สู้รบในอิสราเอล ยอดเสียชีวิตพุ่ง 30 คน ปรับรูปแบบการอพยพหลังสถานการณ์ทวีความรุนแรง ใช้ประเทศดูไบ เป็นจุดพักคอยเพื่อลำเลียงอพยพกลับไทย โดยเช่าเหมาลำเครื่องบินเอกชน คาดสิ้นเดือน ต.ค.อพยพแรงงานไทยหมด
กระทรวงการต่างประเทศ แถลงสถานการณ์ สู้รบในอิสราเอล พร้อมออกแถลงการณ์ หลัง กลางดึก (17 ต.ค.) มีรายงานข่าวการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลที่ รพ. อัล-อาห์ลี อัล-อาราบี (Al-Ahli al-Arabi) ในฉนวนกาซา ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างรุนแรง มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยรายและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ขอแสดงความเสียใจอย่างใหญ่หลวงต่อเหตุการณ์การสูญเสียครั้งนี้
ยอดแรงงานไทยเสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย
- ผู้เสียชีวิต 30 ราย (เพิ่มขึ้น 1 ราย)
- ผู้บาดเจ็บ 16 ราย (ไม่เปลี่ยนแปลง)
- ถูกควบคุมตัว จำนวน 17 ราย (ไม่เปลี่ยนแปลง)
(ข้อมูล ณ 17 ต.ค.2566)
อพยพแรงงานไทยกลับประเทศต่อเนื่อง
– เที่ยวบินอพยพคนไทยแล้ว 7 เที่ยวบิน จำนวน 926 คน
– วันที่ 19 ต.ค.จะมีเที่ยวบินอพยพคนไทยอีก 2 เที่ยวบิน เดินทางถึงไทย 80 คน โดยสายการบิน EL AL ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (19 ต.ค.)
– เครื่องบินกองทัพอากาศ ถึง ดอนเมืองบน (19 ต.ค.) จำนวน 145 คน
– สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ จัดให้คนไทยเข้าศูนย์พักพิงโรงแรม David InterContinental Hotel แล้ว 593 คน (ณ วันที่ 18 ต.ค.2566) เพื่อเตรียมเดินทางกลับไทยต่อไป จัดที่พักในโรงแรมทั้งหมด 7 แห่ง
‘ดูไบ’ จุดพักรออพพยพแรงงานไทย ก่อนกลับประเทศ
– ตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค. เป็นต้นไป เตรียมจ้างเหมาเครื่องบินขนาดใหญ่เพื่อรับคนไทยกว่า 600 คนต่อวัน จากกรุงเทลอาวีฟไปยังเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่ใช้เป็นจุดพักรอ เพื่อเปลี่ยนเครื่องเดินทางกลับไทย (เครื่องบินจากกองทัพอากาศ การบินไทย นกแอร์ แอร์เอเชีย และไทยไลออนแอร์)
– คาดว่าภายในสิ้นเดือน ต.ค. หรือต้นเดือน พ.ย. จะสามารถนำคนไทยกลับประเทศได้ตามที่เคยกำหนดไว้
“เรื่องการขออนุญาตเส้นทางบินผ่านน่านฟ้า ทางการไทยไม่ได้ขออนุญาตทำการบินผ่านน่านฟ้าของประเทศที่มีความเสี่ยง ที่จะไม่อนุญาต เพื่อลดความเสี่ยงและเลี่ยงความล่าช้า ในกระบวนการขออนุญาตฯ เนื่องจากต้องการให้พี่น้องคนไทยได้เดินทางออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย และกลับประเทศไทยโดยเร็ว”
เตือนนักท่องเที่ยวไทย เลี่ยงได้งดเดินทางระยะนี้
นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศ ขอเตือนคนไทยเรื่องการเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยง หรือท่องเที่ยวในต่างประเทศขณะนี้ อาจพิจารณางดเว้นไปก่อน โดยสั่งการไปยัง สถานทูต สถานกงสุล ทั่วโลก ขอให้ติดตามมาตรการของหน่วยงานท้องถิ่น แต่ละประเทศ ป้องกันความเสี่ยง ที่อาจจะขยายตัวจากเหตุขัดแย้งในตะวันออกกลาง