โรคระบาดโควิด ทำให้ทุกคนในโลกกระทบไปหมด มากน้อยแตกต่างกันไป หลายคนโชคดีที่มองหาโอกาสในวิกฤติครั้งนี้ได้ เช่น เขาคนนี้ ต้า-กวิน สุวรรณตระกูล เขาเป็นที่ปรึกษาธุรกิจ เป็นนักเขียนด้านการเงินการลงทุน มีผลงานหนังสือรวมเล่มหลายเล่ม แต่จากภาวะโควิด เขาก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกับคนทั่วไป ตลาดหุ้นตก เศรษฐกิจเสียหาย ไม่มีใครอยากมาอ่านหนังสือเรื่องการออม การลงทุนแล้ว ตลาดคอนเทนเปลี่ยนไปเยอะ
การทำหนังสือเล่มไม่ตอบโจทย์ตลาดในช่วงนี้ แม้แต่การทำคอนเทคในโซเชี่ยลมีเดียก็ยากขึ้นเช่นกัน การจ้างงานเปลี่ยนไปการจ่ายเงินยากขึ้น ตอนนี้เขาทำงานฟรีแลนซ์ เป็นที่ปรึกษาด้านพัฒนธุรกิจด้านการเงิน และช่วยงาน NGO ด้านการเงินของบริษัทในต่างประเทศบ้างเป็นจ้อบๆ ไป ควบคู่กับการลงทุนต่างๆ ทั้งหุ้น กองทุน ตราสาร คริปโต ถ้าไม่บริหารเงินให้ดีการเป็นฟรีแลนซ์อย่างเดียวมันเสี่ยงเกินไป เขาเริ่มออม-ลงทุนตั้งแต่เรียนปริญญาโท แรกๆ ก็มีขาดทุนประสบการณ์ก็สอนมาเรื่อยๆ
ทุกวิกฤตย่อมมีโอกาสเปิด E-Ka เว็บมงคล
ช่วงโควิดงานหดหาย ว่างๆ เขาเลยไปเรียนด้านโหราศาตร์ไทย 7 ตัว 9 ฐาน และตัวเลขต่างๆ เพราะมองว่าเป็นเรื่องสถิติอิงหลักวิทยาศาสตร์ ที่เรียนรู้กันมาหลายร้อยปี เพราะโดยส่วนตัวเขาชอบดูหมอ สนใจเรื่องปรัชญาฮินดู เมื่อเรียนแล้วก็สามารถนำมาปรับใช้เช่น ช่วงนี้ดวงดีควรลงทุน ควรรับจ๊อบเพิ่ม ช่วงนี้ดาวเคราะห์เข้าดวงการเงินเสียให้นิ่งๆ ตั้งสติอย่าเพิ่งทำอะไรอย่าลงทุนเพิ่ม
ด้วยความที่มีมุมมองทางธุรกิจอยู่เสมอ เขาจึงนำสิ่งที่เรียนมาปรับใช้ให้เหมาะกับยุคสมัยเอาเทคโนโลยีเข้ามาต่อยอดสร้างงานได้อีก เขาจึงร่วมกับเพื่อนๆ เปิดเว็บไซต์ E-Ka World ให้บูชาวอลเปเปอร์มงคลบนโทรศัพท์มือถือ เป็นรูปเทพ 5 องค์ คือ พระพิฆเณศวร พระแม่ลักษณมี พระแม่สุรัสวดี พระตรีมูรติ ท้าวเวสสุวรรณ ในราคาหลักร้อยบาท
โดยผู้ที่สนใจจะต้องกรอกข้อมูลวันเดือนปีเกิด และระบุว่าต้องการโชคดีด้านใด แล้วเว็บจะวิเคราะห์ข้อมูลว่า เหมาะกับการบูชาเทพองค์ใด ซึ่งแต่ละคน จะได้ไม่เหมือนกัน ถือเป็นการสร้างขวัญกำลังใจในยามที่เศรษฐกิจย่ำแย่ ออกแบบรูปเทพให้มีความสวยงาม มีตัวเลขมงคลในความหมายที่ดีเป็นส่วนประกอบ ในปีหน้าจะคิดต่อยอดพัฒนาไปอีก โดยจะไม่เน้นของแพงราคาเบาๆ ที่ทุกคนสามารถจ่ายได้
“เราเน้นไอเดียความคิดสร้างสรรค์ไม่ต้องลงทุนเยอะขายในราคาย่อมเยา อาศัยความเชื่อในมุมดีๆส่งเสริมกำลังใจ”
การออมและลงทุนคือสิ่งจำเป็น
ไม่ว่าเศรษฐกิจหรือสถานการณ์ต่างๆ จะเปลี่ยนไปอย่างไร เรื่องการออมและการลงทุน ก็ยังเป็นเรื่องสำคัญ สำหรับทุกคนประเทศไทยไม่ใช่รัฐสวัสดิการ ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ทุกคนต้องออมเพื่ออนาคตยามเกษียณของตนเอง ประเทศไทยเราไม่ได้ปลูกฝังเรื่องการออมตั้งแต่เด็ก เหมือนประเทศญี่ปุ่นหรือยุโรป บทเรียนจากโควิดสอนถึงความไม่แน่นอน
“ตามหลักการเงินเราต้องมีเงินออมฉุกเฉิน 6 เท่าของรายจ่ายประจำเดือน ซึ่งผมว่ายังน้อยไป ควรจะต้อง 18 เดือน ดูโควิดสิสองปีกว่า บทเรียนครั้งนี้สอนว่า ต้องมีเงินใช้ 1 ปี ถ้าไม่มีงานทำต้องอยู่ได้ ถึงเวลาคิดใหม่ทำใหม่ แล้วโควิดยังไม่หมดอาจจะมีโรคระบาดแบบนี้มาอีก เหนือการคาดเดา คนที่เตรียมตัวดีจะอยู่รอด ออมแบบไหนก็เลือกตามไลฟ์สไตล์ของแต่ล่ะคน แต่ผมก็ยังลงทุนในรูปแบบเดิมๆ ที่ถนัด เพิ่มเติมคือลงทุนคริปโตบ้าง แต่ส่วนน้อยแค่ 15%ของการลงทุนทั้งหมด”
เขายังแนะนำการลงทุนในหุ้นว่า ยังมีบ้าง 30% ของวงเงิน โดยเลือกลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี เช่น กลุ่มอาหาร โรงพยาบาล และการท่องเที่ยว กระจายไป 5 ตัว และเล่นหุ้นต่างประเทศบ้างเล็กน้อย คือกระจายการลงทุนไปใน 4-5 ประเภท เพื่อกระจายความเสี่ยงไม่เทไปในกลุ่มใดมากเกินไป
ทางด้านการศึกษานั้นเขาจบปริญญาตรีด้านบริหารธุรกิจจากเอแบค ปริญญาโทด้านการตลาดจากประเทศอังกฤษ เคยทำงานด้านการตลาดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ และพัฒนาธุรกิจต่างประเทศ ที่ธนาคารกสิกรไทยอยู่ 7 ปี ก่อนจะมาทำงานอิสระทางด้านการเงินประมาณ 10 ปี
“แต่กำลังจะกลับไปทำงานประจำอีกครั้งทางด้านเทรนนิ่งด้านการเงิน ตอนแรกไม่คิดจะกลับไปทำงานประจำแล้ว แต่ได้เงื่อนไขคือให้ทำงานแบบเวิร์คฟอร์มโฮมได้ เข้าออฟฟิศเพียงสัปดาห์ละครั้ง ก็ถือว่าเป็นเงื่อนไขที่ดี ตอนนี้เทคโนโลยีมันอำนวยสะดวกให้เราทำงานที่ไหนก็ได้ ไม่ควรต้องฝ่ารถติดเพื่อไปทำงานอีกแล้ว และผมชอบทำงานคนเดียวหรือเป็นกลุ่มเล็กๆ ไม่จำเป็นต้องมีทีมงานมากมาย ซึ่งโครงสร้างองค์กรเริ่มเป็นแบบนี้มากขึ้นเหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่เราชอบพอดี” เขากล่าวทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้ม.