สภาทนายความ ลุยแจ้งความเอาผิด พ่อค้าไก่หมุนปลอมเป็นทนาย ชี้โทษหนัก ทั้งจำคุกทั้งปรับ…
ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ พร้อมทีมสภาฯ แถลงข่าวกรณีที่มี พ่อค้าไก่หมุน ทำการปลอมแปลงเอกสาร แอบอ้างเป็นทนายความ ไปว่าความในศาลหลายคดี ระบุว่า เบื้องต้นสภาฯ ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ทราบว่า บุคคลดังกล่าว มีการปลอมใบอนุญาตทนายความ เลขที่อนุญาตเป็นของบุคคลอื่น และไม่เคยผ่านการฝึกอบรมวิชาว่าความของสภาฯ ไม่เคยมีใบอนุญาตทนายความ เข้าข่ายการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ทนายความ มีโทษทางอาญากำหนดชัดเจน และยังมีการปลอมแปลงใบอนุญาตทนายความ เป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ จะมีความผิดเพิ่มเติมด้วย อีกทั้งยังแอบอ้างประชาสัมพันธ์ในสื่อต่างๆ ให้คนหลงเชื่อ เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน
ส่วนการไปดำเนินการว่าความในศาล สำนักงานศาลยุติธรรมก็มีกฎระเบียบ อาจเข้าข่ายการละเมิดอำนาจศาล จึงจะมอบหมายให้นายทะเบียนสภาทนายความ ไปดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ (6 ต.ค.) ที่ สภ.เมืองกำแพงเพชร
ทั้งนี้ คดีที่บุคคลดังกล่าว ได้เคยว่าความ และมีคำพิพากษาสิ้นสุดไปแล้ว จะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล
กรณีมีการไปทำละเมิด ต้องรับผิด 4 ประเด็น…
- เข้าข่ายการกระทำความผิดมาตรา 33 ตาม พ.ร.บ.ทนายความ (ว่าความในศาลทั้งที่ไม่ใช่ทนาย) ฝ่าฝืน มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- เข้าข่ายการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานปลอมและใช้เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ปลอม จึงมีความผิดตามมาตรา 269/1 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง 100,000 บาท และนำเอกสารที่ปลอมแปลงไปใช้ทั้งที่รู้ เป็นความผิดตามมาตรา 269/4 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 7 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- พฤติกรรมดังกล่าว หลอกลวงประชาชนที่หลงเชื่อจำนวนมาก เป็นลักษณะฉ้อโกง (นานกว่า 1 ปี) เข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง ผู้เสียหายสามารถร้องทุกข์ในท้องที่เกิดเหตุได้ แบบต่างกรรมต่างวาระ (สภาทนายความภาค 6 ตั้งโต๊ะรับเรื่องร้องเรียน)
- การเข้าไปดำเนินการในศาลเข้าข่ายละเมิดอำนาจศาล สภาฯ ไม่ก้าวล่วง แต่ศาลก็มีมาตรการในการดำเนินการอยู่
นอกจากนี้ สภาทนายความเตรียมที่จะพูดคุยร่วมกับศาล เพื่อวางระบบให้สามารถตรวจสอบข้อมูล ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นอีก