สรุปไทม์ไลน์ แถลงปม “วางยาพิษ” 6 ศพ “ชาวเวียดนาม” กลางโรงแรมหรูกลางกรุง พบปมหนี้ลงทุนทำธุรกิจ 10 ล้าน คาดผู้หญิงหมายเลข 5 เอี่ยววางยา “ไซยาไนด์“ พบใส่แก้วชา 6 ใบ ณ ห้อง 502 หลังขอชงชาเอง
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 17 กรกฎาคม 2567 พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ตำรวจชุดคลี่คลายคดีแถลงความคืบหน้า เหตุพบศพ ชาวเวียดนาม เสียชีวิตทั้งหมด 6 คน ภายในห้องพักของโรงแรมหรูย่านราชประสงค์ กรุงเทพฯ โดยได้พบศพทั้งหมดในห้องชั้น 5 เลขที่ 502
โดยระบุว่า จากการตรวจชันสูตรพลิกศพ การตรวจจากกองพิสูจน์หลักฐาน ซักถามพยานบุคคล พยานแวดล้อม ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงญาติของผู้ตาย และจากการสอบกระเป๋าทั้งหมด 8 ใบ สามารถสรุปที่มาที่ไปของบุคคลทั้งหมดว่า…
– ภายในห้อง 502 พบศพ 6 ศพ ดังนี้…
1. ศพหมายเลข 1 ที่ประตูทางเข้า เป็นศพผู้หญิงเสื้อสีขาว ชื่อ Ms.THI NGUYEN PHUONG สัญชาติเวียดนาม อายุ 46 ปี เดินทางจากโฮจิมินห์เข้าไทยครั้งแรกเมื่อ 12 ก.ค. 67 และเช็กอินห้องพัก 502 แล้ว 13-14 ก.ค. 67 ย้ายไปพักที่ห้อง 708 จน 15 ก.ค. 67 ซึ่งเป็นวันเช็กเอาท์ ได้ลากกระเป๋าเข้าไปรวมกันที่ห้อง 502 ก่อนจะพบศพใน 16 ก.ค. 67
2. ศพหมายเลข 2 ในห้องนอน เป็นศพผู้หญิงเสื้อสีชมพู ชื่อ Ms.THI NGUYEN PHUONG LAN สัญชาติเวียดนาม อายุ 47 ปี เดินทางเข้าประเทศไทย 4 ก.ค. 67 เคยเดินทางเข้าออกไทย 17 ครั้ง โดยเช็กอิน 12-13 ก.ค. 67 พักห้อง 1215 จน 14-15 ก.ค. 67 ย้ายไปห้อง 709 จน 15 ก.ค. 67 ซึ่งเป็นวันเช็กเอาท์ และไปรวมกันที่ห้อง 502
3. ศพหมายเลข 3 เป็นศพผู้ชายวัยรุ่นซึ่งเป็นช่างแต่งหน้า ชื่อ Mr.DINH TRAN PHU สัญชาติเวียดนาม อายุ 37 ปี เดินทางเข้าไทยวันที่ 12 ก.ค. 67 เดินทางเข้าออกไทย 11 ครั้ง โดยเช็กอิน 12-13 ก.ค. 67 พักห้อง 1219 จน 14-15 ก.ค. 67 ย้ายไปห้อง 726 จนเช็กเอาท์ 15 ก.ค. 67 และไปรวมกันที่ห้อง 502
4. ศพหมายเลข 4 ใกล้ประตูทางเข้า เป็นศพผู้ชายใส่เสื้อกรมท่า นอนเสียชีวิตใกล้ผู้หญิงหมายเลข 1 ชื่อ Mr.HUNG DANG VAN สัญชาติอเมริกัน อายุ 55 ปี เข้าไทยวันที่ 7 ก.ค. 67 เดินทางเข้าไทย 1 ครั้ง โดยเช็กอิน 12-13 ก.ค. 67 พักห้อง 1212 จน 14-15 ก.ค. 67 ย้ายไปห้อง 727 จนเช็กเอาท์ 15 ก.ค. 67 และไปรวมกันที่ห้อง 502
5. ศพหมายเลข 5 ที่โต๊ะกินข้าว เป็นศพผู้หญิง ชื่อ Ms.SHERINE CHONG สัญชาติอเมริกัน อายุ 56 ปี เดินทางเข้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 5 ก.ค. 67 เดินทางเข้าออกไทย 5 ครั้ง โดยเช็กอิน 12 ก.ค. 67 พักห้อง 504 และ 13 ก.ค. 67 พักห้อง 808 จน 14-15 ก.ค. 67 ย้ายไปพักห้อง 502 ห้องที่เกิดเหตุ
6. ศพหมายเลข 6 ในห้องนอน เป็นศพผู้ชาย ชื่อ Mr.HONG PHAM THANH สัญชาติเวียดนาม อายุ 49 ปี เดินทางเข้าไทยวันที่ 12 ก.ค. 67 เข้าออกไทย 1 ครั้ง ไม่พบการเช็กอิน จากการตรวจสอบจากญาติ พบว่าเป็นสามีของหมายเลข 1
– สรุป การเดินทางเข้าไทย
4 ก.ค. 67 ผู้หญิงหมายเลข 2 เข้าพักที่โรงแรมก่อน
5 ก.ค. 67 ผู้หญิงหมายเลข 5 เข้าพักที่โรงแรมก่อน
7 ก.ค. 67 ผู้ชายหมายเลข 4 เข้าพักที่โรงแรมก่อน
12 ก.ค. 67 เข้าพักทั้งหมด 3 คน คือ คู่สามีภรรยา ผู้หญิงหมายเลข 1 และผู้ชายหมายเลข 6 รวมถึงผู้ชายวัยรุ่นหมายเลข 3 เข้าพักที่โรงแรมก่อน
– ส่วนประเด็นคนที่ 7 จากการตรวจสอบบุ๊กกิ๊งดอทคอม ที่มีการแจ้งการเข้าพักไว้ 7 คน คือ ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นน้องสาวของผู้หญิงหมายเลข 2 ที่เดินทางเข้ามาตั้งแต่ 4 ก.ค. 67 และเดินทางกลับเมืองดานัง เวียดนาม ไปก่อนใน 10 ก.ค. 67
– จากกล้องวงจรปิดพบว่า การมาเช็กอินที่โรงแรมมาตัวเอง และไม่มีคนอื่นแปลกปลอมเข้ามาพักร่วมด้วย
– ไทม์ไลน์จากกล้องวงจรปิด 15 ก.ค. ยืนยันว่า คนทั้ง 6 คน มาเช็กอินที่โรงแรมมาตัวเอง และเข้ามาในห้องพัก 502 เป็นห้องสุดท้าย โดยไม่มีบุคคลอื่นเข้าไปในห้องดังกล่าว จนมีการแจ้งว่าพบศพในเวลา 16.30 น.
– ย้อนไทม์ไลน์ แม่บ้านเข้าไปตรวจสอบห้อง 502 หลังเลยเวลาเช็กเอาท์ และเรียก รปภ.ไปดู รปภ.ใช้มือถือไฟส่องไฟไปที่ประตู พบคนนอนอยู่ ซึ่ง รปภ.นึกว่าเป็นลม จึงไปหาเครื่องปั้มหัวใจมาช่วยเหลือ จึงการเกิดตรวจสอบและทราบว่าเสียชีวิตแล้วทั้งหมด
– จากการสอบปากคำพนักงานส่งอาหารของโรงแรม พบว่า มีการสั่งอาหารตั้งแต่เวลา 11.42 น. ของวันที่ 15 ก.ค. 67 จากผู้ชายหมายเลข 4 ซึ่งเป็นการสั่งอาหารรอบแรก โดยได้สั่งข้าวผัด 5 จาน ต้มยำกุ้ง 4 จาน ผัดผัก 4 จาน ผัดผักบุ้ง 1 จาน และอิงลิชที 2 กา พร้อมแก้วน้ำชา 6 ใบ
– ต่อมามีการสั่งอาหารรอบที่ 2 จากผู้ชายวัยรุ่นหมายเลข 3 ได้โทรสั่งข้าวผัดเพิ่มอีก 1 จาน เป็นจานที่ 6 และนำมาส่งที่ห้อง 502 และให้มาส่งตอน 14.00 น.
– ภาพจากกล้องวงจรปิด พบพนักงานโรงแรม 2 คน เข้าไปส่งอาหารในเวลา 13.51 น. และออกมาเวลา 13.57 น. โดยเข้าไปเพียง 6 นาที ซึ่งจากการสอบปากคำ พบว่า ตอนเข้าไปพบแค่ผู้หญิงหมายเลข 5 ซึ่งเป็นเจ้าของห้องพัก 502 เป็นผู้ที่รับอาหาร และเครื่องดื่มคือน้ำชา
– พนักงานโรงแรม 2 คน ยืนยันว่า ตอนที่เข้าไปนำอาหารทั้งหมดใส่ถาดและไปวางไว้ที่โต๊ะสี่เหลี่ยม ส่วนชุดชา แก้วน้ำร้อน และกระติกน้ำร้อน ได้มาวางไว้ที่โต๊ะกลมตามที่เห็นในภาพ
– พนักงานยังเล่าว่า จะขอชงชาให้ แต่ผู้หญิงหมายเลข 5 บอกว่าไม่ต้อง เดี๋ยวจัดการเอง
– เวลา 13.57 น. หลังพนักงานส่งอาหารทั้ง 2 คนเดินออกมา จะมีผู้หญิงหมายเลข 5 อยู่เพียงคนเดียวในห้องพัก
– เวลา 14.03 น. คือ 6 นาทีหลังจากนั้น ผู้หญิงหมายเลข 1 ลากกระเป๋าเข้าห้อง
– เวลา 14.04 น. ผู้ชายหมายเลข 6 ลากกระเป๋าเข้าห้อง
– เวลา 14.08 น. ผู้ชายหมายเลข 4 ลากกระเป๋าเข้าห้อง
– เวลา 14.12 น. ทุกคนที่อยู่ในห้องพัก รวมถึงผู้ชายวัยรุ่นหมายเลข 3 ได้รวมตัวกันอยู่หน้าห้องพัก
– เวลา 14.17 น. ทุกคนที่อออยู่หน้าพัก ได้เข้าไปในห้องพักทั้งหมด
– หลังจากนั้นไม่พบว่า มีใครเดินออกมาจากห้องพักนั้นเลย
– ขณะนี้รอผลชันสูตรพลิกศพจากทางนิติเวช ซึ่งอาจจะได้คำตอบในช่วงบ่ายวันนี้ หรือวันพรุ่งนี้
– แต่จากการตรวจสอบแก้วชา เราพบสาร “ไซยาไนด์” ในแก้วทั้ง 6 ใบ และหลังจากที่พนักงานส่งอาหารเสร็จตั้งแต่เวลา 13.57 น. ยืนยันว่า มีบุคคล 1 ใน 6 ที่ใช้สารไซยาไนด์ก่อเหตุดังกล่าว
– ทั้งนี้ได้ประสานสถานทูตเวียดนาม สถานทูตสหรัฐอเมริกา และมีเอฟบีไอ เข้ามาคลี่คลายคดีเพื่อให้เกิดความกระจ่างโปร่งใสและรัดกุม
– จากการให้ปากคำของญาติ ทราบว่า ผู้หญิงหมายเลข 5 เป็นนายหน้า ที่มาชักชวนลงทุน โดยสองสามีภรรยาหมายเลข 1 และ 6 ได้ร่วมลงทุนไป 10 ล้านบาทไทย และได้มอบเงินให้ผู้หญิงหมายเลข 5 ไปแล้ว แต่การดำเนินการยังไม่เป็นผล ซึ่งมีการทวงถามมาโดยตลอดและอย่างต่อเนื่อง
– ทั้งนี้ ได้มีการนัดหมายไปเคลียร์เรื่องดังกล่าวที่ประเทศญี่ปุ่น แต่ติดขัดเรื่องการขอวีซ่า จึงเดินทางมาที่ไทย และยังมีการนัดหมายกันไปไหว้พระที่วัดยานนาวาด้วย เดี๋ยววันนี้จะมีการสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อให้ทราบรายละเอียดทั้งหมดอีก
– ส่วนหมายเลข 3 และหมายเลข 4 ทางสหรัฐอเมริกา ก็มีข้อมูล ที่ต้องใช้เวลาตรวจสอบต่อไป
– ทั้งนี้ ยืนยันอย่างชัดเจนว่า เหตุดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนตัวของบุคคลทั้ง 6 ราย ซึ่งไม่ได้มีแก๊งอาชญากรใดๆ มาก่อเหตุในไทยเลย
ด้าน พล.ต.ท.ไตรรงค์ผิวพรรณผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ กล่าวอีกว่า…
– เมื่อวานนี้ ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ร่วมกับพนักงานสอบสวน ตรวจสถานที่เกิดเหตุ โดยเก็บวัตถุพยานไปพิสูจน์ ทั้งแก้วกาแฟ ของเหลวในกระติกชา ขวดน้ำ กระบุกชา น้ำผึ้ง ส่วนการเก็บสารพันธุกรรม และลายนิ้วมือแฝงได้เก็บทุกอย่างครบถ้วน
– เบื้องต้นตรวจเชิงคุณภาพ พบว่าเป็นสาร “ไซยาไนด์” อยู่ในของเหลวในกาน้ำชา อยู่คราบในแก้วกาแฟทั้ง 6 ถ้วย และจากการเก็บตัวอย่างเลือดของชายเสียชีวิตที่นั่งพิงกำแพงอยู่ พบว่า เลือดมีส่วนผสมของไซยาไนด์เช่นเดียวกัน
– ส่วนตรวจสอบเชิงปริมาณและวิเคราะห์นั้น ในช่วงเที่ยงวันนี้จะทยอยทราบผล รวมถึงการทยอยตรวจตัวอย่างอาหารอื่นๆ ซึ่งจะมีผลออกมาเรื่อยๆ
พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า…
– จากการสืบสวนสอบสวน ยังไม่ทราบเรื่องการที่มาของ “ไซยาไนด์” เรากำลังพยายามติดตามไทม์ไลน์การเดินทางไปตามที่พัก สถานที่ต่างๆ ที่ทุกคนเดินทางไป รวมถึงการพบปะผู้คน อย่างละเอียดและรอบคอบ เพื่อจะได้ทราบว่า สารไซยาไนด์ มาอยู่ที่เกิดเหตุได้อย่างไร ซึ่งขอใช้เวลาทำงานก่อน
– การตรวจสอบกระเป๋าเดินทางทั้ง 8 ใบ ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย แต่ในกระเป๋าของหมายเลข 5 พบเอกสารการฟ้องร้องคดีการจัดสรรที่ดินตั้งแต่ปี 2565 โดยจะให้ล่ามแปลเพื่อนำข้อมูลเข้าสำนวนต่อไป
– เรื่องการทำธุรกิจ พบว่า สองสามีภรรยา หมายเลข 1 และ 6 ทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างทำถนนที่เวียดนาม
– ส่วนธุรกิจที่ชวนการลงทุนนั้น ญาติให้ข้อมูลว่า เป็นการชักชวนลงทุน เพื่อไปสร้างโรงพยาบาลในญี่ปุ่น แต่ยังความเคลื่อนไหวการดำเนินการจากเบอร์ 5 และเบอร์ 2 เลย ซึ่งตรงนี้อาจต้องสอบสวนเพิ่มเติมอีก เบื้องต้นได้ข้อมูลจากญาติประมาณนี้
– หมายเลข 4 เชื้อชาติเวียดนามสัญชาติอเมริกัน เข้ามาวันที่ 7 ก.ค. ที่ผ่านมา การจองห้องพักเป็นหมายเลข 5 แต่หมายเลข 4 ใช้บัตรเครดิตตนเองรูดเพื่อค้ำประกันจองห้องพักของโรงแรม ซึ่งมีอายุใกล้เคียงกัน และมีสัญชาติอเมริกัน เบื้องต้นพบความสัมพันธ์เพียงเท่านี้ โดยจะประสานสถานทูตสหรัฐฯ ตรวจสอบปูมหลังทั้ง 2 คน
– ส่วนน้องสาวหมายเลข 2 ที่เดินทางกลับไปก่อน ตอนนี้ได้ประสานสถานทูตเวียดนาม เพื่อร่วมกันติดตามข้อมูลหลังจากได้มีการสอบปากคำน้องสาวแล้วเสร็จ
– ตอนนี้ระบุว่า บุคคลทั้ง 6 คน ไม่มีหมายจับตำรวจสากลใดๆ เพราะหากมี Red Notice จะไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศไทย แต่เรื่องหมายจับในประเทศยังต้องรอข้อมูลจากตำรวจของประเทศนั้นๆ อีกครั้ง
– ทั้งนี้ยืนยันว่า การเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศ ยังเป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยว และมีความปลอดภัย ซึ่งเรามีมาตรการเฝ้าระวังเข้มข้น และวางมาตรการป้องกันคัดกรองนักท่องเที่ยวที่เข้ามาไทยด้วย
– ส่วนเรื่องกระติกน้ำร้อน ที่ตอนแรกมีช่าวว่า ไม่ใช่ของโรงแรมนั้น เกิดความผิดพลาด พอดีคำตอบไม่ได้มาจากเจ้าหน้าที่ห้องอาหาร เลยไม่ทราบว่าเป็นของโรงแรม แต่จริงๆ ยืนยันจากพนักงานห้องอาหารแล้วว่า เป็นกระติกน้ำของโรงแรมจริง
– สรุปได้ว่า หลังจาก 13.57 น. ที่พนักงานออกมา และ 14.17 น. ที่ทุกคนกลับเข้าไป และยังไม่มีใครออกมาเลย ซึ่งญาติๆ ก็ติดใจว่า 1 ในบุคคลทั้ง 6 คนนี้ ที่วางยาบุคคลทั้งหมด
– แพทย์ยืนยัน ทุกคนเสียชีวิต 24 ชั่วโมง +- ซึ่งก็ไล่เลี่ยกัน
– พนักงานส่งอาหารให้ข้อมูลว่า ผู้หญิงหมายเลข 5 พูดน้อยมาก และดูมีความเครียด ขณะที่พนักงานชมว่า แต่งชุดสวย ผู้หญิงหมายเลข 5 ยังไม่ยิ้มเลย
– จากการสอบถามญาติ “ชาวเวียดนาม” คาดว่า ผู้ชายวัยรุ่นหมายเลข 3 ซึ่งเป็นช่างแต่งหน้าชื่อดังที่เมืองดานัง อาจมีส่วนร่วมลงทุนในธุรกิจด้วย
– ล่าสุดเวลา 15.30 น. นิติเวช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ แถลงยืนยัน ชาวเวียดนาม ทั้ง 6 ศพ เสียชีวิตจากสาร “ไซยาไนด์” พบอาการปากม่วงที่ศพทั้ง 6 ศพ แต่ยังไม่ชัดปริมาณไซยาไนด์มากน้อยแค่ไหน ซึ่งต้องรอผลตรวจเลือดอย่าละเอียดอีกครั้ง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
– นายกฯนำแถลง รอพิสูจน์ ‘วางยาพิษ’ ชาวเวียดนาม 6 ศพ เครื่องดื่มมื้อสุดท้ายพบน้ำผึ้งชาอู่หลง
– ตั้งใจกลับไปร่วมเวิร์กชอป!! โพสต์สุดท้าย ‘ช่างแต่งหน้าดัง’ 1 ใน 6 ศพ ‘ชาวเวียดนาม’ คดีวางยาพิษ