สรุปอุบัติเหตุปี 2564 คนไทยบาดเจ็บเกือบ 9 แสนราย ตาย 1.3 หมื่นราย ขณะที่ 1 ม.ค.- 20 ม.ค. 65 มีผู้บาดเจ็บแล้ว 5.2 หมื่นราย ตายเกือบ 900 ราย พบ “จักรยานยนต์” เกิดอุบัติเหตุมากสุด เตือนภาคตะวันออก อีสาน เหนือ มีอุบัติเหตุสูงในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวขณะนี้…
จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค สถานการณ์อุบัติเหตุทางถนนของประเทศไทย จากศูนย์ข้อมูลอุบัติเหตุทางถนน (ThaiRSC) ของประเทศไทยปี 2564 พบว่า มีผู้บาดเจ็บ 879,940 ราย เสียชีวิต 13,425 ราย และจากการเฝ้าระวังในปี 2565 (1 ม.ค.- 20 ม.ค. 65) พบผู้บาดเจ็บ 52,459 ราย เสียชีวิต 898 ราย
และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงสัปดาห์เดียวกัน (ในระหว่างวันที่ 9 – 15 มกราคม) ของปี 2565 และปี 2564 พบว่าในปี 2565 มีจำนวนครั้งในการเกิดอุบัติเหตุทางถนน และมีจำนวนผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตสูงกว่า
สำหรับพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุด ได้แก่ จักรยานยนต์ (ร้อยละ 51.56) รองลงมาคือ รถยนต์ (ร้อยละ 48.44) และพบว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีอุบัติเหตุทางถนนจำนวนหลายเหตุการณ์ ส่วนใหญ่เกิดจากรถบรรทุก และรถกระบะที่บรรทุกคนงาน และพืชผลทางการเกษตร ในพื้นที่ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิต โดยเฉพาะช่วงตอนเย็นเป็นช่วงเวลาที่พบอุบัติเหตุมาก ได้แก่ ช่วงเวลา 18.00 – 20.00 น. และช่วงเวลา 16.00 – 18.00 น.
การพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพของสัปดาห์นี้ คาดว่าในช่วงนี้มีโอกาสพบอุบัติเหตุทางถนนเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิต มีการบรรทุกพืชผลทางการเกษตร โดยยานพาหนะที่มีสภาพไม่ปลอดภัย และเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ อีกทั้งยังเป็นช่วงใกล้เทศกาลตรุษจีน ซึ่งประชาชนเดินทางไปซื้อข้าวของเครื่องใช้มากกว่าในช่วงเวลาปกติ โดยเฉพาะช่วงเย็นซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง จึงควรระมัดระวังเพราะมีปริมาณรถสัญจรบนท้องถนนเป็นจำนวนมาก
กรมควบคุมโรค ขอแนะนำประชาชนให้เพิ่มความระมัดระวังการเดินทาง โดยเฉพาะการเดินทางโดยใช้ยานพาหนะในการบรรทุกคนงาน เกษตรกร และผลผลิตทางการเกษตร ดังนี้
1. ตรวจสภาพรถให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
2. การบรรทุกผลผลิตทางการเกษตร รวมทั้งคนงาน ควรมีปริมาณที่พอเหมาะ ไม่ควรบรรทุกน้ำหนักเกิน
3. คำนึงถึงความปลอดภัยในการขับขี่และโดยสาร เช่น คาดเข็มขัดนิรภัยทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถจักรยานยนต์ควรสวมหมวกนิรภัย งดดื่มแอลกอฮอล์ขณะขับขี่และโดยสาร ไม่ใช้โทรศัพท์ขณะขับขี่ยานพาหนะ
4. เพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ในช่วงเวลาที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะในช่วงเวลาเย็น (16.00 – 20.00 น.) ซึ่งเป็นช่วงที่มีการจราจรหนาแน่น
5. ขับรถด้วยความเร็วตามที่กฎหมายกำหนด และปฏิบัติตามกฎจราจร
6. ผู้ขับขี่ควรดูแลสุขภาพร่างกายของตนเอง โดยการพักผ่อนอย่างเพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง และตรวจเช็คสุขภาพร่างกาย และโรคประจำตัว เช่น หัวใจ ความดัน เบาหวาน ลมชัก เป็นต้น รวมถึงความเสี่ยงด้านร่างกายที่อาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุในระหว่างขับขี่ยานพาหนะ
ทั้งนี้ หากพบเห็นผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนนให้โทรแจ้งขอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์กู้ชีพทันที 1669 หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422