กองสลากฯ วางเป้า 3 ปี ขายสลากดิจิทัล 50 ล้านใบ ระบบเป๋าตัง ชี้ตอบโจทย์ได้ทุกด้าน
นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะประธานสลากกินแบ่งรัฐบาล เผยที่ประชุมกรรมการสลากฯ เห็นชอบแนวทางการเพิ่มสลากดิจิทัล ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง ในปี 2566 เป็น 30 ล้านใบ และในระยะ 3 ปี จะทยอยเพิ่มขึ้น โดยปี 2567 อยู่ที่ 40 ล้านใบ และปี 2568 อยู่ที่ 50 ล้านใบ ทำให้สลากในระบบทั้งหมดเป็นแบบใบ 50 ล้านใบ และดิจิทัล 50 ล้านใบ คาดว่าจะมีคนซื้อ เพิ่มขึ้นจาก 1.8 ล้านคน เป็น 2-3 ล้านคน จากนี้จะต้องสร้างความรับรู้ให้คนซื้อ – คนขายว่ามีข้อดีอย่างไรที่สลากมาอยู่ในระบบเป๋าตัง
สำหรับวิธีการเพิ่มสลากดิจิทัล มาจาก 4 แนวทาง ประกอบด้วย
- การดำเนินการตัดสิทธิ์ในระบบจอง-ซื้อ ที่ขายเกินราคา รวมทั้งขายส่งให้แพลตฟอร์มเอกชน
- การสมัครใจ สำนักงานฯ จะกำหนดกติกาใหม่ ตั้งแต่งวดวันที่ 1 เม.ย.2566 ผู้ที่มีสิทธิ์ซื้อ-จองจะลดจำนวนลงจาก 5 เล่มเหลือ 3 เล่ม เพื่อให้เพียงพอต่อผู้ที่มากดซื้อ-จอง
- แนวทางจำหน่ายสลากแบบ 6 หลัก หรือ แอล 6 ขณะนี้ อยู่ระหว่างเสนอกระทรวงการคลัง ดูความครบถ้วนสมบูรณ์ ทำให้สลากแบบเดิมไม่ต้องพิมพ์เป็นใบ สามารถปรับเปลี่ยนเป็นดิจิทัลเพิ่มได้ ดูตามจำนวนความเหมาะสม
- กลุ่มโควตาต้องเรียนรู้ปรับตัวมาขายแบบดิจิทัล (กลุ่มที่มีสัญญา สิ้นสุด ธ.ค.2566) มอบหมายให้คณะกรรมการจัดสรรสลากไปดำเนินการนำกลุ่มนี้ทยอยเข้ามาอยู่ในระบบดิจิทัลเพิ่มขึ้น
ระบบเป๋าตังตอบโจทย์ทุกอย่าง
- มีการยืนยันตัวตนชัดเจน ไม่สามารถขายต่ำกว่า 20 ปีได้
- เมื่อถูกรางวัล จะมีการแจ้งเตือน ผู้ซื้อสามารถเลือกรับรางวัลด้วยตัวเองก็ได้ ก็เป็นสิทธิ์ของคนซื้อ หรือ โอนผ่าน g-wallet โอนผ่านทุกบัญชีธนาคาร เสียค่าธรรมเนียม 1% (คาดว่าใน 1 เดือนจากนี้ จะมีระบบอัตโนมัติให้ผู้ซื้อสามารถเลือกได้ล่วงหน้าว่าจะรับเงินรางวัลแบบใด ขณะที่รางวัลที่ 1 ต้องมารับด้วยตัวเอง)
- สลากดิจิทัล เมื่อมีการถูกรางวัลจะมีใบเสร็จรับเงิน มีชื่อ ที่อยู่ระบุชัดเจน รวมทั้งยังมีประวัติการซื้องวดที่ 1 จนถึงปัจจุบันเป็นหลักฐานจะถูกตรวจสอบถูกรางวัลจริงหรือไม่