สธ.ว้าวุ่น เด็กเกิดใหม่ ลดฮวบเข้าขั้นวิกฤต ดันเป็นวาระแห่งชาติ “ส่งเสริมการมีบุตร” ปี 66 เป็นปีแรกขาดแคลนวัยทำงาน คาดอีก 60 ปีไร้แผนกระตุ้น ประเทศไทยจะเหลือประชากรเพียง 33 ล้านคน
ว้าวมากแม่ ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข เปิดสถิติชวนให้น่าวิตก โดยเฉพาะการลดลงของ เด็กเกิดใหม่ ในประเทศไทย อยู่ในขั้นวิกฤต จนเกรงว่าจะไร้คนภาคแรงงาน พัฒนาประเทศในอนาคต นั่นอาจหมายถึงว่า คนยุคนี้ไม่อยากมีลูกงั้นเหรอ เป็นเพราะค่าครองชีพมันสูง ภัยพิบัติน่ากลัว โรคภัยไม่อาจรักษาได้ง่าย สังคมไม่น่าอยู่ นั่นคงไม่ใช่เหตุผลทั้งหมด แต่ต้องมีสักเหตุผลแน่ๆ โดยเฉพาะภาระหรือความห่วงหาอาทร เมื่อเด็กเกิดมาแล้วย่อมเป็นสายใยแห่งความห่วงหาไปตลอดชีวิต มันจะง่ายกว่ามั้ย ถ้าอยู่กันเพียงลำพังฉันสามีภรรยาก็พอ!! ไปดูสถิติกัน…
เด็กเกิดใหม่ ลดฮวบถึง ‘ขั้นวิกฤต’
– จากเดิมมี เด็กเกิดใหม่ ไม่ต่ำกว่าปีละ 1 ล้านคน ในช่วงปี พ.ศ. 2506 – 2526
– ลดลงเหลือ 485,085 คน ในปี 2564
– มีจำนวนการตาย 550,042 คน ซึ่งมากกว่าจำนวนการเกิดถึง 64,957 คน
– การลดลงนี้สอดคล้องกับอัตราเจริญพันธุ์รวม ที่ลดต่ำกว่าระดับทดแทน (2.1) มาตั้งแต่ปี 2536 และปี2565 อยู่ที่ 1.16
– เกือบทุกจังหวัดในประเทศไทย มีอัตราเจริญพันธุ์รวมต่ำกว่าระดับทดแทน
– มีเพียงจังหวัดยะลาเท่านั้น ที่มีค่า TFR เท่ากับ 2.27 ซึ่งสูงกว่าระดับทดแทน
สาเหตุ ปัจจัยทำให้ขาดแคลน เด็กเกิดใหม่
– มาจากปัญหาด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษาและสิ่งแวดล้อม ที่ไม่เอื้อต่อการมีลูก
– มีเพียงร้อยละ 10 เท่านั้น ที่มาจากปัญหาด้านสุขภาพ
– หากยังไม่มีมาตรการจูงใจให้ประชาชนตัดสินใจมีบุตร บนพื้นฐานของสิทธิส่วนบุคคล ก็จะไม่สามารถเพิ่มจำนวน เด็กเกิดใหม่ ได้
ปี 2566 เด็กเกิดใหม่ ทำประชากรวัยแรงงานขาด
– ในปี 2566 นับเป็นปีแรกที่จำนวนประชากรเข้าสู่วัยแรงงาน (อายุ 20 – 24 ปี) ไม่สามารถชดเชยจำนวนประชากร ที่ออกจากวัยแรงงาน (60 – 64 ปี) ได้
– ช่องว่างระหว่างจำนวนประชากรเข้าและออกจากวัยแรงงานจะกว้างมากขึ้น เสี่ยงต่อการขาดแคลนแรงงาน ภาวะพึ่งพิงต่อวัยทำงานสูงขึ้น จากภาวะ เด็กเกิดใหม่ ลด
– มีงบประมาณในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น
“กระทรวงสาธารณสุข เร่งผลักดันให้การส่งเสริมการมีบุตร (เด็กเกิดใหม่)เป็น “วาระแห่งชาติ” เพื่อให้รัฐบาลเป็นผู้ลงทุนหลักในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สาระสำคัญที่พิจารณาคือ มาตรการส่งเสริมการมีบุตร ทั้งเรื่อง ความสมดุลการทำงานกับการดูแลครอบครัว การแบ่งเบาค่าใช้จ่ายและภาระในการเลี้ยงดูบุตร การช่วยเหลือคนที่มีบุตรยาก และการแก้ไขฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงบริการรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ ในกลุ่มที่ใช้ชีวิตคู่ไม่อยากจดทะเบียนสมรส กลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ กลุ่มหนุ่มโสด สาวโสดที่อยากมีลูกแต่ไม่อยากมีบุตร ให้มีโอกาสมีลูกได้”
นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุ
เด็กเกิดใหม่ 60 ปีข้างหน้า ประชากรไทยเหลือ 33 ล้านคน
ข้อมูลจาก ศาสตราจารย์ ดร.เกื้อ วงศ์บุญสิน ศาสตราจารย์เชี่ยวชาญด้านประชากรศาสตร์
– ใน 60 ปีข้างหน้า จำนวนประชากรไทย จะลดลงจาก 66 ล้านคน เหลือเพียง 33 ล้านคน
– ในปี 2626 จำนวนประชากรวัยแรงงาน (ช่วงอายุ 15 ถึง 64 ปี) จะลดลงจาก 46 ล้านคน เหลือเพียง 14 ล้านคน
– จำนวนประชากรวัยเด็ก (ช่วงอายุ 0 ถึง 14) จะลดลงจาก 10 ล้านคน ในเหลือเพียง 1 ล้านคน
– สูงวัย (65+) เพิ่มขึ้นจาก 8 ล้านคน ไปเป็น 18 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 50 ของประชากรทั้งประเทศ
– หากประชากรลดลงมากขนาดนี้ คนในวัยทำงานลดลงมากขนาดนี้ ภาครัฐก็จะไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้เพียงพอต่อการพัฒนาประเทศ
จัดเป็นวาระแห่งชาติ ‘เด็กเกิดใหม่’
ล่าสุด กระทรวงสาธารณสุขได้มอบหมายให้กรมอนามัย ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการใน 2 เรื่องหลักที่ต้องการให้สำเร็จภายใน 100 วัน
- การผลักดัน ประเด็น ส่งเสริมการมีบุตรเป็นวาระแห่งชาติ
- การมีคลินิกส่งเสริมการมีบุตร จังหวัดละ 1 แห่ง เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการรักษาภาวะมีบุตรยากได้เร็วขึ้น ในอายุที่น้อยลง เพื่อเพิ่มโอกาสในการมีบุตร
- จัดอบรมพัฒนาศักยภาพให้บุคลากร 3 กลุ่มหลัก คือ สูตินรีแพทย์ พยาบาลและนักเทคนิคการแพทย์ คาดว่าจะสามารถให้บริการกับประชาชนได้ภายในธันวาคม 2566 นี้