‘บิ๊กต่อ’ ผงาดขึ้น ผบ.ตร.ด้วย มติ ก.ตร. 10 ต่อ 1 เสียง ขณะที่ สตช.เร่งคดี ‘บิ๊กโจ๊ก‘ ย้ำให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย หลัง “บิ๊กโจ๊ก” ตั้งทีมทนายสู้คดีค้นบ้านไม่ชอบ ลั่น “ถ้าทุบหม้อข้าวตัวเอง คงตายทั้ง สตช.”
วันที่ 27 ก.ย.66 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) วาระสำคัญพิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.คนใหม่ ที่ประชุม มีมติแต่งตั้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็นผบ.ตร.คนที่ 14 ด้วยมีมติ 10 ต่อ 1 เสียง จากที่ประชุมก.ตร.ที่มีทั้งหมด 12 เสียง
จำนวนนี้ นายเศรษฐา นายกฯ ในฐานะประธาน ก.ตร. งดออกเสียง ส่วนอีกเสียงคือ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ออกเสียงไม่เห็นชอบ
นอกจากนี้ ที่ประชุม มีมติให้ขยายเวลาการแต่งตั้ง ระดับ รอง ผบ.ตร. – ผู้บังคับการ ออกไปจนถึงวันที่ 31 ต.ค.2566
‘บิ๊กเด่น’ สั่งเด้ง 8 นายตำรวจ ลูกน้อง ‘บิ๊กโจ๊ก’
มีรายงานว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. มีคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการและรักษาราชการแทน ด้วยได้รับรายงานเหตุ ข้าราชการตำรวจถูกดำเนินคดีอาญาในข้อหา ร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือ ทำอุบายล่อ ช่วยประกาศโฆษณาหรือชักชวนโดยทางตรง หรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน
เนื่องจากเป็นกรณีที่ข้าราชการตำรวจถูกดำเนินคดีในการกระทำผิดอาญา ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการปฏิบัติราชการในภาพรวมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาคาร 1 ชั้น 20 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และให้ข้าราชการตำรวจรักษาการแทนในตำแหน่งราชการต่างๆ รวม 12 ราย เป็นลูกน้องของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.
นอกจากนี้ ผบ.ตร.ยังเสนอให้แต่งตั้งพนักงานสอบสวนของชุด สตช.ร่วม โดยมี พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข จเรตำรวจ เป็นประธาน เพื่อควบคุมดูแลให้เกิดความเป็นธรรมที่สุดกับทุกฝ่าย
เปิดตัวทนายสู้คดีออกหมายค้นโดยมิชอบ
ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ได้รับความไว้วางใจเป็นทนายความให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สู้คดีหมายค้นมิชอบ ยืนยันไม่หนักใจ ลั่นงานนี้เอาอยู่ ใครบอกว่าตายแน่โจ๊กหวานเจี๊ยบ ผมจะเปลี่ยนให้เป็นอัคนี แปลว่าพระเพลิง เผาหมดทุกอย่าง พร้อมเชื่อว่า บิ๊กโจ๊ก ถูกรังแก
ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยอมรับกรณีการให้เงินนักข่าวบางสำนัก เพราะนักข่าวที่ไปกับตนเวลาไปทำข่าวหลายๆ วัน มีเป็นทีมเลยให้ 10,000 บาท ต่อจำนวน 4-5 วัน ซึ่งไม่ได้มากและทุกครั้งที่ให้เขาก็บอกว่าทางช่องให้แล้ว พวกนี้เขาไม่เคยมาขอเงินตนเลย แต่ตนเลี้ยงอาหารกลางวัน นักข่าวที่มาทำข่าวที่สโมสรตำรวจ มีลูกน้องที่ต้องเลี้ยงอาหารกลางวัน วันละ 200 กล่อง ตกเดือนละ 250,000 บาท ซึ่งเป็นเงินถูกกฎหมาย เป็นเงินส่วนตัว
“ทั้งนี้ รู้ว่าใครเป็นคนดำเนินการกับเรื่องราวทั้งหมด รู้ว่าใครเป็นคนสั่ง แต่ไม่อยากทุบหม้อข้าวตัวเอง ไม่อยากให้ลูกน้องที่ไม่เกี่ยวข้องเขาเดือดร้อน ได้มีทางเดิน ถ้าทุบหม้อข้าวตัวเอง คงตายทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงไม่เปิดรายละเอียดทั้งหมด”
‘อัจฉริยะ’ ยื่น ปปป.สอบ บ้าน 5 หลัง
นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนถึง ปปป. ให้ตรวจสอบบ้าน 5 หลังที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อ้างว่าเป็นเจ้าของ แต่ใช้ชื่อผู้อื่นถือกรรมสิทธิ์ครอบครอง รวมทั้งขอให้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน เผยตนมีข้อมูลลับจำนวนมาก เชื่อว่าถ้าเปิดข้อมูลนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะไม่มีแผ่นดินจะอยู่ ลั่นนี่ถือว่าเป็นสงครามครั้งสุดท้ายระหว่างตน กับพล.ต.อ.สุรเชษฐ์
ลุยสอบทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่กังวลถูกฟ้องกลับ
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระบุถึงความคืบหน้าในคดีเว็บไซต์พนันออนไลน์ หลังมีผู้ต้องหาในคดี 8 รายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในส่วนการขยายผลไปถึงกลุ่มผู้เกี่ยวข้องทั้งพลเรือน,ตำรวจ และทหาร ว่าขณะนี้อยู่ในระหว่างการสืบสวนของพนักงานสอบสวน ซึ่งวันนี้คณะทำงานจะมีการประชุมหารือกันเพื่อขยายผลต่อจากกลุ่มผู้ต้องหาที่มีการจับกุมสำหรับการเรียก เฮียแต๋ม และภรรยาที่มีการเปิดเผยข้อมูลว่าเป็นเจ้าของบ้านที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เช่าให้ผู้ใต้บังคับบัญชาพักอาศัยมาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเชื่อมโยงกับผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน
กรณีการเรียกสอบกลุ่มสื่อมวลชน พล.ต.ท.ไตรรงค์ ระบุว่า กลุ่มนี้เป็นในส่วนกลุ่มพลเรือน มีบางรายที่เจ้าหน้าที่เองก็มีข้อมูลว่าเป็นสื่อมวลชน หรือรู้เองในวงการว่ารายชื่อดังกล่าวเป็นสื่อมวลชน กลุ่มนี้จะมีการเรียกสอบในฐานะที่มีเส้นทางการเงินเกี่ยวข้องกับบัญชีม้าของกลุ่มผู้ต้องหาที่มีการจับกุม ส่วนการรับเงินโดยตรงจากบัญชีอื่น ๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีก็ถือว่าไม่ได้มีความผิด
“ไม่กังวลใจกรณีที่ บิ๊กโจ๊ก จัดตั้งชุดทนายความเพื่อเตรียมฟ้องกลับชุดจับกุมว่าทำหน้าที่โดยไม่ชอบ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ยืนยันทุกขั้นตอนและกระบวนการเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักขั้นตอนของกฎหมาย”