อัน จอบ 1 เล่ม เสียม 1 เล่ม ยากำจัดพยาธิสำหรับสัตว์ 1 ขวด ยาปฏิชีวนะ สำหรับสัตว์ 1 ขวด แอลกอฮอลล์ผสมฟ้าทะลายโจร 1 ขวด เข็มขัดสนาม 1 เส้น คีมคีบ 1 อัน หน้ากากดำปลา 2 อัน และกรรไกร 1 อัน เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ได้แจ้งขออนุญาตจากพนักงานสอบสวน สภ.ปิล๊อก เพื่อนำไปเก็บรักษาเอาไว้ตามระเบียบ
ต่อมาตำรวจจับกุมผู้ต้องหาได้ 5 คน
1. นายกูกือ ยินดี อายุ 37 ปี ถือบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (บุคคลบนพื้นที่สูง บัตรสีชมพู)
2. นายจอแห่ง พนารักษ์ อายุ 38 ปี (ถือบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (บุคคลบนพื้นที่สูง บัตรสีชมพู)
3. นายศุภชัย เจริญทรัพย์ อายุ 34 ปี
4. นายรัชชานนท์ เจริญทรัพย์ อายุ 30 ปี เป็นน้องชายของนายศุภชัย เจริญทรัพย์
5. นายโซเจ อายุ 61 ปี
ตำรวจแจ้งข้อหา กระทำผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14(2) และมาตรา 31(6) ในข้อหา ฐานร่วมกันเก็บหาของป่า อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาต และตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 มาตรา 19(3) มาตรา 43 ฐานร่วมกันล่อ หรือนำสัตว์ป่าออกไป หรือกระทำให้เกิดอันตรายแก่สัตว์ป่าด้วยประการใด ฐานร่วมกันเข้าไปดำเนินการกิจการใดๆ เพื่อหาประโยชน์ ตามมาตรา 19(6) และมาตรา 44 ฐาน ร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์ หรือจับสัตว์ หืออาวุธใดๆเข้าไป ตามมาตรา 19(7) และมาตรา 45 ฐานยิงปืน หรือทำให้เกิดระเบิด หรือจุดดอกไม้เพลิง ตามมาตรา 19(8) และมาตรา 44 ฐานทิ้งสิ่งที่เป็นเชื้อเพลิงซึ่งอาจทำให้เกิดเพลิงไหม้ ตามมาตรา 19(9) และมาตรา 44 และตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ฐานห้ามมิให้ผู้ใดมีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง หรือซากสัตว์ป่าตามมาตรา 17 และมาตรา 92.