ทนาย “ทักษิณ ชินวัตร” เผย ยังไม่ยื่นขอพักโทษ โฆษกกรมคุกแจง ยังไม่ครบเกณฑ์ ต้องติดคุกอย่างน้อย 6 เดือน แม้จะเหลือโทษจำคุก 1 ปี เกณฑ์พิจารณาพักโทษ เป็นกระบวนการของกรมราชทัณฑ์…
นายสิทธิ สุธีวงศ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงประเด็น ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และในฐานะผู้ต้องขังเด็ดขาด ได้ดำเนินการยื่นเอกสารต่อเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อขอเข้าโครงการพักการลงโทษ กรณีมีเหตุพิเศษเจ็บป่วยร้ายแรง หรือพิการ หรือมีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป ว่า ตามกระบวนการขอพักโทษนั้น เป็นกระบวนการที่เรือนจำฯ จะเป็นผู้พิจารณา ยื่นเรื่องให้กรมราชทัณฑ์พิจารณา โดยการยื่นรายชื่อบุคคลที่จะดำเนินการพักโทษได้ จะต้องพิจารณาจาก คุณสมบัติของนักโทษรายนั้นๆ
- แบบปกติ นักโทษรายนั้นจะต้องโทษจำคุกไม่ต่ำกว่า 2 ใน 3 ของโทษจำคุกที่ได้รับ
- แบบพิเศษ มีเกณฑ์แยกย่อย 3 ข้อ คือ จะต้องเป็นนักโทษที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไป, มีภาวะป่วยชราภาพ และต้องโทษไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของโทษจำคุก หรือต้องโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป
“กรณีของ ทักษิณ ชินวัตร สามารถเข้าเกณฑ์ได้ทั้งแบบปกติและแบบพิเศษ เพราะถือเป็นผู้ต้องขังสูงอายุมากกว่า 70 ปีขึ้นไป และป่วยร่วมด้วย แต่ตามกฎหมายระบุชัดเจนว่า จะต้องมีการรับโทษจำคุกไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 หรือตั้งแต่ 6 เดือน อย่างใดอย่างหนึ่งมากกว่า ปัจจุบันนายทักษิณได้การอภัยลดโทษเหลือจำคุกเพียง 1 ปี ดังนั้นการรับโทษ 1 ใน 3 ของนายทักษิณ ก็คือ 4 เดือน แต่ตามกฎหมายมีการระบุว่า หรือ 6 เดือน อย่างใดอย่างหนึ่งมากกว่า จะเท่ากับว่า นายทักษิณจะต้องจำคุกอย่างน้อย 6 เดือน ซึ่งจะไปสิ้นสุดอยู่ที่ห้วง เดือน ก.พ.2567 การยื่นขอพักโทษมาก่อน ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ เพราะไม่เข้าเกณฑ์ แต่หากมีการยื่นจริง จะเป็นการเสนอรายชื่อพร้อมผู้ต้องขังรายอื่น และเข้าสู่การประชุมร่วมกันของคณะกรรมการพักการลงโทษ ของกรมราชทัณฑ์ จะเกิดขึ้นเดือนละ 1 ครั้ง เป็นปกติ”
กรณีการพักรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจของ ทักษิณ ชินวัตร ที่ใกล้ครบกำหนดระยะเวลา 30 วัน สำหรับการนอนพักรักษาตัวภายนอกเรือนจำแล้ว โฆษกกรมราชทัณฑ์ บอกว่า ตามแนวปฏิบัติแล้ว ทีมแพทย์ผู้รักษาจะส่งผลประเมินเรื่องสุขภาพ มาให้เรือนจำและกรมราชทัณฑ์ เพื่อพิจารณาอาการ และความจำเป็นต่อการรักษานอกเรือนจำ จากความเห็นของแพทย์เป็นสำคัญ
ด้านนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความประจำตัวนายทักษิณ เผยด้วยว่า ยังไม่ได้ดำเนินการยื่นขอพักโทษแต่อย่างใด ที่ปรากฎกระแสข่าวไม่เป็นความจริง.